ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 กันยายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
นายกฯ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร พร้อมคณะรัฐมนตรี เตรียมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล หลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ
เจตนารมณ์ และยุทธศาสตร์ของรัฐบาลชุดนี้คือ มุ่งมั่นสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ตลอดจนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองการของประเทศให้ก้าวหน้า เพื่อประโยชน์ของประชาชน
สำหรับนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการทันที ได้แก่ ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ ส่งเสริม SME ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค สร้างรายได้ใหม่นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี
กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยกระดับการทำเกษตรเป็นเกษตรทันสมัย ส่งเสริมการท่องเที่ยว แก้ไขปัญหายาเสพติด เร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรม และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคม
“อยากจะขอความร่วมมือ เราเองก็อยากทำงานให้ครบ 3 ปี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการทำงาน นโยบายแม้ว่าจะค่อนข้างเหมือนเดิม แต่มีการปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน และมั่นใจว่าจะสามารถทำนโยบายได้สำเร็จ” แพทองธารกล่าว
ต้องยอมรับว่าบรรยากาศทางการเมืองตอนนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน มุมหนึ่งเราได้เห็นรัฐบาลเดินหน้าทำงาน เตรียมผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง เพราะเศรษฐกิจตอนนี้เข้าขั้นวิกฤต
แต่อีกฟากหนึ่ง ครม.อิ๊งค์ ก็กำลังเผชิญหน้ากับอุปสรรคและขวากหนาม จากเกมใต้ดินของบรรดานักร้องในสังกัดบ้านป่าฯ ที่เปิดศึกโจมตีด้วยนิติสงครามหวังทำลายล้างรัฐบาลแพทองธารให้ต้องมีอันเป็นไป
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐก็เตรียมบดขยี้อีกแรง หลังอกหักจากการเข้าร่วมรัฐบาล ทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ ส.ส.ที่อยู่ใต้ปีกลุงป้อม ต้องไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภาแบบไม่เต็มใจนัก
ก่อนหน้านี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เคยออกมายืนยันว่า ส.ส.ทุกคนมีความสุขดี เพราะได้ทำงานเป็นอิสระ แต่เบื้องหลังคำพูดดังกล่าวคงเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
“พรรคเรามีความสุข โดยเฉพาะ ส.ส. เพราะจะได้ทำงานอย่างอิสระ ที่พูดกันว่าพรรคฝ่ายค้านก็เป็นแค่ระเบียบในสภาเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีรัฐมนตรีในรัฐบาลก็เป็นพรรคฝ่ายค้าน”
“แต่การทำงานจริงๆ ก็คือพรรคพลังประชารัฐที่ทำงานตามอุดมการณ์ของตัวเองเหมือนเดิม และจะได้เห็นว่า ส.ส.ของพรรคเรามีความสุขขึ้นไปอีก ได้ทำหน้าที่อย่างอิสระ เที่ยงตรง รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน” นายไพบูลย์กล่าว
สอดรับกับท่าทีของลุงป้อมที่ส่งสัญญาณไม่เกรงกลัวใครหน้าไหน แม้ว่าจะต้องเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน ขณะเดียวกันก็มีใจบันดาลแรงอย่างเต็มที่กับการเดินหน้าท้ารบรัฐบาลแพทองธารทุกวิถีทางที่สามารถทำได้
หลังจากลุงป้อมคัมแบ๊กนั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นรอบที่ 3 และประกาศทำงานการเมืองภายใต้สโลแกน “อนุรักษนิยมทันสมัย” ซึ่งหมายถึงการนำคนทุกช่วงวัยมาผสมผสานทำงานร่วมกัน ตลอดจนปกป้องสถาบัน ทำเศรษฐกิจทันสมัย เพื่อชีวิตที่สดใส
“พรรคพลังประชารัฐต่อไปนี้จะเป็นหนึ่งเดียว จะไม่มีการแตกแยกกันอีกแล้ว หลังจากนี้จะเปลี่ยนวิธีการบริหารพรรคใหม่ โดยจะให้รองหัวหน้าพรรคเป็นผู้ดูพื้นที่ และให้เลขาธิการพรรคเป็นฝ่ายสนับสนุน”
“พรรคพลังประชารัฐจะยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จะทำเศรษฐกิจที่ทันสมัย ทำให้ประชาชนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีชีวิตสดใสขึ้น เราจะช่วยกันทำเพื่อพรรคของเราจะได้เข้มแข็งต่อไป ประเทศชาติจะได้อยู่ดีมีสุขต่อไป” พล.อ.ประวิตรกล่าวพร้อมพนมมือขึ้นเหนือศีรษะ
นอกจากนี้ ลุงป้อมยังได้มอบหมายให้นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานคนรุ่นใหม่ของพรรค ภายใต้คำขวัญ “New Gen พลังคนรุ่นใหม่ พลังประชารัฐ”
