เชิงบันไดทำเนียบ : ยุค “อยู่เป็น” ‘บิ๊กป้อม’ พร้อมไป ‘บิ๊กเจี๊ยบ’ ยังไม่ใช้ ‘ยาแรง’ คนเสี้ยม ‘รปห.ซ้อน’ !!

สถานการณ์การเมืองช่วง ‘ขาลง’ ของ คสช. พร้อมกับ ‘กองหนุน’ ที่ลดลง เป็น ‘แรงเสียดทาน’ ที่ คสช. ต้องเจอก่อนเข้าปีที่ 4 อีกเพียง 4 เดือน จนทำให้ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่คสช. ยอมรับว่ามีคนบางกลุ่มที่เป็น ‘แรงเสียดทาน’ ที่หาว่ารัฐบาลไม่สามารถทำงานได้ตรงตามต้องการของประชาชนได้ จึงต้องต่อสู้กับแรงเสียดทานนั้น ตามกรอบของกฎหมาย

ในช่วงเวลาที่ คสช. อำนาจ ‘ขาลง’ ก็ทำให้กลุ่มต่างๆออกมา ‘ต่อรอง’ มากขึ้น ทั้งม็อบที่ออกมาเรื่อง ‘การเมือง’ และเรื่อง ‘ปัญหาสังคม’ โดยเฉพาะปรากฏการณ์ที่ศาลปกครองกลางได้สั่งคุ้มครองชั่วคราวกลุ่ม ‘We Walk เดินมิตรภาพ’ ให้ตำรวจดูแลและไม่ปิดกั้น-ขวางทาง แต่การชุมนุมจะต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมกดดันรัฐบาล-คสช.หลังการเลือกตั้งเลื่อนออกไป 3 เดือนที่แยกปทุมวัน ทาง ตร. ได้ออกหมายเรียกมารับฟังข้อกล่าวหาแล้ว

แต่ดูแล้ว คสช. ประเมินกลุ่มเคลื่อนไหวไว้สูงในทุกกลุ่ม เพราะยังคงยืนยันใช้กฎหมายเข้มงวด ทั้ง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และ คำสั่งคสช. ทั้งหมดนี้ คสช. ประเมินว่าหากปล่อยไว้จะลุกลามได้ อีกทั้งหลายกลุ่มหลายคนที่เคยประกาศเป็น ‘กองหนุน’ ก็ต่างพากัน ‘อพยพ’ ไม่ขอร่วม ‘กอง’ ด้วย
.
อีกทั้งกระแสโจมตีถล่ม ‘บิ๊กป้อม’ ก็บั่นทอน ‘กำลังใจ’ ไม่น้อย แม้คนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร จะยืนยันตรงกันว่า “ท่านยังกำลังใจดี เคยเป็นทหารชายแดน อึดอยู่แล้ว ไม่เคยบ่นอะไร” แต่หากดูท่าทางหรือแววตา ‘บิ๊กป้อม’ ในช่วงเวลานี้ไม่สดใสเท่าที่ควร แม้จะยิ้มให้สื่อ ก็เหมือน ‘ปกปิด’ ความรู้สึกไว้ และเป็นสายตาที่ไร้พลัง จนอาจเรียกได้ว่า ‘น้อยใจ’ กับสิ่งที่เกิดขึ้น จะต้องออกมา ‘ตัดพ้อ’ จะลาออกครั้งแรกด้วย
.
“ผมรับราชการมาตั้งแต่ปี 2511 ถึงวันนี้ก็ 50 ปีได้ รับราชการมาโดยตลอด ก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรต่างๆ ก็ดูเอาแล้วกันว่าผมได้ทำอะไรที่เสียหายต่อประเทศชาติบ้านเมืองบ้าง ผมเข้ามาเพื่อต้องการทำงานให้บ้านเมือง ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมที่จะไปจากตำแหน่งนี้” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ถือเป็นการกล่าว ‘ครั้งแรก’ ของ พล.อ.ประวิตร ที่มีการจัดเตรียม ‘ล่วงหน้า’ มาแล้ว เพราะเป็นงานวันพบปะกับสื่อ ผบ.เหล่าทัพ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ประจำปี ที่มาจากทุกเหล่าทัพด้วย อีกทั้ง ‘บิ๊กป้อม’ ได้กล่าวบนเวทีด้วยตนเอง ไม่ได้อ่านตามคำกล่าวรายงานที่มีการจัดเตรียมให้
.
ซึ่งก่อนจะเกิดเรื่อง ‘นาฬิกาหรู’ พล.อ.ประวิตร เคยกล่าว ‘ตัดพ้อ’ มีคนวิจารณ์ตนว่าเป็น ‘ตัวถ่วงรัฐบาล’ ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนจะมีการปรับ ‘ครม.ประยุทธ์5’ ที่ครั้งนั้นชื่อ พล.อ.ประวิตร มีแต่จะหลุดหรือเหลือเพียงเก้าอี้รมว.กลาโหม แต่ก็ฝ่ามรสุมลูกนั้นมากได้ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเข้าล็อค ที่เรื่อง ‘นาฬิกาหรู-แหวนเพชร’ มาในวันถ่ายภาพ ‘ครม.ประยุทธ์5’ ที่ถือเป็นวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการของทีมงานใหม่นี้

