MatiTalk ธเนศวร์ เจริญเมือง อ่านเกมชนชั้นนำการเมืองไทย มี ‘รายการคุณขอมา’

“ผมพยายามมองหลายๆ มุม ผมกำลังคิดว่าคุณทักษิณ ชินวัตร กำลังยุ่งมากไปไหม ไม่แน่ใจว่าประเมินยังไง แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันหนัก คนด่ากันเยอะ หรืออีกมุมหนึ่ง แค้นมาหลายปีแล้ว ชอบทำร้ายฉัน รัฐประหารแต่ละครั้งคุณไม่เดือดร้อนเลย แต่เราเจ็บตลอด ครั้งนี้เลยชวนมาอยู่ด้วยกัน เป็นการทำร้ายกันอย่างนุ่มนวล ไม่ต้องเติบโตแล้วมาอยู่ด้วยกัน” ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  กล่าวกับทางมติชนสุดสัปดาห์ ถึงสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันในวันที่เพื่อไทยจับมือกับพรรคฝ่ายตรงข้ามอย่างประชาธิปัตย์ หลังอดีตนายกฯ ทักษิณมาอยู่ที่ประเทศไทยแล้ว

อ.ธเนศวร์มองว่า ที่เป็นไปได้ไหมเป็นรายการ “คุณขอมา” คือรัฐบาลเริ่มต้นไม่ค่อยสวยนัก อันนี้ก็เป็นบทเรียน ผมจึงมีข้อเสนอว่าพรรคการเมืองทุกพรรคจะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ นะครับ ไม่ใช่เฉพาะพรรคเพื่อไทย ทุกพรรคควรคิดถึงผลกระทบ

คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร เป็นลูกสาวที่อายุยังน้อย ประสบการณ์ยังไม่เจนจัด เมื่อเอาไปยืนเทียบกับคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือว่ายังต้องให้เวลาในการบ่มเพาะ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าไปต่อไม่ได้ ไม่คาดคิดว่ามาเร็วในเวลาเพียงนี้สั้นๆ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าต้องมี “รายการคุณขอมา” แล้วผมคิดว่าในเมื่อทางโน้นคุณขอมา ก็มีการขอกลับซึ่งกันและกัน เพราะว่าเรามีทางเลือกน้อยเหมือนกัน เป็นไงเป็นกัน อีกอย่างคือทั้งคุณพ่อ คุณลูก คุณพ่อก็คงคิดอย่างนี้ เอาล่ะไหนๆ ก็ไหนๆ ก็เอาให้มันชัดๆ ไปเลยว่า ฉันเปิดทางเพื่อลูกสาวมา แต่แน่นอนลูกสาวก็ควรมีความเป็นตัวของตัวเอง

อีกประการหนึ่งตอนที่พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ปรากฏว่าคุณพ่อไม่อยู่ แล้วก็แพ้อย่างที่เชียงใหม่หมดรูปเลยนะครับ โอ้โห 7 ใน 10 เพราะฉะนั้น การกลับมา แล้วมีลูกสาวมายืนอยู่ ถือเป็นหลักประกันครั้งใหญ่เลยว่า พ่อเจ๊ง ลูกเจ๊งด้วยนะ เพราะอย่างน้อยคุยกับลูกก็ยังรู้เรื่องกว่า พ่อก็จะลุยเหมือนกัน อายุก็ไม่น้อยแล้ว ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่

: คนที่เคยศรัทธาไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย สามารถลืมเรื่องในอดีตได้?

