เรื่องสั้น : ตุ๊กตาเรืองแสงในงานแสดงลิเก

ภาพบนเวทีระยิบระยับเพราะแสงไฟที่สาดส่องต้องชุดลิเกของพระเอกนางเอก เสียงเพลงดังเจื้อยแจ้วไม่ขาดสาย เด็กที่นั่งเก้าอี้พลาสติกด้านหน้าส่งเสียงหัวเราะบ้าง บางคนมีสมาธิจับจ้องการแสดงของพระเอก นางเอกบนเวที อย่างไม่ให้คลาดสายตา ตัวละครลิเกยังคงร่ายรำประกอบบทพูดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ด้านล่างเวทีทุกชีวิตยังคงดำเนินไป คนขายน้ำ คนขายลูกชิ้น กองเสื้อผ้ามือสองมากมาย มีหนุ่มสาวโรงงานเดินมาเลือกซื้ออยู่ไม่ห่างจากเวทีมากนัก ร้านขายก๋วยเตี๋ยว แม่ค้าพ่อค้ากำลังลวกเส้น เติมเครื่องให้กับลูกค้า ซอยเล็กๆ ชานเมืองกรุงเทพมหานครแห่งนี้ไม่เคยหลับ ทุกเย็น ทุกวัน ตลาดนัดยามค่ำคืนแห่งนี้ เปิดรับผู้คนมากหน้าหลายตา หลายชนชั้น

ชายร่างเล็กออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เขามุ่งเป้าไปตามริมถนน ถังขยะทุกใบ เป็นที่ทำงาน ริมถนนที่เป็นที่กินอาหาร มือสวมถุงพลาสติก ควานหาแก้ว กระดาษ พลาสติกที่ถูกทิ้งในถังขยะ ตั้งแต่เช้าจนบ่ายๆ ชายสูงวัยต้องทำงานหนักเพื่อครอบครัวที่มีอยู่หลายชีวิต หลายชีวิตที่เขาต้องเลี้ยงดู ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่กำลังเจ็บป่วย เพราะล้ม แต่อาการกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ หลานชายและหลานสาวอย่างละคนของลูกชายคนโตที่ออกจากบ้านไปขายแรงงานอยู่ต่างประเทศ ส่วนลูกสะใภ้นานๆ ทีถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้าน เพราะทำงานอยู่ต่างจังหวัด เขากับภรรยาจึงฝ่าฟันอุปสรรคกันเพียงลำพัง ทั้งสี่ชีวิตอาศัยอยู่บ้านเก่าแก่หลังเล็กๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก

บ้านเก่าแก่หลังนี้ของเขาเป็นบ้านที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น อดีตที่เคยรุ่งโรจน์ของชายสูงวัย ณ วันนี้กลายเป็นเพียงภาพฝันในอดีต ก่อนหน้านี้ บ้านเป็นแหล่งรวมของความสุข พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ปลูกบ้านอยู่ใกล้กัน วันเวลาผ่าน ทำให้คนรุ่นเก่าล้มหายตายจากไป ชายสูงวัยสูญเสียพ่อแม่ไปเมื่อตอนอายุสามสิบกว่า จนกระทั่งความเจริญขยายมาสู่ชานเมือง คอนโดฯ เริ่มผุดขึ้นมา เขาต้องขายที่บางส่วนออกไป เพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด บ้านเก่าในย่านนี้เหลือเพียงบ้านของเขาเพียงหลังเดียว บ้านอื่นๆ ย้ายออกหรือขายที่ไปหมดแล้ว ยังคงเหลือแต่เขากับภรรยาที่ยังอยู่อาศัยในบ้านเก่าแก่ ทุกครั้งที่เดินเข้าไปในบ้าน ถึงแม้สิ่งของต่างๆ จะทรุดโทรมไป มนต์เสน่ห์ของความเก่ายังคงหลงเหลือ เหมือนเดินผ่านประตูแห่งกาลเวลา