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร ก็ใส่นาฬิกาแบบเปิดเผยมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มีการ ‘จุดประเด็น’ ขึ้นมา จนมาถึงภาพถ่ายหน้าหมู่ ‘ครม.ประยุทธ์5’ ที่มีการเปิดเผยราคา ‘ริชาร์ด มิลล์’ จนนำไปสู่การเปิดบัญชีทรัพย์สินที่เปิดเผยต่อ ป.ป.ช. ผสมกับการออกมาชี้แจงของ ‘บิ๊กป้อม’ ที่ยิ่งไปกระพือกระแส จนที่มาคำว่า ‘นาฬิกายืมเพื่อนใส่’ ด้วย
.
อีกทั้งมีการมองว่าการจะทำลาย คสช. ได้จะต้อง ‘จัดการ’ พล.อ.ประวิตร เพราะ ‘แรงสวิง’ นี้ย่อมส่งถึง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น้องเล็ก 3ป.บูรพาพยัคฆ์ แน่นอน และ นายกฯ จะต้อง ‘จัดการ’ กับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้น ‘กองหนุน’ มีแต่จะลดลง แต่มีการมองอีกมุมว่า หาก ‘บิ๊กตู่’ ลงดาบให้ ‘พี่ป้อม’ ออก จะยิ่งกระพือกระแสเข้าเป้าฝั่งจ้อง ‘ล้มคสช.’ หรือไม่
.
แต่อีกด้านก็มองว่า ‘จะกู้เรตติ้ง’ ให้คสช.ที่ นายกฯ กล้าตัดสินใจเด็ดขาด แม้จะเป็นคนใกล้ชิดและเคารพก็ตาม หากมองช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดูเหมือน ‘บิ๊กตู่’ จะให้ ‘พี่ป้อม’ เลือกทางเดินเองในครั้งนี้ เชื่อได้ว่า ‘บิ๊กป้อม’ มีคำตอบในใจแล้ว

ล่าสุดมีกลุ่มมวลชนราว 40 คน ออกมา ‘ให้กำลังใจ’ พล.อ.ประวิตร ถึงหน้ากระทรวงกลาโหม แม้จะยืนยันว่าไม่มีการ ‘จัดตั้ง’ ใดๆทั้งสิ้น ที่ส่วนใหญ่มาจาก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพราะ ‘บิ๊กป้อม’ เคยเป็นผู้บังคับกองพันในพื้นที่ชายแดนตะวันออกมาก่อน อีกทั้งมาจาก จ.ปราจีนบุรี ที่ตั้งหน่วย ‘ทหารบูรพาพยัคฆ์’ และชุมชนริมคลองลาดพร้าว ที่ คสช.เข้าจัดระเบียบและทำเขื่อนกั้น พร้อมการจัดหาที่พักชั่วคราวให้คนในชุมนุม นอกจากป้ายให้กำลังใจ ก็มีป้ายที่ระบุถึงผลงาน พล.อ.ประวิตร ด้วย
.
เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มคนที่มาให้กำลังใจ มาหลังจากวันที่ พล.อ.ประวิตร ประกาศชัดบนเวที “ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมไปจากตำแหน่ง” ซึ่งมวลชนที่มาเปิดเผยว่า เห็น พล.อ.ประวิตร น้อยใจจึงมาให้กำลังใจ และมองว่า พล.อ.ประวิตร มีความจริงใจ และยังเชื่อมั่น แม้จะมีเรื่องนาฬิกาหรู เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว คนมีกำลังสามารถมีได้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่อง ‘การเมือง’ และเชื่อในความดีที่ พล.อ.ประวิตร เคยทำไว้แทน ผ่านผลงานต่างๆ สิ่งเหล่านี้สอดรับกับคำกล่าวของ พล.อ.ประวิตร ที่พูดถึงการทำงานตลอด 50 ปี ตั้งแต่ปี2511 ที่ได้ทำงานต่างๆไว้
.
แต่อีกสิ่งที่ถูกตีกระแสให้ ‘ทัพคสช.แตก’ หลังมีข้อเสนอให้ ‘กองทัพ’ แยกจาก ‘รัฐบาล’ ซึ่งผบ.เหล่าทัพเองก็อยู่ในคสช.ด้วย และเป็น ‘กองหนุน’ ที่สำคัญของ ‘คสช.’ ทั้งการสนับสนุนการทำงานและค้ำเสถียรภาพ