ผมคิดว่าคุณทักษิณเรียนรู้ที่จะอยู่กับความแตกต่าง อยู่แบบประนีประนอมมาตลอด แต่อันหนึ่งที่ผมคิดว่าเขาไม่น่าจะรับก็คือจับมือกับพรรคประชาชน เหตุผลน่าจะมีเขื่อนอะไรบางอย่างกั้นเอาไว้อยู่ จึงไม่มีวาจาหรืออะไรที่ส่งสัญญาณออกมาว่ามากินกาแฟกัน ผมคิดว่าเหมือนกับเขาจะบอกว่าไม่เอาแล้ว

ผมอยากเจอ ผมอยากจะถามจริงๆ ว่ารู้สึกไหมกับประชาธิปัตย์ตอนนี้ ถ้าจะคุยกับพรรคประชาชนน่าจะดีกว่าด้วยซ้ำไป แต่กลายไปคบกับใครไม่คบ ไปคบกับคนที่เคยโหวตยกมือฆ่าคนที่หนุนคุณอยู่

โอ้โห คุณโหดมาก คุณคิดได้ยังไง ผมคิดว่าเขาต้องเตรียมใจพอสมควร เขาต้องชนะให้ได้แล้วก็ยืนตระหง่านขึ้นมาเป็นพรรครัฐบาลใหม่แล้วก็ส่งทอดให้ลูกสาว

สุดท้ายพี่น้องประชาชนต้องสรุปบทเรียนว่าใครคือมิตรแท้หรือศัตรูของประชาชน จะบอกให้ลืมแล้วหรือที่ผ่านมาเคยทุกข์ยากร่วมกันมายังไง เคยหนุนคุณมายังไง เสื้อแดงเต็มสนามกีฬา เต็มเมืองต่างๆ ในกี่จังหวัดจำได้ไหม ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนก็ต้องสรุปบทเรียนแล้วก็มานั่งคุยกันว่าจากนี้ไปอีก 3 ปี จะมองพรรคเพื่อไทยด้วยท่าทีอะไร ใช้แว่นอะไรมาวัด แล้วก็เตรียมตัวว่าอีกไม่นานจะมีการเลือกตั้ง สิ่งที่ฉันจะต้องตัดสินใจอันที่หนึ่ง ก็คือการเลือกตั้งท้องถิ่น จะเลือกพรรคสีแดงหรือให้โอกาสกับพรรคอย่างสีส้ม

นี่คือภารกิจของคนเสื้อแดง

 

: เมื่อพูดถึงการเลือกตั้งท้องถิ่น อยากให้พูดถึงความสำคัญของการกระจายอำนาจ-เลือกตั้งผู้ว่าฯ

คําถามคือไทยรู้ไหม ทำไมเรายังเป็นประเทศกำลังพัฒนาอยู่จนถึงบัดนี้ แต่ก่อนเราสูสีกับเกาหลีหรือญี่ปุ่น แต่ตอนนี้เขาแซงเราไปจนไม่เห็นหัวแล้ว

เขากระจายอำนาจตั้งแต่ 1990’s ญี่ปุ่นเลือกตั้งผู้ว่าฯ โดยประชาชนทั้งประเทศ ต่อมาเกาหลีเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั้งประเทศ

ผมรณรงค์ตั้งแต่ 2532 เรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯ คุณไกรสร ตันติพงษ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เรียกร้องเลือกตั้งผู้ว่าฯ 2518 บัดนี้เวลาผ่านไปกี่ปีก็ยังพูดอย่างเก่าไม่ไปไหนเลย แล้วมีเรื่องที่น่าสนใจเมื่อตอนที่คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เป็นผู้ว่าฯ 2 ปีที่แล้ว โอ้โห ประกายเจิดจ้า เสียงสัมภาษณ์ คนตามตลอด บทบาทดีมาก 6-8 เดือนมานี้เป็นยังไง แทบไม่เห็นชื่อในข่าวเลย ให้ผมเดาในที่สุดมันคือระบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ข้างบนทำให้คุณชัชชาติไม่สามารถแสดงออกอะไรได้มากกว่านี้ ถามว่าทำไมเป็นแบบนี้ ก็เพราะเขาไม่ต้องการให้ชื่อเสียงเกียรติภูมิของผู้ว่าฯ มาจากการเลือกตั้งโดดเด่นจนเกินไป

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ 3 ปีข้างหน้านี้ คุณจะทำอะไรให้เป็นผลงานชิ้นโบแดง จะพัฒนาระบบเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯ ในจังหวัดที่พร้อม 4-5 จังหวัด ที่เคยพูดไว้ ถ้าทำได้ผมว่าสุดยอดก็คือสะท้อนความมีวุฒิภาวะของพรรค คือไม่ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั้งหมดแบบก้าวไกล แต่แน่นอนเราทุกคนก็เข้าใจเป็นพรรคคนหนุ่มสาว ต้องเร็ว

