ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 กันยายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | เรื่องสั้น |
เผยแพร่ |
เราจะหย่ากันเพราะแค่ฉันไม่ล้างจานเนี่ยนะ | ทองกวาว
ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด
“คู่สมรสที่ต่างฝ่ายต่างทำงาน มีแนวโน้มจะหย่าร่างกันจากปัญหาเรื่องงานบ้าน”
บทความชื่อยาวข้างต้นสร้างแรงบันดาลใจให้ฉัน หลังแต่งงานได้ครึ่งปี ฉันจึงสร้างเพจสาธารณะในเฟซบุ๊กชื่อ “งานบ้านของฉัน งานบ้านของเธอ”
คอมมิวนิตีเล็กๆ ที่ฉันปั้นขึ้นมากลายเป็นพื้นที่สำหรับปรับทุกข์และแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับเรื่องการบ้านการเรือนของเหล่าพ่อบ้านแม่บ้าน เมื่อมองจากสายตาคนนอก ลูกเพจ “งานบ้านของฉัน งานบ้านของเธอ” ต้องมีนิสัยรักความสะอาดและเจ้าระเบียบแน่แท้ ใครเล่าจะรู้ บางคนเกลียดการทำงานบ้านเข้าไส้แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะปัจจัยทางการเงิน และที่น่าปวดใจไม่แพ้กันคือ ต่อให้มีกำลังทรัพย์เหลือเฟือ ผู้หญิงอีกหลายคนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ปัดภาระงานบ้านพ้นตัว เหตุผลเพียงเพื่อสนองค่านิยมของเหล่าแม่ๆ ยายๆ ประจำครอบครัว
ฟึ่ด ควันธูปที่ลอยเข้าจมูกจนต้องพ่นลมหายใจออกแรงๆ ดึงให้สมาธิของฉันหลุดออกจากโลกเสมือนในหน้าจอสมาร์ตโฟน เมื่อรู้สึกตัวอยู่กับโลกจริง ฉันจึงหยุดไล่อ่านโพสต์ของเหล่าลูกเพจแล้วเอื้อมมือไปปักธูปทั้งสามดอกลงกระถางทรายตรงหน้าพร้อมก้มกราบองค์พระพุทธรูป
“อ้าว ทำไมมาทำบุญวันนี้ล่ะพี่ พรุ่งนี้วันมาฆะนะ” เสียงเพื่อนบ้านเจ้าของสายตาวาววับที่มักจะส่องประกายมาหาฉันดังขึ้น แปลกแต่จริง ฉันไม่เคยพูดคุยกับเจ้าหล่อนแม้สักครั้ง ทว่า อากัปกิริยาของเจ้าตัวสื่อสารกับฉันอย่างชัดเจนเสมอ
“พรุ่งนี้คนเยอะ แค่วันนี้พี่ก็ยุ่งจะตาย ทำบุญทั้งทีต้องทำให้ดี จะชุ่ยๆ ไม่ได้” แม่สามีตอบเสียงดังฟังชัด
“ใช่พี่ ฉันเลยพาแม่มาวันนี้เหมือนกัน ว่าแต่ไม่ให้สะใภ้ช่วยล่ะ นี่ฉันก็ให้พี่สะใภ้เตรียมของนะ สองคนนั้นเค้า Work From Home เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ถึงจะทำงานแต่ก็สบายจะตาย”
“เหอะ!” น้องสามีของฉันถอนหายใจแรงพร้อมตวัดหางตามาหา สายตาและน้ำเสียงนั้นได้ใจความดีแท้
“โอ๊ย เค้าก็ทำแหละ แต่ก็อย่างงั้นน่ะ เราต้องคอยบอกอยู่ดีว่าควรเตรียมอะไรบ้าง นี่เดี๋ยวกลับไปพี่จะเข้าครัวอีกนะ น้องพลอยเค้าอยากกินปลากะพงทอดน้ำปลา พี่ชายเค้าก็ชอบ คนอื่นทำได้ไม่เหมือนพี่ทำหรอก”