ทั้งนี้ก็เพื่อปรับภาพลักษณ์ของพรรคให้ดูทันสมัยขึ้น และให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน หวังสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ขณะเดียวกันพรรคพลังประชารัฐยังเตรียมเช็กบิล ธรรมนัส พรหมเผ่า และ ส.ส.ในกลุ่มร้อยเอก ที่สร้างความวุ่นวายแตกแยก ฉีกหน้าลุงป้อมอย่างไม่สนใจไยดี และแปรพักตร์หนีไปสนับสนุนพรรคเพื่อไทย
โดยลุงป้อมได้ลงนามคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบ 20 ส.ส.กลุ่มธรรมนัส ฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค และกำหนดกรอบเวลาตรวจสอบภายใน 60 วัน หากได้ผลอย่างไรให้แจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
เรียกได้ว่าศึกระหว่าง พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส คงไม่จบง่ายๆ แน่ ดังนั้น ต้องจับตาดูกันให้ดีว่าเกมนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ
ส่วนการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภาทั้งลุงป้อมและลูกพรรคในปีกของตัวเองต่างก็ออกมายืนยันว่า ส.ส.ทุกคนมีความสุขดี และพร้อมเดินหน้าตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้นแน่นอน
สอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ประกาศจุดยืนอย่างแข็งกร้าวกับการเดินหน้าถล่มรัฐบาลแพทองธาร
“กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มีความพร้อมในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และยืนยันกับสมาชิกพรรคว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด การตรวจสอบรัฐบาลมีหลายช่องทางอยู่แล้ว ทั้งในสภาผ่านการอภิปราย เราก็จะทำให้เต็มที่”
“และการตรวจสอบด้านกฎหมาย ใครทำผิด ใครทุจริต เราก็ว่ากันไป ไม่ต้องเกรงใจกัน เพราะไม่ได้อยู่ร่วมกัน เมื่อก่อนเกรงใจกัน แต่ตอนนี้ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว”
“พล.อ.ประวิตร ก็ยังเป็น พล.อ.ประวิตร คนเดิม มีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีพลังที่จะทำงานขับเคลื่อนการเมืองต่อไป ใครจะอยู่ใครจะไปเป็นเรื่องของคนภายนอก ไปบังคับเขาไม่ได้”
“เชื่อว่าอุดมการณ์หลักของพรรคพลังประชารัฐในการที่จะทำงานเพื่อประชาชนให้อยู่ดีกินดี ทำเศรษฐกิจทันสมัยขึ้น ปกป้องสถาบัน ทำให้บ้านเมืองมั่นคง เป็นแนวทางหลักของพรรคที่จะทำงานต่อไปแน่นอน
“พรรคพลังประชารัฐพร้อมทำงานเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นไปตามกติกาประชาธิปไตย ส่วนการลงมติก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่มีทิศทางอยู่แล้วว่าจะทำอย่างไร คงไม่จำเป็นต้องตามกันทุกเรื่อง” นายชัยวุฒิกล่าว
ด้าน นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกมาโต้ทันควัน โดยระบุว่าการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนแล้ว
ซึ่งการที่นายชัยวุฒิออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแบบนั้น ก็ถือว่าชัดเจนแล้วที่เราไม่สามารถร่วมงานกับพลังประชารัฐได้
“เราพร้อมถูกตรวจสอบอยู่แล้ว และยิ่งเป็นรัฐบาล เรายิ่งหนีไม่พ้น อย่างไรก็ตาม ขอเวลาทำงานเพื่อพิสูจน์ผลงาน ท่านนายกฯ ก็พร้อมรับบทบาทนี้ และสู้ต่อไป” นายสรวงศ์กล่าว และยืนยันว่าไม่ได้หลอกให้พลังประชารัฐโหวตเลือกนายกฯ พร้อมต่อสู้ทุกคดี และทุกข้อร้องเรียน
นับเป็นศึกรอบด้านของรัฐบาลแพทองธารที่จะต้องตั้งสติให้ดี เพื่อเตรียมรับมือกับปฏิบัติการทั้งบนดิน-ใต้ดิน หรือเกมการเมืองในสภาและนอกสภา
ขณะที่ นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) แสดงความเห็นในรายการ The Politics โดยเชื่อว่าลุงป้อมและพรรคพลังประชารัฐคงไม่มีพิษสงอะไรในการเขย่าทั้งตัวนายกฯ อิ๊งค์ และรัฐบาลในศึกอภิปรายอย่างแน่นอน
“แนวรบในสภา ผมคิดว่าลุงป้อมแทบไม่มีความหมาย ผมเชื่อว่าท่านไม่ใช่นักอภิปรายในสภา ไม่ว่าจะเป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรืออภิปรายทั่วไป เราจะไม่ได้ยินเสียงลุงป้อมเลย เพราะคนเราถนัดไม่เหมือนกัน แม่ทัพอาจจะเหมาะสำหรับบัญชาการ แต่ออกไปรบเป็นกองหน้า ท่านก็คงไม่ถนัดเป็นเรื่องธรรมดา”
“รัฐบาลแพทองธารถ้าตั้งหลักดีจะอยู่ครบเทอมแน่นอน ทุกคนต้องช่วยกันประคองรัฐบาลนี้ อย่าไปไล่ให้ล้มเลย เพราะมันจะนำไปสู่การทำรัฐประหาร”
“หรือถ้าหากพ้นไปโดยวิถีประชาธิปไตย มีการตั้งรัฐบาลใหม่ เราก็จะได้อนุทิน ชาญวีรกูล หรือลุงป้อมมาเป็นนายกฯ”
“และการเป็นนายกฯ เสียงสนับสนุนก็อาจจะไม่พอ ก็ต้องไปเอาพรรคเพื่อไทยมาร่วมรัฐบาลอีก หรือได้พรรคประชาชนมาเป็นรัฐบาลอยู่ดี”
“ซึ่งเกรงว่าถ้าเป็นแบบนี้แล้วมันจะเกิดความรุนแรงขึ้น บ้านเมืองบอบช้ำมากแล้ว ช่วยกันประคองรัฐบาลนี้ให้อยู่ไปเรื่อยๆ ดีกว่า” นายไพศาลกล่าวทิ้งท้าย
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022