แต่พอผู้ใหญ่บอกว่า 4-5 จังหวัดก่อนได้ไหม ก็รับได้ใช่ไหมครับ แต่ตั้งแต่คุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ มาเงียบสนิทไม่มีอะไรเลย แล้วตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นลูกสาว ตัวเองก็พูดชัดเจนว่า อุบลราชธานี ขอนแก่น โคราช เอาเรื่องนี้ เรื่องที่เป็นความหวังของคนต่างจังหวัดมีไหม จะทำยังไงเรื่องนี้ ยังไม่มีคำตอบ

การพูดเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ อาจจะแข็งแกร่งที่วงวิชาการกับวงสื่อ แต่ลึกๆ ในใจของประชาชนอาจจะไม่ค่อยเท่าไหร่ก็ได้ ผมเคยท้าหลายที่ ผมบอกตั้งแต่รณรงค์เรื่องนี้มาจนถึงบัดนี้ ยังไม่เคยเห็นเลยคนสักสองหมื่น ห้าหมื่น หรือหนึ่งแสนคน ไปยืนที่ศาลากลางแล้วก็ชูมือ ขอเลือกตั้งผู้ว่าฯ ไม่มีสักจังหวัดเดียว

แม้แต่กรุงเทพฯ ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯ เขาไม่ได้เรียกร้อง แต่ตอนนั้นรถมันติดมากช่วงปี 2517-2518 แล้วเห็นกระแสเมืองนอกมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ แล้วเอามาใช้ ผมก็เคยคิดว่าต่างจังหวัด ถามว่าซึมลึกจริงๆ ไหม ก็มีอยู่ แต่ยังไม่ลึกพอถึงขนาดที่ว่าคนจะออกไปเดินขอเถอะ ขอๆ ถ้าเลือกตั้งได้ก็คงจะดีอยู่ แต่ให้ออกมาอยากได้อะไรต้องต่อสู้เอา ผมคิดว่าคนไทยเรายังไม่ชัดขนาดนั้น แต่ยังอยากเห็นอยู่

ฉะนั้น ไม่มีประเทศไหนเลยที่ระบอบประชาธิปไตยยังไม่เข้มแข็งระดับประเทศแล้วการกระจายอำนาจมันเกิดได้ เพราะการตัดสินใจมันตัดสินที่ส่วนกลาง แล้วขึ้นอยู่กับท้องถิ่นแข็งแค่ไหน ของเราเวลานี้มีที่ไหนที่แข็งแกร่งแต่เสียงของประชาชน แต่ยังไม่แรงขนาดลงสู่ประชาชนขนาดนั้น

หนทางนี้จะไปได้ขึ้นอยู่กับว่า 1) เพื่อไทยคิดอะไรต่อสถานการณ์ตอนนี้ อะไรจะเป็นจุดเปลี่ยนของเขา 3 ปีนี้ให้มันเห็นทำอะไรบ้าง 2) ถ้าสมมุติ 3 ปีถัดต่อไปนี้ไม่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ แล้วก้าวไกลเกิดแรงขึ้นไป 300 ผมเชื่อว่าเขาเอา เพราะว่าเท่าที่ผมได้แลกเปลี่ยนความเห็นพวกเขา ระดับปัญญาชนชั้นกลางเขาพูดหมดแล้วนะ แล้วประชาชนพร้อมอยู่แล้วที่จะเอาด้วย เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่เดินเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้น ที่คุณถามว่าน่าจะอีกนานไหม มันขึ้นอยู่กับ 1) กระแส 3 ปีนี้ว่ายังไง 2) พ้น 3 ปีไปแล้วการเลือกตั้งเป็นยังไง หรือ 3) กระแสการตื่นตัวเป็นยังไง ตอนนี้อุบลฯ ขอนแก่น ภูเก็ต สงขลา น่าสนใจ