ฉันคว้าปิ่นโตและตะกร้าหวายสานจากมือสามีแล้วผละออกมา ไม่รู้ว่าเพราะหน้าองค์พระเต็มไปด้วยควันธูปหรือไร แต่เมื่อพ้นมาแล้วฉันเพิ่งหายใจหายคอได้เต็มปอดและได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเบาๆ ไล่หลัง เมื่อหันไปมองพบว่าเป็น…พี่จิ๊บ พี่สะใภ้ของเจ้าหล่อนเพื่อนบ้านนั่นเอง พี่จิ๊บหันไปบอกให้พี่ต่อผู้เป็นสามีไปสมทบกับแม่ของเขา
“ออกมาน่ะดีแล้ว ไปจัดของกัน” พี่จิ๊บจูงมือฉันไปยังโต๊ะไม้มะขามตัวใหญ่ซึ่งทางวัดวางภาชนะต่างๆ ไว้ให้ญาติโยมหยิบใช้จัดสำรับถวายพระ
พิธีถวายสังฆทานเสร็จสิ้น สองครอบครัวก้มกราบพระสงฆ์พร้อมกัน ฉันและพี่จิ๊บนำภาชนะกรวดน้ำไปรินทิ้งลงโคนต้นโพธิ์ใหญ่หน้าศาลาทำบุญ
“ต่อไปคงไม่ได้มาวัดนี้แล้วล่ะ” พี่จิ๊บพูด สีหน้าผ่อนคลายสบายใจ ทีแรกฉันเดาว่าเป็นสีหน้าของคนอิ่มบุญ แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย
“พี่จะหย่านะ” พี่จิ๊บหันมามองหน้าฉัน
“หะ! อะไรยังไงพี่” ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากเจ้าตัว
“อืม หย่า”
“ทำไมอะพี่ แล้วลูกล่ะ”
“เอาไปฝากไว้ที่บ้านพ่อแม่พี่แล้ว ยังไงก็ต้องอยู่กับพี่”
“พี่…มีอะไรอยากเล่าให้ฉันฟังไหม”
“มันนอกใจพี่!” เสียงของพี่จิ๊บหนักแน่นคล้ายว่าเธอกำลังสลักข้อเท็จจริงนั้นลงไปในใจของตน
“…ฉัน…ไม่รู้จะพูดอะไรเลย แต่พี่คงตัดสินใจมาดีแล้วใช่ไหม” ฉันเดาว่าพี่จิ๊บได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ พวกเราไม่ใช่เมียขี้หึง ใช่ว่าเพราะใจดีกว่าเมียบ้านอื่น แต่การใช้ชีวิตคู่ของเราเหนื่อยเกินกว่าจะมาคอยไล่ตามจับผิดสามี หากต้องทำเช่นนั้นในชีวิตคงไม่เหลือเวลาไปทำอย่างอื่น
“พี่คิดมาเกือบเดือน คิดดีแล้ว”
“แล้วพี่ต่อจะยอมเหรอ” ฉันอดใจอยากรู้ไม่ได้ ทั้งสองครองรักกันมายาวนานจนลูกเข้าวัยประถม
“ไม่รู้สิ พี่จะพูดกับเขาวันนี้ แต่ยังไงก็ต้องยอม ถ้าไม่ยอมพี่จะฟ้องชู้อีเมียน้อย แล้วก็ฟ้องหย่า”
“มันยากไหมพี่”
ฉันรู้สึกแสบและชื้นที่ปลายจมูก น้ำตารื้นขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะรู้สึกเสียใจแทนสองคนนั้น แต่ฉันพอจะเข้าใจความรู้สึกบางอย่างของผู้หญิงด้วยกัน
“ยากตอนที่ต้องยอมรับว่าผัวนอกใจ แต่มันง่ายขึ้นพอคิดได้ว่าพี่ไม่อยากให้ลูกสาวอยู่ในครอบครัวแบบนี้”
เมื่อกลับมาถึงบ้านในช่วงบ่าย ฉันรีบอาบน้ำ แต่งหน้า สวมชุดกระโปรงสีแดงไวน์และเกล้ามวยผมต่ำตามคลิปสอนทำผมเพื่อนเจ้าสาวในยูทูบ เสร็จสรรพจึงปลุกสามีที่กำลังงีบหลับให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ต้องรีบด้วยเหรอ เพื่อนเธอก็มีกันตั้งหลายคน” พีบ่นกระปอดกระแปด
“นี่บ่ายสองแล้วนะ จริงๆ เธอก็รู้ว่าฉันรับปากเพื่อนว่าจะไปช่วยงานตั้งแต่เช้า ที่ต้องเลื่อนเป็นช่วงบ่ายเพราะแม่จะไปทำบุญวันนี้”
