ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 กันยายน - 3 ตุลาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | My Country Thailand |
ผู้เขียน | ณัฐพล ใจจริง |
เผยแพร่ |
My Country Thailand | ณัฐพล ใจจริง
การพากย์ภาพยนตร์
: ฟังเสียงหัวเราะของคนไทย
ในช่วงสงคราม (1)
ในช่วงสงครามโลก “นักพากย์หนังเป็นผู้ชุบชีวิตชีวาให้กับหนังเก่าๆ ที่ถูกวนฉายซ้ำอยู่แล้วอยู่เล่า”
(โดม สุขวงศ์, 2555, 295)
พัฒนาการการพากย์หนังในไทย
ด้วยแรกครั้งภาพยนตร์เข้ามาฉายในไทยเป็นภาพยนตร์เงียบไม่มีเสียง มีแต่เพียงการบรรยายด้วยตัวอักษรบนภาพยนตร์นั้น ทำให้คนไทยในครั้งนั้นไม่สะดวกในความเข้าใจภาษาอังกฤษ แม้จะมีแตรวงบรรเลงประกอบเพื่อสร้างอารมณ์ร่วมกระตุ้นผู้ชมทั้งยามตื่นเต้นหรือเศร้าสร้อยก็ตาม
ด้วยความจำกัดทางภาษาทำให้ช่วงเวลานั้นมีหนังสือสรุปเนื้อเรื่องในภาพยนตร์พิมพ์ออกจำหน่ายเป็นภาษาไทย แต่ก็เป็นการสร้างความสิ้นเปลืองสำหรับผู้ชมด้วยเช่นกัน
โรงหนังหลายแห่งมีเทคนิคการสร้างเสียงประกอบการชม ด้วยการใช้กรวด ทราย ข้าวสารกับสังกะสีเพื่อสร้าง “เสียงให้ออกรส เป็นต้นว่า ฝนตกหรือคลื่นซัด ด้วยการใช้ทรายหรือข้าวสารใส่ไปในรางสังกะสีค่อยเทไปเทมาให้เกิดเสียง” (อนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพนายเชื้อ อินทรทูต, 2519, 4-5)
ต่อมา เกิดการพากย์หนังขึ้นในไทยครั้งแรกในราว 2471 อันเป็นแนวคิดของนายต่วน ยาวประภาษ (2440-2526) ตามที่เขาเคยเห็นมาในญี่ปุ่น ผู้พากย์ชุดแรกประกอบด้วยนายต่วน นายเชื้อ อินทรทูต (2437-2518) และนายกวา กัตตะจันทร์ แต่งตัวเรียบร้อยด้วยชุดราชปะแตน สวมถุงน่องรองเท้ายืนบรรยายข้างจอภาพยนตร์ ซึ่งฉายภาพยนตร์ฝรั่งผ่านโทรโข่งจนเสียงแหบเสียงแห้งภายในโรงหนังที่ปิดทึบตามโรงหนังบ้านสมเด็จ บ้านขมิ้น โรงหนังตลาดพลู และโรงหนังกมลพัฒนาการ (จำเริญ ธนะวังน้อย, 2541, 80; โดม สุขวงศ์, 288)
ต่อมา นายสิน สีบุญเรือง (ทิดเขียว) ได้ก้าวเข้ามารับบทพากย์ภาพยนตร์ที่เขาดัดแปลงการพากย์หนังให้สนุกสนานขึ้นด้วยการนำแบบการพากย์โขนมาสร้างความครึกครื้นให้แก่ผู้ชมด้วยโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และสามารถพากย์ได้ทั้งเสียงชายและหญิง ทั้งภาพยนตร์จีน ฝรั่งและไทย จากนั้นชื่อเสียงในการพากย์ของทิดเขียวก็มีความโด่งดังมากในช่วงเวลานั้น (จำเริญ ธนะวังน้อย, 2541, 80-81)

ความขบขันและเสียงหัวเราะในยามสงคราม
ความสามารถในการพากย์ของผู้พากย์มีความสำคัญอย่างมากในการทำให้ผู้ชมมีความสนุกสนานไม่น้อยไปกว่าสาระในภาพยนตร์เอง ความครึกครื้นในการฟังการพากย์ทำให้ผู้ชมบางคนถึงกับดูหนังไม่ติดจอ แต่ต้องคอยเหลียวไปดูหน้าของนักพากย์ขวัญใจมหาชนที่กำลังออกลูกเล่นในการพากย์ด้วย (โดม สุขวงศ์, 2555, 295)
