แนวรบตะวันออกกลาง จาก “ฮามาส” ถึง “ฮิซบอลเลาะห์”

ตลอดช่วงระยะเวลาที่กองทัพอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มฮามาสอยู่ในฉนวนกาซา ฮิซบอลเลาะห์ ขบวนการติดอาวุธที่ปักหลักอยู่ทางตอนใต้ของเลบานอน ยิงจรวดถล่มใส่ดินแดนทางตอนเหนือของอิสราเอลเป็นประจำ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นรายวัน

ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ เลขาธิการฮิซบอลเลาะห์ ประกาศชัดเจนว่าจะเป็นแนวร่วมหนึ่งเดียวกับฮามาส จนกว่าสงครามในกาซาจะยุติลง

นั่นคือที่มาของปฏิบัติการเพจเจอร์ และวอล์กกี-ทอล์กกี สังหารเมื่อสัปดาห์เศษที่ผ่านมา ซึ่งทุกฝ่าย “เชื่อว่า” เป็นปฏิบัติการของอิสราเอล แม้จะไม่มีการออกมายอมรับอย่างเป็นทางการก็ตามที

นักวิเคราะห์ทั่วไปชี้ว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็น “ผลงาน” ของ “มอสสาด” หน่วยข่าวกรองในต่างแดนที่ขึ้นชื่อของอิสราเอล ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับหน่วยข่าวกรองหรือหน่วยสืบราชการลับทั่วไป ตรงที่มอสสาดสามารถปรับเปลี่ยนข่าวกรองที่ได้มา ให้กลายเป็นปฏิบัติการเชิงรุกได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิด วินาศกรรม หรือลอบสังหารรายบุคคล

ชาแชงค์ โจชิ บรรณาธิการข่าวการทหารของ ดิ อีโคโนมิสต์ ชี้ว่าสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นในกรณีเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารพกติดตัวครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า มอสสาดทำถึงขนาดตั้งบริษัทบังหน้าขึ้นมา เพื่อผลิต “เพจเจอร์” และ “วอล์กกี-ทอล์กกี” ที่ระเบิดได้ขึ้นมาป้อนให้กับฮิซบอลเลาะห์

โรเนน เบิร์กแมน ผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนของนิวยอร์ก ไทม์ส ระบุว่า มอสสาดรู้มาตั้งแต่ปี 2018 ว่าฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ แล้วจึงแทรกซึมเข้าไปในห่วงโซ่การผลิต จนสามารถจัดสรรเพจเจอร์พิเศษให้กับฮิซบอลเลาะห์ราว 4,500 ตัว

บางคนเชื่อว่า มอสสาดรู้กระทั่งว่า เพจเจอร์เหล่านี้ถูกแจกจ่ายให้กับใครบ้าง ไปอยู่ที่ไหนบ้าง ก่อนที่จะจุดชนวนระเบิดขึ้น

แต่หลายคนรวมทั้งโจชิ ไม่เชื่อว่าจะถึงขนาดนั้น

 

กระนั้น ไลนา คาทิบ ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญตะวันออกกลางของมหาวิทยาลัยโซแอส ในลอนดอน ระบุว่า เหตุระเบิดเพจเจอร์ ช่วยฉายให้โลกภายนอกได้รับรู้ถึงโครงสร้างและการจัดตั้งของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเดิมถูกปกปิดเข้มงวดอย่างยิ่ง แทบไม่มีใครรู้ว่าใครคือกองกำลังฮิซบอลเลาะห์ บางครั้งแม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่ล่วงรู้

เหยื่อระเบิดบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ซึ่งกลายเป็น “ขุมทรัพย์” สำหรับหน่วยข่าวกรองอย่างมอสสาด คาทิบระบุว่า ในกรณีหนึ่ง เหยื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เมื่อมีคนมาเยี่ยมดูอาการ ก็จะถูกแกะรอย ซึ่งนำไปสู่ที่ชุมนุมของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ รวมทั้งคนระดับแกนนำ และจะตกเป็นเป้าการโจมตีทางอากาศในเวลาต่อมา