ฉะนั้น ผมคิดว่าในช่วง 3 ปีนี้น่าจะมีรายการรณรงค์การกระจายอำนาจเกิดขึ้นพอๆ กับการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยระดับประเทศ

จากนี้ก็จะมีเลือกตั้ง อบจ. เทศบาล อบต. ก็คือว่าจากนี้ไปเป็นเรื่องของการเลือกตั้งประชาธิปไตยในท้องถิ่นหมดเลย เป็น 2 เรื่องเดียวกันคือประชาธิปไตยของประเทศและกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น

เพราะฉะนั้น มันอาจจะไปกระตุ้นให้ความสนใจมากขึ้นกว่านี้ ผมยกตัวอย่างเลย สมมุติว่าถ้าปีนี้ทั้งปีจากนี้ไปถึงสิ้นปี นายกฯ อุ๊งอิ๊งไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ประชาชนทวงแน่ๆ

ซึ่งผมคิดว่าการเลือกตั้งนายก อบจ. ก็จะมีเสียงเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯ ออกมาเหมือนกัน มันเป็นกระบวนต่อไปตลอด

 

: คิดอย่างไรกับเกมของชนชั้นนำตอนนี้

ผมไม่แน่ใจอย่างหนึ่ง ว่าเขารู้ตัวไหมว่านับวันเขาจะโดดเดี่ยวมากขึ้น เขาอาจจะรู้เรื่องว่ารัฐประหารมันล้าสมัย แต่เขาอาจจะคิดว่าไม่ต้องไปทำหรอก ให้องค์กรอิสระทำให้ เพราะเดี๋ยวนี้เรามีอาชีพใหม่คือนักร้องช่วยกัน ก็ไม่ต้องปรามกัน

ถามว่าพวกคุณรู้ไหมว่าคุณสร้างปัญหาใหญ่ขึ้นมาซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ คุณจะอยู่ยังไง การที่ต่างประเทศออกมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใย ผมคิดว่าเขาใช้วิธีการที่นิ่มนวลมากแล้วนะ คุณกำลังจะท้าทายให้เขาทำแรงกว่านี้หรอ

อีกประเด็นสังเกต 2 ปีที่ผ่านมา การพูดเรื่องทำไมคนแก่หวงอำนาจจังเลย ไม่ออกไปสักที ทำไมถึงดื้อรั้นอย่างนี้ ผมคิดว่ามันมีแต่จะแรงขึ้น แล้วถ้าขืนลงมาทำอีกครั้งหนึ่งผมคิดว่าแรงมากกว่านี้

หมายความว่าขั้นตอนจากนี้ไปเป็นขั้นตอนการตรวจสอบระบอบประชาธิปไตยไทยที่มันไม่เข้าเรื่องเข้าราว เข้าท่าเข้าทาง ผิดหูผิดตาอะไรต่างๆ ของหลักสากลหมดเลย

ผมแอบสังเกต ผมไม่ค่อยเห็นผู้ใหญ่ที่ไหนออกมาเตือนนักร้องหรือองค์กรอิสระให้สุขุมคัมภีรภาพ

รู้สึกไหมกรณีที่นักวิชาการกับนักศึกษาขอคำชี้แจงของสมาชิกศาลรัฐธรรมนูญ รู้สึกหรือยัง ว่าสิ่งนี้เป็นต้นกำเนิดของการที่จะมี accountable หรือตรวจสอบมากขึ้นต่อจากนี้

แต่ผมคิดว่าเขาคงรู้อยู่ ว่ามันยากขึ้น เพราะฉะนั้น ก็ต้องมีการปรับ คุมในบางเรื่อง การเอาทักษิณขึ้นมาก็เหมือนจะสะท้อนอยู่ว่ามองไปในแผ่นดินไม่มีคนอื่น เอามาอยู่ใกล้ๆ ก็น่าจะจัดการกันได้ เพราะลูกสาวก็ยังเป็นวัยรุ่น แล้วก็ใช้สถานการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์

เพื่อซื้อเวลาหรือเพื่อหาจังหวะใหม่ที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้น

 

ชมคลิปได้ที่

https://www.youtube.com/@MatichonWeekly