อิ๊งค์ ฝ่ากระแสน้ำท่วม แก้ปัญหาเชิงรุก ก่อนที่น้ำจะรุกไล่รัฐบาล ทีมกุนซือ มั่นใจคุณหนูเอาอยู่

กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มากกว่าครึ่ง ไม่ค่อยเชื่อมั่นในรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร

“นิด้าโพล” โดยสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจความคิดเห็น เรื่อง “ความเชื่อมั่น ความกังวลที่มีต่อรัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,310 ตัวอย่าง

เมื่อถามความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 22.52 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย, ร้อยละ 35.42 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น, ร้อยละ 28.17 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น, ร้อยละ 13.13 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก และร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ต้องยอมรับว่าผลสำรวจที่ออกมาไม่น่าแปลกใจนักหากพิจารณาถึงปัญหาสารพัดที่เกิดขึ้น ไล่มาตั้งแต่ความวุ่นวายในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ความไม่ชัดเจนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่ยังคาราคาซัง ไปจนถึงภัยพิบัติน้ำท่วมดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่

ซึ่งจนถึงวันนี้ต้องยอมรับว่าบทบาทการทำงานของภาคประชาสังคม ในการเข้าไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยนั้น โดดเด่นจับต้องได้ชัดเจนกว่าการทำงานของภาครัฐ

และดูเหมือนว่า “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” จะถูกประเมินไปทางสอบตกในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น

โดยเฉพาะมุมมองของภาคประชาสังคมและภาควิชาการ ที่ได้สะท้อนในการประชุมเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ที่ห้องประชุมวัดพระสิงห์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เรื่องสถานการณ์การแก้ปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมเชียงราย

 

นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการที่ปรึกษามูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อระดมความรู้ในสถานการณ์และสภาพปัญหาภัยพิบัติที่เกิดขึ้นใน จ.เชียงราย โดยเน้นที่เมืองเชียงราย ซึ่งเกิดเหตุการณ์น้ำกกไหลท่วมเป็นทะเลโคลน และแนวทางการแก้ปัญหาที่อยากเห็นร่วมกัน

นายสืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการ สำนักนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และผู้ประสานงานศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติเชียงราย กล่าวว่า สภาพที่เห็นในเชียงรายขณะนี้คือ

1. เราไม่รู้ว่าต้นแม่น้ำกก แม่น้ำสาย เป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน มวลน้ำมีเท่าไหร่ จะเดินทางมาถึงตอนไหน รู้แค่ว่าน้ำมาถึง อ.ท่าตอน และก็มาถึงเชียงราย

2. ระบบเตือนภัยเราอ่อนแอมาก แม่น้ำสายท่วมทุกปี ไม่มีระบบเตือนภัย ไม่มีแผนว่าจะไปต่ออย่างไร ขณะที่เกิดเหตุ เทศบาลนครเชียงรายเปิดไซเรน ซึ่งก็ไม่มีความหมายแล้วในเวลานั้น ประชาชนเราได้ข้อมูลจากมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติ และจากโซเชียลมีเดีย เราเห็นน้ำที่ผุดจากท่อหน้าบ้านในขณะที่น้ำท่วมทำอะไรไม่ได้แล้ว

นายสืบสกุลกล่าวต่อว่า ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำเรามีหมด แต่กระจายอยู่กับองค์กรต่างๆ ในระบบราชการ แต่ไม่เอามาใช้ แผนจัดการภัยพิบัติ

“ผมว่าหากมี เราต้องรู้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้มแข็ง เยียวยาไว เทศบาลนครเชียงรายจ่ายเงินค่าบ้านเรือนเสียหายแล้ว แต่ภัยพิบัติครั้งนี้เกินมือองค์กรส่วนท้องถิ่น เช่น การจัดเก็บขยะจากบ้านเรือนอาคารซึ่งกองเป็นภูเขา รถขนขยะมีจำนวนจำกัด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร คาดหวังกับผู้ว่าราชการจังหวัด และป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แต่สองหน่วยนี้ทำอะไรอยู่ ช้า จังหวัดควรประสานความร่วมมือไปที่ต่างๆ”