เบิร์กแมนไม่เชื่อว่า เป้าหมายของการโจมตีทั้งด้วยระเบิดเพจเจอร์และการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ จะเป็นการปูทางไปสู่การเปิดศึกกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เขายืนยันว่า แกนนำในกองทัพอิสราเอลไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดศึกในเลบานอนเต็มรูปแบบ

เบิร์กแมนเชื่อว่า เป้าหมายของอิสราเอลก็คือการทำให้ฮิซบอลเลาะห์อ่อนกำลังลง บีบให้นัสรัลเลาะห์ ตกลงหยุดยิง หยุดโจมตีอิสราเอลรายวัน โดยไม่จำเป็นต้องยุติสงครามในกาซาอย่างที่ฮิซบอลเลาะห์ยืนกราน แต่จะเปิดโอกาสให้ทางกองทัพอิสราเอลสามารถโฟกัสการปฏิบัติการมาที่กาซาโดยเฉพาะ เพื่อหาข้อยุติในทางการเมืองการปกครองที่นั่นก่อนหยุดยิง

แต่เบิร์กแมนเชื่อเช่นกันว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เสี่ยงสูงมากที่จะนำไปสู่ “สงครามเต็มรูปแบบ” ขึ้นตามมา แทนที่จะเป็นการหยุดยิง

 

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์คาทิบยังคงเชื่อว่า การส่งกำลังทหารบุกเข้าไปทางตอนใต้ของเลบานอนเพื่อกวาดล้างภาคพื้นดินนั้นไม่ใช่เรื่องฉลาดแน่นอน เพราะฮิซบอลเลาะห์ไม่ใช่ฮามาส ไม่เพียงมีประสบการณ์ทำศึกมากกว่าเท่านั้น ยังอยู่ในสภาพเตรียมตัวพร้อมทำสงครามอย่างเต็มที่อีกด้วย

แต่โจชิกลับชี้ให้เห็นว่า การโจมตีคลังแสงก็ดี รวมถึงการถล่มเป้าหมายระดับแกนนำ หรือระดับผู้บัญชาการก็ดี ล้วนเป็นการโจมตี “ล่วงหน้า” ก่อนทำสงครามภาคพื้นดินทั้งสิ้น

เขาเชื่อว่า ระดับแกนนำจำนวนไม่น้อยถูก “กำจัด” ไปในปฏิบัติการต่อเนื่องครั้งนี้ แม้ว่าฮิซบอลเลาะห์ยังคงมีจรวดอยู่ในครอบครองในระดับที่ทรงอานุภาพอยู่ดีก็ตาม

จรวดพิสัยไกลที่ฮิซบอลเลาะห์ถล่มใส่ตอนเหนือ รวมทั้งเมืองสำคัญอย่างไฮฟาและเทลอาวีฟ อาจเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้อิสราเอลยังไม่ตัดสินใจเปิดฉากบุกภาคพื้นดิน

จนถึงขณะนี้ ทางการอิสราเอลจำเป็นต้องอพยพชาวบ้านออกจากเมืองต่างๆ ทางตอนเหนือแล้วนับหมื่นคน จะหลงเหลืออยู่ก็แค่พวกที่ไม่มีที่ทางให้อพยพออกมาเท่านั้น

การทำศึกข้ามแดนระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนจะยิ่งทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงมากยิ่งขึ้นไปอีก สถานการณ์ในตอนนี้แม้จะไม่ถือว่าสงบราบคาบ แต่ก็ยังดีกว่าแน่นอน

แนวรบในตะวันออกกลางจึงยังคงสุ่มเสี่ยงที่จะระเบิดตูมตามลุกลามขึ้นมาเป็นสงครามใหญ่ครั้งใหม่ได้ทุกเมื่ออีกคำรบ