“กองทัพเป็นกลไกในการบริหารราชการของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย อาจมีบางครั้งที่มีปัญหา กองทัพก็ออกมาแก้ไขปัญหา เช่น วิกฤตการเมือง หากปล่อยไว้จะเป็นความเสียหายของชาติบ้านเมือง” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าว
.
ในสถานการณ์ที่ ‘บิ๊กตู่’ กระแสนิยมลดลง กองหนุนลด ก็ทำให้ข่าว ‘รัฐประหารซ้อน’ ถูก ‘ปลุก’ ขึ้นมาได้ง่าย แต่หากดูความเคลื่อนไหวในกองทัพ ยังไม่มีความ ‘เคลื่อนไหว’ หรือ ‘ปัจจัย’ ใด ที่จะนำไปสู่การ ‘รัฐประหารซ้อน’ ได้เร็ววัน ด้วยการจัดกำลังของ ‘กองทัพบก’ ที่เป็นยุค ‘โผทหารปรองดอง’ หรือ ฉบับ ‘ลงหลังเสือ’ ของ คสช. ที่ทุกสายล้วนมีบทบาท ทั้งวงศ์เทวัญ บูรพาพยัคฆ์ และรบพิเศษ ในตำแหน่งหลักของ ทบ.
.
สร้าง ‘ปึกแผ่น’ ใน ทบ. เอง แต่ต้องแยกอีกว่า แต่ละสายจะรวมตัวกันได้หรือไม่ ที่แม้จะเป็นการ ‘คลายล็อค’ แต่ก็ ‘เสริมล็อค’ ไปในตัว เพราะการจะ ‘รัฐประหาร’ ได้ ต้องอาศัยการ ‘เห็นด้วย’ อย่างเป็น ‘เอกภาพ’ อีกทั้งดูความ ‘สุกงอม’ ของสถานการณ์ ว่า สังคมเอาด้วยหรือไม่ และถึงเวลา ‘ใช้ยาแรง’ ให้ ‘ทหาร’ จัดการ ‘เบ็ดเสร็จ’ แบบปี2557 แล้วหรือยัง
.
“สถานการณ์ยังไม่บานปลาย เพราะเชื่อว่าจะอยู่แค่นี้ เป็นเพียงการเรียกร้องของคนกลุ่มหนึ่ง แต่คนส่วนใหญ่ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข ทำมาหากิน” พล.อ.เฉลิมชัย แจง
.
“คำว่าเหมือนปี 2557 คืออย่างไร ต้องแยกกัน เพราะปกติกลไกของรัฐใช้กฎหมายปกติ การที่ทหารออกมาแก้ไขปัญหาก็เพราะเป็นวิกฤตของชาติ แต่ปัจจุบันมันไม่มีอะไร มีแค่คนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องที่ทหารต้องออกมาหรือไม่ออกมา” ผบ.ทบ. ย้ำ

หากมองในห้วงเวลานี้ ‘รัฐประหารซ้อน’ ยังไม่เกิดขึ้นง่ายๆ เพราะ ‘ปัจจัย’ ยังไม่ครบองค์ประกอบ ในการ ‘จุดติด’ แต่ปัจจัยการนำไปสู่ ‘รัฐประหารซ้อน’ แต่ก็ยังสามารถขึ้นได้ตลอด เพราะสถานการณ์ช่วงนี้ เรียกได้ว่า ‘ไม่มีอะไรแน่นอน’ ผสมกับ ‘เสถียรภาพ’ ของ ‘รัฐบาล-คสช.’ ที่ถูก ‘สั่นคลอน’ ตลอด เรื่องนี้จึงไม่จบแค่เพียง ‘บิ๊กป้อม’ จะ ‘ลาออก’ หรือไม่ อีกทั้ง ‘คำตอบ’ ในใจของ พล.อ.ประวิตร เองก็ไม่มีใครรู้ได้ ‘ชัดเจน’ เพราะ จะเลือกทางไหน ก็มีแต่ ‘เจ็บตัว’ ทั้งนั้น
.
หาก พล.อ.ประวิตร ลาออกจริง การจะหาคนมาคุม ‘กองทัพ’ ทุก ‘เหล่าทัพ’ ได้มีเพียง ‘บิ๊กตู่’ เท่านั้น ในฐานะ ‘หัวหน้าคสช.’ ที่ดูจะมี ‘บารมี คอนโทรล’ ได้บ้าง เพราะไม่ใช่คุมเพียง ‘ทบ.’ เท่านั้น

เพราะ ‘กองทัพ’ ถือเป็น ‘กองหนุน’ และ ‘กำลังใจ’ ที่ พล.อ.ประวิตร ต้องการในเวลานี้ ในฐานะ ‘นาย-ลูกน้อง’ และ ‘บิ๊กตู่’ ต้อง ‘หลอมรวม’ ให้ได้ โดยเฉพาะ ทบ. ที่เป็น ‘ขุมกำลังปฏิวัติ’ โดยระยะเวลานับจากนี้ ต้องจับตา ‘ปัจจัย’ ที่จะนำไปสู่ ‘รัฐประหารซ้อน’ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอด เพราะ ‘ทิศทางลม’ ยังไม่นิ่ง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็รู้ ‘สัญญาณ’ นี้ดี หลังได้กล่าวในงานวันครบรอบ 60 ปี ร.ร.เตรียมทหาร ในการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวและขอให้มีความอดทนเป็นหลัก
.
เพราะ วันนี้ใครๆก็ ‘อยู่เป็น’ !!