กลิ่น

พิชัย แก้ววิชิต

ดอกไม้เสมือนจริงหลายแบบถูกจัดวางเรียงราย ห้อยให้เห็นเป็นความสวย ชวนให้หยุดยืนดู แม้ไร้กลิ่นหอมตามความจริงของดอกไม้แท้ หากแต่ร้านขายดอกไม้ประดิษฐ์เล็กๆ แห่งนี้ หาได้ไร้ซึ่งกลิ่น

กลิ่นหอมละมุนลอยลม โชยมาจากพัดลมตั้งพื้นที่วางถัดออกไปอยู่ด้านหลังของแม่ค้า ผู้มีความหอมเป็นของตัวเอง

สีหน้าและแววตาอันสดใสของเธอ สดชื่นเบ่งบานอยู่ท่ามกลางดงดอกไม้ไร้ชีวิต

น้ำหอมสังเคราะห์ปลอมมีราคาถูก พอจะกลบกลิ่นสาบความเป็นจริงของชีวิต ในวันที่การค้าขายเป็นเรื่องยาก

ความเป็นกลิ่นในแบบเข้าใจง่าย เว้นวรรคความซับซ้อนซ่อนกลิ่นเอาไว้ก่อน แบ่งกลุ่มให้กลิ่นเป็นความเหม็นและความหอม มีสองแนวหลักให้สูดดม

ความสุขจากกลิ่นอาจตั้งใจซื้อหรือแสวงหาคงตามสะดวกด้วยใจชอบ

และมีบ้างที่ไม่ได้เจตนาสูดดมกับกลิ่นความบังเอิญจากลมเพลมพัด โชคชะตาอาจนำพามากลิ่นมาให้ได้รับรู้

มันอาจเป็นกลิ่นหอมความประทับใจที่ลอยฟุ้งมากับรักแรกพบกับใครสักคน

หรืออาจเป็นกลิ่นความรักจริงที่ขมลงคอของคนรัก ที่อยู่เคียงข้างมานานปี

จนถึงตอนนี้ก็ยังนั่งอยู่ข้างๆ

หวังว่ากลิ่นดีๆ จะมีมา ท่ามกลาง “กลิ่นการเปลี่ยนแปลง” ในวันที่บ้านเกิดเมืองนอนจะ “หยิบยื่นโอกาสดีๆ ให้คนดีๆ” ไม่ท้อใจไปเสียก่อนบนเส้นทางอันสุจริต ล้างกลิ่นสาบให้พี่น้องร่วมประเทศ ได้เป็นที่ประจักษ์ ให้อบอวลอยู่ด้วย “กลิ่นหอมแห่งความนิยมชมชอบ” / เทคนิค : F.4 1/80s ISO400 / สถานที่ : ย่านปากคลองตลาด กรุงเทพฯ

พลังอำนาจของกลิ่นหอมโน้มน้าวใจให้รู้สึกดีได้ในวันแย่ๆ โทนกลิ่นดีๆ ปรับเปลี่ยนอารมณ์ร้ายให้ผ่อนคลายลงได้อย่างน่าพิศวง

บางทีสิ่งนี้อาจเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในวันที่จิตใจไม่แข็งแรงพอ เพียงกลิ่นหอมจางบางๆ จากดอกไม้ริมทางก็เพียงพอต่อใจ “กลิ่นมิตรภาพของดอกไม้ไม่เคยปฏิเสธใครสักคน กับผู้ที่ยังเบิกบานใจอยู่เสมอกับกลิ่นอายของธรรมชาติ”

กลิ่นอายความเชื่อความศรัทธา รับรู้ได้จากกลิ่นของธูปเทียน และกำยาน ที่ยังคงลอยคว้าง คลุ้งอยู่กับความสงบในบรรยากาศของศาสนสถาน อันเป็นที่พึ่งทางใจมากยุคสมัยของใครหลายคน ที่จะยังจุดกลิ่นแห่งการบูชานี้สืบต่อไปให้หอมฟุ้งอยู่ด้วยความดีงามตามธรรมเนียม กลิ่นที่จะยังปรุงแต่งจิตใจให้ระงับออกเสียจากกลิ่นเน่าเหม็นจากอารมณ์อันฟุ้งซ่าน กลิ่นหอมดีๆ เมื่อมีมากพอ ความเหม็นอยู่ก็จางลงไร้กลิ่นแรง และอาจจางคลายหายไปในท้ายที่สุด

มากกว่าการสูดดมความหอมและความเหม็นผ่านรูจมูก วิถีการดิ้นรนของชีวิตยังคงมี “กลิ่นอายของความอัตคัด” สภาพแวดล้อมที่อยู่ที่กินของใครหลายคน ยังคงทนอยู่กับกลิ่นของมลพิษทางอากาศ ที่มักจะก่อเรื่องก่อราวกับระบบทางเดินหายใจจนใครบางคนถึงกับป่วยไข้ และพลัดพรากจากไปก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย กับภัยเงียบทางลมหายใจกับกลิ่นอายของความตาย และยังมีอีกกลิ่นหนึ่ง กลิ่นที่ผู้คนทั้งโลกต้องมีมันไว้ เมื่อยังมีลมหายใจเข้าออก

กลิ่นเงินมันหอมด้วยมีอำนาจ เป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาและหักหาญได้อยู่ในตัว เพราะราคาที่มันมี ส่วนหนึ่งของผู้คนเป็นอันมาก ยังห่างไกลกับความเข้มข้นของกลิ่นเงิน แม้จะยังมีเงินอยู่บ้างแต่กลิ่นของมันก็เบาบาง จนไม่อาจต้านทานกลิ่นสาบชีวิตของตัวเองได้ แม้จะบ่มเพาะความซื่อสัตย์สุจริตมาดีแล้ว ก็ดูจะไม่ทันเท่าคนฉลาดที่โกงเป็น ในยุคที่คนซื่อถูกเทียบความหมายเท่าคนเซ่อ

หวังว่ากลิ่นดีๆ จะมีมา ท่ามกลาง “กลิ่นการเปลี่ยนแปลง” ในวันที่บ้านเกิดเมืองนอนจะ “หยิบยื่นโอกาสดีๆ ให้คนดีๆ” ไม่ท้อใจไปเสียก่อนบนเส้นทางอันสุจริต ล้างกลิ่นสาบให้พี่น้องร่วมประเทศ ได้เป็นที่ประจักษ์ ให้อบอวลอยู่ด้วย “กลิ่นหอมแห่งความนิยมชมชอบ” สุดท้ายนี้เริ่มเหม็นแล้วกับกลิ่นสาบของตัวเอง คงต้องขอตัวลาไปก่อน

ขอบคุณมากมายครับ •

 

เอกภาพ | พิชัย แก้ววิชิต