หลังจากเก็บขยะจนถึงบ่ายแก่ๆ ชายสูงวัยเข็นรถเข็นเอาขยะที่ได้ไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าใกล้ๆ แล้ว เขามุ่งหน้าไปรับของเล่นหลากสีสัน ตุ๊กตา ลูกโป่ง และของเล่นเด็กต่างๆ พาดหลัง คล้ายซานตาคลอสกำลังจะนำของขวัญไปแจกเด็ก ตลาดนัดชานเมือง เป็นเป้าหมายสำคัญในการขายของเล่นสำหรับเด็ก เด็กที่ซื้อของเล่นตลาดนัดส่วนใหญ่ เป็นลูกหลานของชนชั้นแรงงาน ราคาที่ขายไม่แพงนัก พอที่พ่อแม่จะจ่ายตังค์ซื้อได้

แสงไฟประกายระยิบระยับที่เห็นอีกมุมหนึ่งมาจากตุ๊กตาเรืองแสงที่วางอยู่บนถาด หลากหลายตัว เป็นตุ๊กตาในตำนานหรือเรื่องเล่าของชาวตะวันตก เจ้าหญิงซินเดอเรลล่า เงือกน้อย สโนว์ไวต์ และล่าสุดคงจะเป็นเจ้าหญิงเอลซ่า เสียงเพลงคล้ายกับที่เปิดในสวนสนุกดังแว่วในความคิดคำนึงเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นในร่างชายแก่ กลุ่มเด็กๆ ที่วิ่งเล่นอยู่รายรอบมองตุ๊กตาของลุงขายตุ๊กตาอย่างไม่วางตา พวกเขาวิ่งเล่นอยู่หน้าเวทีลิเกบ้าง ตามพ่อแม่มากินข้าวเย็นบ้าง ลุงขายตุ๊กตาแปลงร่างจากชายเก็บขยะเมื่อเช้ามาเป็นซานตาคลอสเพื่อคนยาก ขายตุ๊กตาหลากสีสัน ลุงเอาตุ๊กตาวางบนถาด เปิดไฟเรืองรอง พร้อมเสียงเพลงประกอบเรียกร้องความสนใจ ในถาดยังมีโคมไฟประดับลวดลายหลากสีสันอีกด้วย

ลุงขายตุ๊กตาเดินไปทางไหนท่ามกลางความมืด แสงไฟระยิบระยับเป็นจุดเด่นได้ดีทีเดียว แกหยุดยืนตรงเวทีลิเก เหม่อมองไปบนเวทีจากระยะไกลๆ พระเอก นางเอกกำลังร่ายรำอยู่บนเวที ชุดลิเกทอประกายระยิบระยับไปมากกว่าแสงไฟจากตุ๊กตาหลายเท่า บนเวทีลิเกเหมือนความฝัน มีแต่ความงดงาม ความสดใส พระเอก นางเอกร่ายรำกันอย่างมีความสุข

“ลุงขายตัวเท่าไหร่ครับ” ก้มหน้าหันมามอง เด็กน้อยตัวเล็กๆ กำลังสะกิดถามราคา

“เก้าสิบเก้าบาท” แกตอบเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

“ผมไม่มีตังค์เลย วิ่งไปถามแม่ก่อนครับ” ว่าแล้ว เด็กน้อยวิ่งจากไป

เป็นอีกวันที่หอบตุ๊กตาถุงใหญ่กลับมาบ้าน รับมาคราวนี้ยังขายไม่ได้ไม่เป็นไร เก็บไว้ขายวันอื่นๆ ตลาดนัดยังมีอีกหลายที่ ชายร่างเล็กที่มีผมสีขาวแซมอยู่บ้าง บ่งบอกถึงช่วงวัยที่ผ่านมายาวนาน นั่งรถเมล์กลับบ้าน เขาเดินเข้าซอยอย่างอ่อนล้า พรุ่งนี้ยังมีหวังเสมอ กลับมาบ้านเล็กๆ ที่ถึงแม้จะไม่ได้เช่าใครอยู่ แต่บ้านก็อยู่ในสภาพโทรมตามกาลเวลา โชคดีที่เขาเป็นคนขยันขันแข็ง ดูแลบ้านสม่ำเสมอ ปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่น และยังปลูกผักสวนครัวไว้กินเองด้วย เหมือนอยู่ในโอเอซิสท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ

“กลับมาแล้วเหรอพ่อ” เสียงภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของเขา ค่อยๆ เดินมารับที่หน้าประตูบ้าน

“วันนี้ไม่ค่อยได้อะไรเลยแม่”

“พักซะบ้างไหมพ่อ หยุดบ้าง วันเว้นวัน”

“เด็กๆ เป็นยังไงบ้าง”

“ทำการบ้าน กินข้าว อาบน้ำ หลับไปแล้ว”

โชคยังดีที่หลานทั้งคู่ไม่ดื้อ ไม่ซนแม้แต่น้อย พวกเขาฝึกให้เด็กๆ ดูแลตัวเอง ไม่ต้องมีใครคอยดูแลมากนัก อาบน้ำ ทานข้าวเอง

“ไปนอนเถอะแม่ พ่อดูแลตัวเองได้”

เขาไม่เคยแสดงความทุกข์ใจให้ใครเห็น ลุงขายตุ๊กตาสำหรับเด็กๆ มักจะยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ เขามองข้าวของในถุงที่วางอยู่ ของเล่น ตุ๊กตาสำหรับเด็ก เขาไม่เคยได้สัมผัสจนเมื่อโตแล้ว เรียนหนังสือมีงานทำ มีลูก เขาจึงได้เล่นของเล่น ชายชราหยิบตุ๊กตาออกมาจากถุงกดปุ่มเปิดไฟให้เรืองแสงในความมืด แสงไฟระยิบระยับจากตุ๊กตาเจ้าหญิงสาดส่องไปทั่วห้อง ชีวิต ความฝัน จินตนาการของเขายังมีอยู่ ถึงแม้จะอายุมาก ความรู้สึกว่าตนเองยังเป็นเด็กมีอยู่ในตัวเราทุกคน

พรุ่งนี้คงต้องออกเดินทางไปทำงานอีกครั้ง ตั้งแต่ลูกชายของเขาไม่อยู่ ไปทำงานต่างประเทศ นานๆ ทีจึงจะติดต่อมาสักครั้ง เงินที่ส่งมาให้ใช้ต่อเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไร เขาจึงต้องขยันทำงาน ทั้งงานในบ้าน งานนอกบ้าน ด้วยความสูงวัยของเขา การกลับไปทำงานบริษัท เป็นมนุษย์เงินเดือนอีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาจึงต้องทำงานที่เป็นเจ้านายตัวเอง งานเก็บขยะ งานขายของเก่าเป็นงานที่ไม่ต้องลงทุน เขาไม่ได้รู้สึกอายอะไรที่เลือกทำงานนี้ การเก็บขยะเป็นการช่วยจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมอีกด้วย งานเก็บขยะต้องลงแรงมากๆ วันที่เขาออกจากงานอย่างเป็นทางการ เขาเริ่มต้นจากในบ้าน จัดการกับขยะต่างๆ ที่มีอยู่ ทำมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ภรรยาของเขา ถึงแม้จะล้ม ขาเจ็บทำงานไม่ได้ แต่ไม่เคยอยู่ว่างจากงานบ้านเลย เขามีเธอที่เป็นคู่คิดในทุกๆ เรื่อง หลานสองคนที่ลูกทิ้งไว้ให้ดูแลก็ได้ภรรยาช่วยเลี้ยง

ของไม่ใช้แล้ว ขยะ ถุงพลาสติก ถุงขนม ขวดน้ำ เขานำมาแยกจัดหมวดหมู่ ส่งร้านขายของเก่าทุกวัน จนได้เงินมาจุนเจือครอบครัว งานจ้างต่างๆ เขาไม่เคยเกี่ยงงอน งานซ่อม งานดูแลสวน เขารับทำทุกอย่าง สูงวัยอย่างเขา ยังแข็งแรง เดินเหินได้คล่องแคล่ว หมดจากขยะในบ้าน เขาจัดการกับขยะนอกบ้าน ตระเวนไปตามถนน ไปตามถังขยะ รวบรวมใส่ถุงพลาสติก คัดแยก ส่งขาย ที่ทำงานของเขาไม่ใช่ออฟฟิศ โต๊ะสวยหรู เขายอมปล่อย ปลงกับชะตาชีวิตของตนเองได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ครั้งแรกที่ต้องออกจากที่ทำงาน เขาเคว้งคว้าง ทำอะไรไม่ถูก เขาไม่ได้ทำงานราชการที่มีบำนาญ เงินก้อนที่ได้ติดตัวมาหลังจากออกจากงานประจำจะเอาไว้ทำทุนก็ต้องสูญสลายไป เพราะต้องให้ลูกชายเป็นค่าเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เงินออมที่เหลืออยู่ไม่มากมาย หวังจะพึ่งพาลูกชายคนเดียวทำได้ไม่เต็มที่ ลูกชายยังส่งเงินมาให้ใช้บ้าง เขาเก็บเงินส่วนนั้นไว้เป็นค่าเทอมหลานๆ สองชีวิตที่เขาต้องดูแล เขาจึงไม่อยากอยู่นิ่ง การทำงานช่วยเติมเต็มชีวิตที่ว่างเปล่า เขาทำด้วยความเต็มใจ