“ในครั้งนี้ภาคประชาสังคม องค์กรเอกชน บริษัท ทำงานรับมือภัยพิบัติได้เข้มแข็งมาก หน่วยกู้ภัย ส่งข้าวของความช่วยเหลืออย่างเข้มแข็ง หากไม่มีภาคนี้ถือว่าลำบากมาก ผมเองก็ต้องพึ่งข้าวกล่องบริจาควันละ 3 มื้อ ที่บ้านน้ำซัดเสียหาย ทำอาหารไม่ได้ ร้านแก๊สก็ปิด พูดได้ว่าน้ำท่วมครั้งนี้คือโคลนที่สร้างความเสียหาย อยากเสนอว่ารัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นในการฟื้นฟูทันที และควรมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ เพราะจะได้ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องเกษียณอายุ” นายสืบสกุลกล่าว

 

ด้านผู้แทนมูลนิธิกระจกเงากล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เห็นความอลหม่าน แม้แต่ในการช่วยผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นความเป็นความตาย นาทีต่อนาที การจัดการข้อมูล การชี้เป้า ผู้เข้าไปช่วยกลายเป็นประสบภัยเอง ที่ อ.แม่สาย มีหลายซอย ผู้เข้ามาช่วยมาจากที่อื่นก็ไม่รู้ตำแหน่งที่เป็นสากล การบริหารจัดการข้อมูล การร้องเรียนเรื่องของยังชีพที่ไม่กระจาย การเช็กข้อมูลกับหน่วยต่างๆ มีของบริจาคมาแต่ไม่มีระบบให้ของกระจายได้ ไม่มีการออกแบบระบบการกระจายของที่ควรจะเป็น

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าจะต้องมีแผนฟื้นฟูชีวิตประชาชนผู้ประสบภัยและเศรษฐกิจของเมืองเชียงราย ซึ่งจะมีโอกาสในการสร้างรายได้ช่วงฤดูท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง แต่เหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือนก่อนที่จะถึงฤดูฝุ่น PM 2.5 ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นว่าต้องมีนโยบาย แผนปฏิบัติการและงบประมาณเพื่อดำเนินการในทันที

“เชียงรายรอไม่ได้อีกแล้ว ประชาชนอยู่ในสภาพที่สาหัสมากแล้ว รัฐบาลต้องเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ การฟื้นฟูภัยพิบัติเชียงรายเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างเร่งด่วน” นางเตือนใจกล่าว

 

ด้าน “บก.ลายจุด” นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิกระจกเงา ให้สัมภาษณ์ The Politics ข่าวบ้าน การเมือง X ใบตองแห้ง อธึกกิต แสวงสุข สะท้อนภาพสถานการณ์ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ว่า ตอนนี้เข้าสู่ขั้นตอนของการฟื้นฟู ซึ่งมองว่ารัฐบาลยังประเมินปัญหาต่ำกว่าขนาดของปัญหาที่ในพื้นที่เผชิญอยู่

ขณะเดียวกันที่หน้างาน หน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย หน่วยงานที่มีงบประมาณ และหน่วยงานที่มีกำลังพล เป็นคนละหน่วยงานกัน ทำให้บทบาทในการทำงานไม่ชัดเจน

นายกฯ ควรจะต้องส่งรัฐมนตรีสักคนจากกระทรวงที่มีกำลัง และสามารถสื่อสารตรงถึงนายกฯ ได้ มารับผิดชอบอยู่ในพื้นที่

พร้อมส่งสัญญาณ อยากให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ไปเป็นผู้บัญชาการฟื้นฟูสถานการณ์

ขณะที่ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก “ดร.นันทนา นันทวโรภาส” ว่า พายุอีกหลายลูกจ่อรอเข้าไทย รัฐบาลควรรีบตั้งวอร์รูมแก้น้ำท่วมโดยด่วนที่สุด บูรณาการส่วนราชการมาแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ อย่าปล่อยให้ต่างคนต่างทำ แล้วใช้งบฯ กลางมาช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านอย่างทันท่วงที