สมัคร สุนทรเวช เล่าถึงการพากย์หนังไว้คอลัมน์ มุมน้ำเงิน ในหนังสือพิมพ์เดลิมิลเลอร์ วันที่ 20 มิถุนายน 2527 ว่า ในช่วงน้ำท่วมพระนครเมื่อ 2485 นั้น โรงภาพยนตร์บุศยพรรณ ย่านบางลำพู นำภาพยนตร์ฝรั่งเก่ามาฉายวน โดยภาพยนตร์นั้นมีการพากย์ไทย โดยนักพากย์สำคัญที่สุดแห่งยุคในครั้งนั้น คือ ทิดเขียว แต่มีดาวรุ่งพุ่งแรงเกิดใหม่ ที่ผู้ชมภาพยนตร์ทุกคนล้วนคุ้นเสียง คุ้นชื่อ แต่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นหน้า คือ ม.ล.รุจิรา ผู้มีฉายาว่า “มนุษย์ 6 เสียง”
สมัยนั้น โรงใดต้องการประชันขันแข่งการพากย์จะต้องจัดโปรแกรมฉายหนังฝรั่งควบ 2 เรื่องพร้อมกับการพากย์ประชันควบกันคนละเรื่องระหว่างทิดเขียว และ ม.ล.รุจิรา การประชันการพากย์สร้างแรงดึงดูดให้ผู้เข้าชมล้นหลาม สร้างความบันเทิงและเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมครั้งนั้นเป็นอันมาก (อนุสรณ์งานศพ ม.ล.รุจิราภา, 2527, 19)

สไตล์การพากย์ภาพยนตร์ครั้งสงคราม
ส่วนภาพยนตร์ที่มาจากฮอลลีวู้ดถูกห้ามนำเข้ามาฉายในไทย เนื่องจากไทยเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ คงมีเหลือแค่เพียงภาพยนตร์จากญี่ปุ่นหรือเยอรมนีเท่านั้นที่เป็นภาพยนตร์ใหม่ ท้ายที่สุดอุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็ซบเซาลงไป
ชาญ สินสุข อดีตนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยเล่าว่า “ในระยะระหว่างสงครามสร้างวงไพบูลย์มหาเอเชียบูรพาจนสงครามสงบ อาหารทางใจอย่างหนึ่ง ซึ่งเรายอมรับกันว่า เป็นความจำเป็นประการสำคัญที่ช่วยให้เรารอดตัวไปจากประสาทผวาในครั้งนั้น นอกไปจากชมการแสดงละครก็คือภาพยนตร์ ซึ่งโดยมากภาพยนตร์เหล่านั้นมักเป็นภาพยนตร์พากย์” (อนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพนายเชื้อ อินทรทูต, 2519, 1)
ไมโครโฟนที่นักพากย์ใช้นั้นมีน้ำหนักกว่าไมโครโฟนสมัยนี้มาก โรม บุนนาค เล่าว่า ครั้งนั้นเรียกกันว่า ไมโครโฟนคาร์บอน เพราะใช้ถ่านเป็นตัวรับเสียง หากการพากย์ใดดุเด็ดเผ็ดมันถึงขนาดน้ำลายกระเซ็นทำให้ถ่านเปียกชื้นจะทำให้รับเสียงไม่ดี ดังนั้น นักพากย์ยิ่งต้องตะเบ็งเสียงดังใส่เข้าไปในไมโครโฟนมากขึ้น
ยิ่งหากเป็นหนังบู๊ ไมโครโฟนมักชุ่มไปด้วยน้ำลายของคนพากย์ จึงต้องนำมาตากแดดให้แห้งทุกวัน
สมัยนั้นนักพากย์จะต้องรับหน้าที่ทำเสียงประกอบให้หนังที่พากย์ด้วย นักพากย์จึงต้องมีอุปกรณ์ประจำตัว เช่น ช้อนส้อมเอาไว้ทำเสียงประกอบฟันดาบ ถั่วเขียวและถาดไว้ทำเสียงฝนตก กล่องไม้ขีดเจาะรูไว้เป่าทำเสียงปืน ต่อมาไมโครโฟนรุ่นใหม่ดีขึ้น นักพากย์ใช้ปากเป่าเป็นเสียงปืนได้เลย และต้องมีม้วนกระดาษไว้ทำเสียงชกต่อยด้วย เป็นต้น (mgronline.com/onlinesection/detail/9600000010725)