“ลุงคะ มีขวดน้ำที่บ้านอยู่หลายกระสอบ ลุงแวะไปรับที่บ้านได้นะคะ”

แดดแรงกล้ามากช่วงเที่ยงๆ บ่ายๆ แบบนี้ เขามองหน้าหญิงสาวผู้ใจดีไม่ชัดเลย เขาตามเธอไปหน้าบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง เธอยกถุงกระสอบใบใหญ่มาให้สองถุง ข้างในบรรจุขวดพสาสติกไว้เต็มเปี่ยม

“ขอบคุณหนูมากๆ” เขายกมือไหว้แบบไม่อายใคร

หญิงสาวรีบไหว้ตอบในทันที

ชายร่างเล็กรีบแบกถุงกระสอบตรงไปที่ร้านขายของเก่าทันที วันนี้คงเลิกงานเก็บของเก่าได้เร็วขึ้น จะได้หอบตุ๊กตาไปขายที่งานวัดใกล้ๆ คืนนี้มีลิเกอีกเหมือนเดิม ความบันเทิงใจอย่างเดียวในชีวิตของเขาคือการได้มายืนขายตุ๊กตาเรืองแสง และได้ดูลิเกไปพลางๆ เขานับเงินที่ได้ ซื้อของใช้จำเป็นให้ภรรยา ให้หลานๆ แล้วรีบกลับบ้าน สตางค์เอาไปฝากไว้ที่ภรรยาเหมือนเดิม วันนี้จะออกไปขายตุ๊กตาอย่างเคย

“แม่ กินข้าวหรือยัง” เขาถามภรรยาเหมือนเคย เธอค่อยๆ ก้าวเท้าเดิน ใช้ไม้เท้าช่วยเดินบ้าง

“ยังเลยพ่อ แม่จัดสำรับให้ วันนี้อยู่กินก่อนออกไปงานวัดไหมพ่อ”

“ได้ เดี๋ยวอยู่เจอพวกเด็กๆ ก่อน”

กินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นครั้งแรกในสัปดาห์ เขาเห็นหลานๆ เติบโตขึ้นมาก สังคมสมัยนี้เหลือแต่ผู้สูงวัยอยู่กับหลานตัวน้อย คนวัยทำงานเข้าเมือง ไปต่างประเทศ ไม่มีเวลาแม้แต่จะเหลียวมามองว่าเราอยู่กันอย่างไร คิดถึงลูกชายมาก หลานคนโตหน้าถอดแบบลูกชายของเขาไม่มีผิด เจ้าตัวน้อยเข้ามานั่งตักปู่อย่างว่าง่าย เด็กๆ เหมือนจะรู้ว่าครอบครัวไม่ได้สุขสบายมากนัก พวกเขาจึงไม่ดื้อ ไม่ซน ตั้งใจเรียน มีความเข้มแข็งได้ไม่แพ้ผู้ใหญ่ โชคดีของพวกเขาที่หลานๆ ไม่เคยสร้างเรื่องทุกข์ใจให้แม้แต่น้อย

“ไปก่อนนะแม่ ได้สักสองสามตัวก็ยังดี”

“ดูแลตัวเองด้วยพ่อ”

