เผยแพร่ |
---|
สถานีคิดเลขที่12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
พิฆาตนารี-พิฆาตลุง
ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
เดือนกันยายนมีเหตุการณ์”พิฆาตทางการเมือง”หนักๆอยู่ 2 ครั้ง
หนึ่ง คือ ความพยายามรัฐประหารรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2528 โดย พ.อ.มนูญ รูปขจร
แต่ด้วยเพราะมีบางฝ่าย”ไม่มาตามนัด”
การพิฆาตดังกล่าวจึงล้มเหลว
อีกหนึ่ง คือ การรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ.2549
โดยพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในนามคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
สามารถพิฆาตพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงได้สำเร็จ
แต่ผ่านมาถึงกาลปัจจุบัน กันยายน 2567
ดีเอ็นเอทางการเมืองของ นายทักษิณ ถูกส่งผ่านมายังบุตรสาว น.ส.แพทองธาร กลับมาครองอำนาจอีกครั้ง
แต่จะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหมือนปี 2544 หรือไม่
ยังเป็นคำถามโตๆ
ขณะที่ฝ่ายมุ่งพิฆาตหักโค่น ที่แม้จะเปลี่ยน”ผู้เล่น” จากพล.อ.สนธิ ไปเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการรัฐประหารปี 2557และค่อยๆกลายพันธุ์ไปในรูปแบบต่างๆเพื่อความอยู่รอด
แต่ดีเอ็นเอ”ปฏิวัติ”ก็ยังมีการสืบทอดไม่ขาดสาย
สายหนึ่ง สยบยอม ไป “รวมขั้ว”กับปีกพรรคเพื่อไทย เพื่อมีที่ยืน และขอแชร์อำนาจอีกต่อไป
ขณะที่อีกสายหนึ่งซุ่มซ่อนตามกลุ่มต่างๆ ทั้งในระบบ นอกระบบ และอาจรวมไปถึงองค์กรอิสระ ซึ่งมีที่มาจากคณะรัฐประหาร
โดยดำรงเป้าหมาย ที่จะพิฆาตทำลาย สิ่งที่เรียกว่า ระบอบทักษิณ หรือตอนนี้ถูกเรียกขานในนาม ญาติกาทักษิณ
และการพิฆาตนั้นไม่ได้สนใจ”วิธีการ” คืออะไรก็ได้ ของให้บรรลุเป้าหมาย
วิธีดึกดำบรรพ์ก็ยังขุดมาใช้ อย่างการยุทหารให้ไม่พอใจด้วยการปลุกว่ามีการเอาอดีตคอมมิวนิสต์ อย่างนายภูมิธรรม เวชยชัย มาคุมกระทรวงกลาโหม
ขณะเดียวกัน ก็เน้นความสำคัญของทหาร-กองทัพ โดยยกเอากรณีทหารเข้าไปช่วยน้ำท่วม ที่เชียงราย ดีกว่า “ฝ่ายการเมือง”
พร้อมตอกย้ำความสำคัญ “ทหารมีไว้ทำไม”
ซึ่งแน่นอน ปีกคนในแนวทางนี้ ย่อมไม่ได้หมายความแค่ทหารไปช่วยผู้ประสบภัยเท่านั้น
หากแต่อาจมีนัย ไปถึงทหารมีไว้สำหรับแก้ปัญหาทางการเมือง ด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่ทหารจะเข้ามาแบก”การแก้ไขทางการเมือง”ด้วยการออกมารัฐประหารอย่างในอดีต คงเป็นเรื่องยาก(แต่ก็มีโอกาสหากเงื่อนไขสุกงอมจริงๆ)
ประกอบกับมีเครื่องมือ”พิฆาต”ที่กลายพันธุ์มานั่นคือ “นิติสงคราม” ซึ่งมีประสิทธิภาพ และมีความชอบธรรม โดยอ้างว่ายึดหรือปฏิบัติตามกฎหมาย มาทดแทน
ตอนนี้ การพิฆาต ผ่าน”นิติสงคราม”จึงเป็นเครื่องมือที่ถูกเลือกใช้ ไม่ต่างจาก”ยาสามัญประจำบ้าน”
นายเศรษฐ ทวีสิน ถูกพิฆาตทางการเมืองไปแล้ว
และตอนนี้ เป้าหมายมาอยู่ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหลัก
โดยเหล่า”นักร้อง”หยิบเอาทุกประเด็นตั้งแต่เล็กไปถึงใหญ่ ไปร้อง”องค์กรอิสระ”
ด้วยหวังให้กระบวนการ”นิติสงคราม”ทำงาน
และหวังให้เกิดการพิฆาตทางการเมืองโดยพิศดารอีกครั้ง
ทำให้รัฐบาลน.ส.แพทองธาร ไม่ราบรื่นตั้งแต่เข้ามาบริหารงาน
แต่ขณะเดียวกัน ก็เกิดปรากฏการณ์”เกลือจิ้มเกลือ”
เมื่ออีกฝ่ายใช้นักร้อง “พิฆาตนารี”
อีกฝ่ายก็ตอบโต้เอาคืนด้วยการ”พิฆาตลุง”
กรณี “คลิปลับ” เพื่อปูทางให้นักร้องฝ่ายกุมอำนาจปัจจุบัน นำไปร้ององค์กรอิสระ คือตัวอย่างการตอบโต้นั้น
ซึ่งแม้น่าระทึกใจกับ การ”สาวไส้”กันเอง
แต่ก็ทำให้ รัฐบาลใหม่ ที่ควรจะมีเวลานำเสนอสิ่งใหม่ ความหวังใหม่ แก่ประชาชน
กลับต้องมาเผชิญกับ”สิ่งเก่า”
คือปฏิบัตการหักโค่นทำลายกันและกันผ่านสิ่งตกค้างการรัฐประหาร ผ่านนิติสงคราม
จนประเทศติดหล่มไปไหนไม่ได้อีกตามเคย
—————