ตั้งศูนย์บัญชาการน้ำท่วม มีนายกรัฐมนตรีบัญชาการ มีโฆษกสื่อสารประกาศเตือนภัยล่วงหน้า มีคอลเซ็นเตอร์ รับแจ้งข้อมูลน้ำท่วม ส่งทีมกู้ภัย พร้อมอุปกรณ์เข้าช่วยชาวบ้านทุกพื้นที่ แบบครบวงจร

 

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามและสั่งการอย่างใกล้ชิด ผ่านศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลืออุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.)

โดยที่ จ.เชียงราย ได้สั่งการกองบัญชาการกองทัพไทยขนย้ายดินโคลนออกจากพื้นที่ รวมถึงสั่งให้บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) และภาคเอกชน นำไฟเบอร์ออปติกและเสาสื่อสารไปติดตั้งในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกระบบการสื่อสารให้ประชาชน

นอกจากนี้ ยังให้มีการสรุปการพยากรณ์อากาศอย่างต่อเนื่องส่งไปยังนายอำเภอ ส่วนงบประมาณ 3,045 ล้านบาท ที่ใช้เกี่ยวกับภัยพิบัติ ให้อนุมัติใช้งบฯ กรอบเก่า ให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติทันที และหลังจากนี้ให้แต่ละกระทรวง ส่วนราชการ และท้องถิ่น แจ้งเข้ามาว่าจะต้องใช้งบประมาณในการคลีนนิ่งทั้งหมด ปรับปรุงคืนสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา ดินโคลนในท่อระบายน้ำ ให้มีการพิจารณางบประมาณเพิ่มเติม อันไหนทำได้ให้ทำก่อน

ทั้งนี้ นายกฯ ได้ติดตามสถานการณ์ และสั่งการผ่านการประชุมวิดีโอคอลตลอด พร้อมมอบให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปช. ติดตามต่อเนื่อง

ส่วนผลสำรวจความเห็นประชาชนพบว่า ไม่เชื่อมั่นในการแก้ไขของรัฐบาลนั้น รัฐบาลได้เร่งตั้งศูนย์อย่างรวดเร็ว และประชาชนอาจจะเห็นแค่ข่าวบางส่วน แต่ก็พร้อมรับคำติชมและเสนอแนะ

ยืนยันนายกฯ ทำงานตลอดเวลา แต่ผลโพลออกมาหลังนายกฯ เพิ่งเริ่มทำงานได้ 4-5 วันเท่านั้น อาจต้องขอเวลาทำงาน และนายกฯ มีความตั้งใจล้นในการทำงาน และคงจะมีกำลังใจ มีความมั่นใจในการแก้ปัญหาอย่างแน่นอน

 

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์พิเศษ “มติชน” ถึงการขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทย (พท.) เนื้อหาบางช่วงบางตอนแสดงความเชื่อมั่นต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีว่า

“ผมไม่คิดว่าเป็นพี่เลี้ยงของนายกฯ และนายกฯ มีศักยภาพ อายุเป็นเพียงตัวเลข หากเข้าใจถึงศักยภาพของคน ซึ่งปัจจุบันอายุของผู้นำโลกก็อายุไล่เลี่ยกันกับนายกฯ แพทองธาร เช่น ฝรั่งเศส แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ผู้นำรุ่นใหม่ไม่ได้วัดกันที่อายุ แต่วัดที่ความรู้ ความเข้าใจและอำนาจ ความสามารถในการตัดสินใจ ที่จะเลือกในการแก้ไขปัญหา”

แม้การรับมือปัญหาน้ำท่วมเฉพาะหน้าในขณะนี้จะล่าช้า แต่รัฐบาลยังมีโอกาสเร่งทำผลงานในการฟื้นฟูและป้องกันภัยพิบัติในอนาคต ต้องจับตาดูว่ารัฐบาลจะสามารถพลิกวิกฤตเป็นผลงานได้หรือไม่