คู่คิดของเขาโบกมือให้ที่หน้าประตูบ้าน

งานวัดที่ว่าอยู่ไม่ไกลนัก เขาไม่ได้ขึ้นรถเมล์ เดินเรื่อยๆ มาตลอดทาง กล่องตุ๊กตาเรืองแสง พร้อมถาดไว้ตั้งขาย เก็บไว้ในถุงกระสอบใบใหญ่ คราวนี้รับมาหลายแบบ หลายสี พอมาถึงงานเขาจัดตุ๊กตาใส่ถาด วันนี้เจ้าหญิงสโนว์ไวต์ดูเริงร่าเป็นพิเศษ ยิ้มหวาน พอเปิดไฟตัวตุ๊กตาส่องแสงประกายท่ามกลางความมืด เจ้าหญิงนิทรา เจ้าหญิงซินเดอเรอล่า พร้อมใจกันเริงระบำเหมือนมีชีวิต โลกแฟนตาซีสวยงามเสมอ

เขาเดินถือถาดตุ๊กตาเรืองแสงไปรอบๆ งาน เด็กๆ หลายคนให้ความสนใจ ปากก็ร้องบอกไปว่า

“ตุ๊กตาเรืองแสง ตัวละเก้าสิบเก้าบาทครับ มีหลายตัวให้เลือก ชุดเจ้าหญิงดิสนีย์มีครบถ้วน”

ผู้ปกครองเข้ามาเมียงมอง ซื้อไปให้ลูกหลาน ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานโรงงานที่อาศัยอยู่ไม่ไกลจากวัดนี้มากนัก เขาขายได้สามตัว เด็กเป็นกลุ่มห้าหกคน ตัวเล็กๆ เข้ามารุมล้อมดูตุ๊กตาเรืองแสงที่ส่องประกายระยิบระยับในความมืด คณะลิเกด้านบนยังคงทำการแสดง พระเอก นางเอก ร่ายรำ ผ่านความทุกข์ยากลำบากไปด้วยกัน เขาเองในตอนนี้ตกอยู่ในความทุกข์ และพยายามที่จะผ่านความทุกข์ไปให้ได้ ใกล้เที่ยงคืนแล้ว คณะลิเกลาโรง หนังกลางแปลง คนขายของเริ่มเก็บของ เขาพาตุ๊กตาที่เหลือใส่กระสอบกลับบ้าน พร้อมกับเงินที่รัดไว้ในกระเป๋ากางเกงกลัวหล่นหาย

เขาพยายามสาวเท้าก้าวเดินอย่างรวดเร็ว ใจลอยกลับไปถึงบ้าน คืนนี้จะได้นอนพักยาวๆ สักที

ระหว่างเดินไม่ทันระวัง กลุ่มวัยรุ่นขี้เมากลุ่มหนึ่งสวนทางมาข้างหน้าพอดี

หนึ่งในกลุ่มเด็กหนุ่มตะโกนมาว่า “ลุง ขอตังค์กินเหล้าหน่อย”

“ลุงไม่มีหรอกหนู” เขารีบตอบและพยายามเดินเลี่ยงเด็กหนุ่มกลุ่มนี้ให้เร็วที่สุด

“ไม่เอาน่าลุง นึกว่าให้ลูกให้หลาน อย่าให้ใช้กำลังนะลุง”

เขาไม่ยอมตกเป็นเป้านิ่ง รีบจ้ำให้เร็วขึ้น พวกเด็กๆ พยายามล้อมหน้าล้อมหลัง เขาคุกเข่ายกมือไหว้ ขอร้อง พวกเด็กหนุ่มเลือดร้อนไม่ยอม พยายามค้นตัว โชคดีเขาเก็บตังค์ซ่อนไว้มิดชิด กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มจึงปล่อยเขาไป เพียงแค่นี้เขาก็รู้สึกหอบ เหนื่อยอ่อน ล้าไปทั้งขาที่ต้องยืนอยู่ตลอดคืน รู้สึกว่าตุ๊กตาที่แบกอยู่ในกระสอบหนักอึ้งขึ้นมาทันที ชีวิตต้องไม่ยอมแพ้ เขากลับมาถึงบ้านจนได้ บ้านทั้งหลังเงียบสนิท ภรรยาครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่โซฟาด้านล่าง รอเขากลับมา ไม่ว่ากี่ปีต่อกี่ปี หล่อนยังอยู่ข้างเขาเสมอ ภรรยารู้สึกตัว พอดีกับที่เขาเข้าบ้านมาเรียบร้อยแล้ว รีบเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเรียบร้อย ล้มตัวลงนอน หลับสนิทไปในไม่กี่นาที ภรรยาได้แต่มองดูเขาแล้วอมยิ้มน้อยๆ ปล่อยให้ชายร่างเล็กผู้สูงวัยนอนหลับไปอย่างสบาย