ครูแก้ว อัจฉริยะกุล ผู้จัดละครเวทีที่โด่งดังและเคยผ่านประสบการณ์ภัยสงครามครั้งนั้นเล่าไว้ว่า ผู้คนพากันอพยพออกนอกกรุงกันเป็นจำนวนมาก บ้านเมืองเงียบเหงาราวกับเมืองร้าง การมหรสพซบเซา ภาพยนตร์อเมริกันก็ไม่มีเข้ามาฉาย หากฉายก็เป็นของเก่าๆ ฉายซ้ำซาก ต้องใช้วิธีพากย์และมีดนตรีสลับบ้าง จำอวดบ้างเพื่อจูงใจและสร้างความขบขันครื้นเครงให้ผู้ชมด้วย (ปฏิพัทธ์ สถาพร, 2560, 76)

สงครามสร้างอาชีพนักพากย์ให้เฟื่องฟู
สุวัฒน์ วรดิลก รพีพร บันทึกว่า สงครามมหาเอเชียบูรพาทำให้วงการภาพยนตร์ในไทยได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นการนำภาพยนตร์ใหม่มาจากยุโรปหรือเมริกา แม้กระทั่งต่อภาพยนตร์ไทยเอง แต่มันได้สร้างอาชีพนักพากย์ภาพยนตร์ขึ้น “เนื่องด้วยสงครามครั้งนั้น (พ.ศ.2484-2488) ทำให้คนไทยไม่มีโอกาสดูภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ดเหมือนเคย ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเก่าๆ หลายเรื่องที่ยังตกค้างอยู่ ได้ถูกนำออกมาฉายเพื่อเพิ่มอรรถรสและเข้าใจง่ายขึ้นจากภาพยนตร์ที่ดูซ้ำกันมา ตั้งแต่ครั้งมีเสียงในฟิล์ม ก็จำต้องมีการพากย์ แม้แต่ภาพยนตร์ไทยเอง ซึ่งก่อนสงครามมีการถ่ายทำเป็นภาพยนตร์เสียงขนาด 35 ม.ม.กันหลายบริษัท สงครามทำให้หดตัวลงเป็นภาพยนตร์ 16 ม.ม. ก็ต้องอาศัยนักพากย์เช่นกัน” (อนุสรณ์งานศพ ม.ล.รุจิราภา, 2527, 30)
สมัครย้อนความหลังไว้ว่า “ในช่วงนั้น ผมจำได้ว่า โรงหนังบุศยพรรณ บางลำพู มีโปรแกรมทิดเขียวพากย์เรื่องอะไร ผมนึกไม่ออกเสียแล้ว จำได้แต่เรื่องที่รุจิราพากย์เป็นหนังฝรั่งประเภทราชวงศ์ยุโรปโบราณ ชื่อ FOREVER AMBOR แปลเป็นพากย์ไทยว่า ชะตากรรม เวลาทิดเขียวพากย์นั้นเป็นเสียงทุ้ม เป็นเสียงใหญ่ ส่วน ม.ล.รุจิรานั้นมีเสียงชัดเจนแบบขึ้นจมูกนิดๆ และเป็นเสียงที่คุ้นเคยของผู้ที่เคยได้ยินได้ฟังเสียงของนักพากย์ผู้นี้มาตลอด” (อนุสรณ์งานศพ ม.ล.รุจิราภา, 2527, 19)
กล่าวได้ว่า บทบาทของนักพากย์มีส่วนสำคัญในการสร้างความสนุกสนาน ความขบขัน และสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนไทยยามสงครามให้เกิดความผ่อนคลายความวิตกกังวลในการมีชิวิตท่ามกลางภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานได้เป็นอย่างดี ด้วยสไตล์การพากย์ที่สร้างความขบขันด้วยไหวพริบปฏิภาณยิ่งทำให้ผู้ชมติดอกติดใจ ติดตามนักพากย์ไปชมภาพยนตร์ต่างๆ ในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน (อนุสรณ์งานศพ ม.ล.รุจิราภา, 2527, 48)



สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022