พระสมเด็จผงพุทธคุณ 108 ‘หลวงพ่อเคลือบ’ พระเกจิดัง วัดหนองกระดี่ จ.อุทัยธานี

ชื่อเสียงเกียรติคุณ “หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม” แห่งวัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง

สร้างวัตถุมงคลเอาไว้หลายชนิด ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ วัตถุมงคลชุดปี 2515 จัดสร้างโดย พระครูอุฬารธรรมโฆษิต (สง่า จิตตสังวโร) อดีตเจ้าคณะอำเภอทัพทัน และเจ้าอาวาสวัดทัพทันวัฒนาราม อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี

เพื่อนำรายได้ไปใช้ในกิจกรรมสาธารณประโยชน์และสนับสนุนการศึกษาเล่าเรียนของเยาวชน

ชุดดังกล่าวมี 8 ชนิด ประกอบด้วย รูปปั้น หน้าตัก 5 นิ้ว, รูปหล่อเหมือนทองเหลือง, เหรียญครึ่งตัว ทรงรี เนื้ออัลปาก้า และทองแดงรมดำ, ธงยันต์อักขระ, ธงยันต์นางกวัก, ผ้ายันต์อักขระ, ผ้ายันต์นางกวัก และสมเด็จหลวงเนื้อผงพุทธคุณ 108

จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญดวงวิญญาณหลวงพ่อเคลือบ โดยพราหมณ์ประกอบพิธีที่วัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2515 เวลา 07.00-09.00 น. ตรงกับวันแรม 13 ค่ำ เดือน 5

 

ครั้นเสร็จพิธีแล้ว จัดตั้งขบวนแห่รูปปั้นจากวัดหนองกระดี่ ไปยังวัดทัพทันวัฒนาราม โดยรถยนต์ จักรยานยนต์ และช้าง 10 เชือก จัดงานสมโภช 3 วัน 3 คืน เวลา 15.19 น. วันที่ 11 เมษายน 2515 ประกอบพิธีนั่งปรก โดยพระคณาจารย์ผู้ทรงธรรมในด้านวิปัสสนาธุระ และพระคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านวิทยาคมขลัง ในอุโบสถเก่าวัดทัพทันวัฒนาราม

พระคณาจารย์ที่กระทำพิธี ประกอบด้วย หลวงพ่อสว่าง วัดคฤหบดีสงฆ์, เจ้าคุณพระอุดมธรรมภาณ (หลวงพ่อสม) วัดสังกัสรัตนคีรี, หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ, หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดวังม้า, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงพ่อเสน่ห์ วัดสว่างอารมณ์, หลวงพ่อโฉม วัดเขาปฐวี, หลวงพ่อทวน วัดท่ามะขามป้อม และหลวงพ่อสำเริง วัดทุ่งนาไทย

หลังเสร็จพิธีพุทธาภิเษกฝนได้ตกลงมาอย่างหนักตลอดคืน เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้ร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง

พระสมเด็จ หลวงพ่อเคลือบ (หน้า)

พระสมเด็จ ปี 2515 ลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าเป็นพระพุทธรูป

ด้านหลังเป็นรูปนูนครึ่งองค์อยู่กลางหยดน้ำ มีอักษรไทย เขียนคำว่า “หลวงพ่อเคลือบ” และอักขระขอม นะสำเร็จ หรือนะเศรษฐี กำกับ

กล่าวได้ว่า พระสมเด็จเนื้อผงพุทธคุณ 108 จัดเป็นวัตถุมงคลที่พิธีการจัดสร้างดี พุทธคุณเด่นรอบด้าน เช่าบูชาที่วัด องค์ละ 10 บาท ปรากฏว่าหมดเกลี้ยงภายใน 3 วัน

ปัจจุบันนักสะสมพบประสบการณ์และทราบข้อมูลพิธีการจัดสร้าง โดยเฉพาะรายนามพระคณาจารย์ที่อธิษฐานจิตล้วนทรงวิทยาคม ราคาเช่าหาที่สวยๆ ได้ขยับขึ้นสูง เนื่องจากหายากมากและเป็นผงพุทธคุณของพระเกจิชื่อดัง

จึงกลายเป็นพระยอดนิยมและเสาะแสวงหากันขณะนี้

พระสมเด็จ หลวงพ่อเคลือบ (หลัง)

ตามประวัติ หลวงพ่อเคลือบ เป็นคนเชื้อสายจีน สัญชาติไทย เกิดเมื่อปีพุทธศักราช 2432 ที่บ้านคลองชะโด ต.ทุ่งใหญ่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี

เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อปีพุทธศักราช 2453 ที่วัดหนองเต่า ต.โนนเหล็ก อ.เมือง จ.อุทัยธานี โดยมีพระครูอุทัยธรรมวินิฐ (หลวงพ่อสิน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุสาวนาจารย์ ไม่ทราบนาม ได้รับฉายาว่า สาวรธมโม

อยู่จำพรรษาเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อสิน วัดหนองเต่า เป็นเวลา 3 พรรษา จนสำเร็จวิชาวาจาสิทธิ์และวิชาคงกระพันชาตรี สมัยนั้นพระภิกษุสามเณรวัดหนองเต่ามีจำนวนมาก ไม่เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียร

หลวงพ่อสิน พูดอยู่เสมอว่า “ถ้าจะให้วิชาขลังนั้น ต้องไปหาที่สงบฝึกจิต”

หลวงพ่อเคลือบ สนทนาธรรมกับหลวงพ่อสินแล้วก็ขอลาไปฝึกจิตเรียนวิชาเพิ่มเติม

หลวงพ่อสินบอกว่า “มีพระเก่งวิชาเพ่งกสินอยู่แถบลพบุรี” ก็ลาไปโดยมีพระร่วมเดินทางไป 3 รูป ท่านได้ไปพบอาจารย์ ซึ่งจากการสอบถามคนเก่าหลายคนบอกว่า เป็น “หลวงพ่อกบ วัดเขาสาลิกา” ซึ่งเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้ามากในสมัยนั้น

เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว ก็เข้าไปกราบพร้อมฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนคาถา โดยหลวงพ่อกบพูดว่า “ถ้าไม่สึกก็จะสอนวิชาให้ ถ้าสึกก็จะไม่สอน” หลวงพ่อเคลือบก็ปฏิญาณแน่วแน่ว่าชาตินี้จะไม่ขอสึก ส่วนพระที่ไปด้วยไม่รับปาก จึงไม่ได้เรียนวิชาด้วย

เรียนกัมมัฏฐานทำสมาธิ จนจิตเป็นหนึ่งเดียว และเรียนวิชากสินไฟและเรียนอักษรขอมที่ใช้เขียนยันต์ เพิ่มเติมจากหลวงพ่อกบอีกเป็นเวลาถึง 6 ปีเต็ม

กราบลาอาจารย์ออกธุดงค์ไปทางเหนืออีกหลายปี ไม่ทราบว่าไปที่ใดบ้าง แล้วจึงกลับมาอยู่ที่วัดหนองเต่า

แต่อยู่ได้เพียงไม่กี่วัน ญาติโยมวัดหนองหญ้านางก็มานิมนต์ให้ไปจำพรรษา

หลวงพ่อเคลือบ สังวรธัมโม

เมื่อหลวงพ่อเคลือบมาอยู่ ก็สร้างอุโบสถขึ้นมาหนึ่งหลัง แต่ยังไม่ทันเสร็จเรียบร้อยดี ก็เกิดเรื่องกับบรรดามัคนายกวัดขึ้นเสียก่อน ท่านจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าอาตมาไม่อยู่ ใครก็มาอยู่ไม่ได้” ต่อมาก็หาพระมาอยู่ได้ยาก แล้วหลวงพ่อเคลือบก็กลับมาที่วัดหนองเต่า

กระทั่งวัดหนองแก ขาดพระอยู่จำพรรษา หลวงพ่อเคลือบจึงมาอยู่ที่นี่หนึ่งพรรษาแล้วย้ายมาอยู่ที่วัดทัพทันวัฒนาราม อีก 3 พรรษา

ต่อมา วัดหนองกระดี่ไม่มีเจ้าอาวาส ญาติโยมจึงนิมนต์มาปกครองวัด และอยู่ที่วัดหนองกระดี่ จนมรณภาพ ในปี พ.ศ.2497

ได้ชื่อว่าเป็นพระที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านจะบนบานศาลกล่าวด้วยธูป 3 ดอก หรือบางครั้งก็จะบอกกล่าวธรรมดาว่าต้องการบนเรื่องอะไรและจะแก้บนด้วยอะไร ส่วนใหญ่การแก้บนมักจะเป็นเหล้าขาว มะขาม หรือพวงมาลัย

การบนบานศาลกล่าวแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตของชาวจังหวัดอุทัยธานีและจังหวัดใกล้เคียง เมื่อมีของหาย ถ้าบนบาน ก็จะได้กลับคืนมาเกือบทุกครั้ง หรือบางครั้งจะมีการบนบานไม่ให้ฝนตก ฝนก็จะหยุดตกเกือบทุกครั้งไป หรือบางครั้งจากหนักเป็นเบา รวมทั้งถึงการช่วยคุ้มครองในการเดินทางให้ปลอดภัย

เป็นความเชื่อของแต่ละคน •

 

โฟกัสพระเครื่อง | โคมคำ

[email protected]