เด็กๆ ตื่นมาเตรียมไปโรงเรียน กินข้าวเช้าเรียบร้อย รถโรงเรียนมารับถึงบ้าน หลานไปเรียน ผู้สูงวัยทั้งสองทำงานบ้าน เก็บกวาดบ้านเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ว่าบ้านจะทรุดโทรม ร่องรอยที่เหลืออยู่บ่งบอกว่าเจ้าของบ้านดูแลบ้านของตนเองเป็นอย่างดี

ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านมีแต่ความทรงจำของเขากับภรรยา รูปถ่ายในกรอบ อัลบั้มรูปต่างๆ บ่งบอกถึงประวัติชีวิตที่รุ่งโรจน์ของคนทั้งคู่ ถึงจะไม่ได้ทำงานประจำเหมือนเคย ทั้งสองผู้สูงวัยไม่เคยว่างเว้นจากภาระงานในบ้าน เช้าช่วยกันดูแลหลาน ส่งไปโรงเรียน สายหน่อยฝ่ายชายออกไปเก็บของมือสองต่างๆ รวบรวมขายพอได้สตางค์ ตกเย็นงานวัดเป็นที่ทำงาน “ตุ๊กตาเรืองแสง” หลายตัวถูกแบกใส่กระสอบสะพายหลัง

เป็นอีกคืนหนึ่งที่ “ตุ๊กตาเรืองแสง” ได้มีโอกาสฉายแสงของตัวเอง ท่ามกลางผู้คนมากมาย

ชายร่างเล็กเดินไปอยู่ในฝูงชน บางคราวก็หยุดวางของลงกับพื้น ถาดที่ถือตุ๊กตาเรืองแสง ส่งแสงเรืองรอง วันนี้ขายได้หลายตัว เด็กๆ หลายคนตื่นตาตื่นใจไปกับประกายเรืองแสงของเจ้าตุ๊กตา ซินเดอเรลล่าในชุดกระโปรงฟูฟ่อง ส่งประกายเรืองแสงระยิบระยับ เขายังจำได้ดีถึงวันที่เขาและภรรยาเล่าเรื่องซินเดอเรลล่าให้หลานๆ ได้ฟัง ความขยันขันแข็ง ความอดทนของซินเดอเรลล่า ทำให้เธอฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนประสบความสำเร็จ ระหว่างที่กำลังจัดการแพ็กตุ๊กตาใส่กล่องและใส่ถุงให้ลูกค้าตัวเล็กๆ มีเด็กผู้หญิงวัยสองสามขวบหน้าตามอมแมม นั่งอยู่กับแม่ที่วางกระป๋องใบเล็กไว้ข้างหน้าตัว เพื่อขอเศษสตางค์จากผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมา ลุงขายตุ๊กตาสังเกตเห็นด้วยความไม่ตั้งใจ เด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นเฝ้ามองตุ๊กตาเรืองแสงไม่วางตา ดวงตาใสแจ๋วคู่นั้นเรียกร้องอยากได้มาครอบครองสักตัว เธอคงพยายามสื่อสารกับเจ้าตุ๊กตาพวกนั้นอยู่เป็นแน่

เมื่อหมดคนมารุมล้อม ชายร่างเล็กยืนขึ้นถือถาดตุ๊กตาเรืองแสงออกเดินทางอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเดินไปหาเด็กผู้หญิงมอมแมมและแม่ของเธอ ลุงขายตุ๊กตาใจดียื่นตุ๊กตาสโนว์ไวต์ให้หนึ่งตัว “รับไว้นะ ลุงให้” เด็กหญิงมองหน้าแม่อย่างลังเล แม่พยักหน้า เด็กหญิงประนมมือกราบลงที่พื้น ลุงขายตุ๊กตาช่วยเปิดกล่องใส่ตุ๊กตา หยิบตุ๊กตาเรืองแสงมาเปิดไฟ เด็กตัวน้อยยิ้มทั้งน้ำตา เขาเดินจากมา ค่ำคืนนี้ เขานั่งรถกลับบ้านด้วยหัวใจพองโต ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงตุ๊กตาเรืองแสงจากโรงงานธรรมดาๆ แต่มันเป็นสิ่งของที่ให้ความหวัง ให้คุณค่า ให้กำลังใจ เรื่องเล่าจากเทพนิยายยังคงเป็นสิ่งที่สร้างกำลังใจให้ใครๆ หลายคนเสมอ เรื่องเล่ายังปลอบประโลม สร้างความหวังให้กับชีวิตที่ท้อแท้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้จบอย่างมีความสุขเสมอไปก็ตาม

“เป็นยังไงบ้างพ่อ” ภรรยายังคงรอเขาอยู่ที่เดิม

“เหนื่อย แต่วันนี้ขายได้เยอะเลย ให้ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงไปคนหนึ่งด้วย”

“ทำไมล่ะพ่อ”

“เขาไม่มีเงินซื้อ”

ชายร่างเล็กเปิดกระสอบตุ๊กตาเรืองแสงที่เหลืออยู่อีกไม่กี่ตัว ถ้าขายหมดกระสอบนี้ นำเงินบางส่วนไปจ่ายค่าของเพิ่มเติม และที่เหลือเป็นกำไร เขาเคยคิดจะเลิกขายตุ๊กตาเรืองแสงก่อนหน้านี้ เมื่อคิดจะเลิกทีไร ภาพบรรยากาศงานวัดที่สนุกสนาน มีชีวิตชีวา อบอุ่น ณ ซอยแห่งนั้น ผุดขึ้นมาในความทรงจำอยู่เสมอ เวลาเพียงสองปีทำให้เขารู้สึกผูกพันกับที่นั่น ผู้คน ลูกเล็กเด็กแดงที่ยิ้มให้เขาทุกครั้งที่พบเจอ ถึงแม้จะเจอกับกลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาหวังจะรีดไถเงินจากเขา แต่เด็กกลุ่มนี้ไม่เคยทำร้ายเขาจนเลือดตกยางออกเลย เขากลายเป็นคนคุ้นเคยของที่นั่น เขายังทำงานได้ ไม่ใช่คนแก่ชราที่เป็นภาระของใคร เขายังเข้มแข็ง ดูแลตัวเองได้ ดูแลหลานๆ คนหนุ่มบางคนเสียอีก พอเจอเหตุการณ์แย่ๆ ในชีวิตก็ปล่อยปัญหาทิ้งไว้ให้คนรุ่นพ่อรุ่นแม่แก้ไข ใครบอกว่าคนแก่อ่อนแอ เขาไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด

“พ่อๆ กินข้าวต้มไหม คืนนี้แม่ทำข้าวต้มร้อนๆ ไว้ให้” ภรรยาร้องเรียกเขาจากในครัว

ลุงขายตุ๊กตาจัดเรียงกล่องตุ๊กตาที่เหลือใส่กระสอบ อีกตัวหนึ่งเขาถือมานั่งกินข้าวต้มด้วย

ตุ๊กตาเรืองแสง ยังคงส่องแสงเป็นประกายไปทั่วห้องครัว ชายสูงวัยและภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากนั่งกินข้าวต้มมื้อดึกปรับทุกข์ร่วมกัน ภายใต้แสงไฟอันอบอุ่น

หลังโรงลิเก ผู้คนกลับบ้านหมดแล้ว เด็กหญิงมอมแมมวัยไม่ถึงเจ็ดขวบ นอนอยู่ในมุ้งเก่าๆ กับแม่ของเธอ มีแต่ความมืด เพิงไม้เก่าๆ ช่วยกันฝนฟ้าได้บ้าง ในมือถือตุ๊กตาเรืองแสงกอดไว้แนบอก