“เออๆ ฉันอาบไม่นานหรอกน่า”
ฉันออกมานั่งเล่นบนม้านั่งไม้ที่ได้รับเป็นของขวัญแต่งงานจากรุ่นพี่คนหนึ่ง ใต้ต้นมิกกี้เม้าส์กลางสวนหย่อมเล็กๆ อันเป็นมุมโปรด ส่วนพื้นที่ว่างกลางแจ้งอีกฝั่งของบ้านเต็มไปด้วยไม้ดัดของแม่สามีซึ่งนำติดตัวมาด้วยตั้งแต่วันที่ย้ายเข้ามาร่วมชายคาเดียวกัน หลังจากพ่อของฉันเสียชีวิต บ้านหลังนี้เปลี่ยนไปมาก
นั่งหย่อนใจได้เพียงครู่ เสียงของแม่สามีดังขึ้นสั่งให้ไปช่วยพีแต่งตัว
“ค่ะ” ฉันตอบรับแล้วเดินกลับไปยังห้องนอน พีกำลังคว้าเสื้อเชิ้ตโทนสีเดียวกันกับชุดกระโปรงของฉันออกมาจากตู้
“อ้าว…ไม่ได้รีด” สามีหันมามองหน้า ทุกครั้งที่ต้องไปร่วมงานสำคัญฉันจะเตรียมเสื้อผ้าให้เขาอย่างดี แต่คราวนี้ฉันเห็นว่าไม่จำเป็น
“สวมสูททับไว้ก็ไม่มีใครสังเกตหรอกว่ายับ ไปได้หรือยัง” ฉันออกเดินนำโดยไม่รอคำตอบ
พิธีการต่างๆ ผ่านพ้นไปจนถึงเวลาเลี้ยงอาหารมื้อค่ำ เพื่อนเจ้าสาวจึงได้พัก พีเดินตรงมาพร้อมกับเครื่องดื่มอีกสามแก้วและแจกจ่ายแก่บรรดาเพื่อนเจ้าสาว
“อ้าว…ไม่พอแฮะ”
“ไม่เป็นไรเธอ เดี๋ยวฉันค่อยไปหยิบเอง” ฉันตอบพีไปเช่นนั้น
“ผัวแกดีไม่เปลี่ยนเลย แกโชคดีอะ” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันยิ้มรับยังไม่ทันสุดมุมปาก บทสนทนาวกกลับไปหาสามีของฉันอย่างรวดเร็ว
“ได้ข่าวว่าปีนี้เพจได้รางวัลเหรอคะ ดีจังเลยค่ะ”
“ครับ ถ้าใครอยากทำคอนเทนต์ออนไลน์หรือหา KOL มาช่วยทำการตลาด ปรึกษาได้นะ ผมรู้จักอินฟลูฯ หลายคนอยู่ครับ” พีพูดคุยต่อเนื่องและออกรสออกชาติเกี่ยวกับรางวัลที่เพจ “งานบ้านของฉัน งานบ้านของเธอ” เพิ่งได้รับจากเวทีประกวดสื่อโซเชียล
เมื่อชื่นฉ่ำกับคำเยินยอแล้วพีจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ ส่วนฉันปลีกตัวไปหยิบเครื่องดื่มจากบาร์น้ำแล้วออกไปยืนรับอากาศบริสุทธิ์ตรงระเบียงด้านนอก ไม่นานนัก จิน เพื่อนสนิทของฉันก็ตามมาพร้อมแก้วน้ำเมาสองใบ
“อ้าว นึกว่ายังไม่ได้เอามา” จินยืนพิงหลังกับระเบียงปูนมองกลับเข้าไปในงาน
“แก้วที่เกินมาถ้าแกไม่ดื่มก็วางไว้นี่แหละ เดี๋ยวคงมีคนมาเก็บ” ฉันบอกเพื่อน นับตั้งแต่คบหากับพี ฉันมีกฎในการเป็นแขกรับเชิญงานแต่งงาน คือฉันจะดื่มแอลกอฮอล์เพียงแก้วเดียวเท่านั้น แม้พีจะเป็นคนขับรถ แต่ฉันต้องเตรียมพร้อมไว้เสมอ เพราะเขาอาจเพลิดเพลินกับการสังสรรค์จนลืมว่ามีคนมาด้วย หรือไม่ก็เมาทิ้งร่างและขับรถไม่ไหว ฉันเคยชอบที่เราสองแตกต่างกัน เพราะคิดว่ามันน่าจะเติมสิ่งที่ฉันขาดให้เต็มได้ ฉันไม่ชอบเข้าสังคมเอาเสียเลย จนยัยจินมักจะแซวว่าฉันเป็น “วาฬ 52 เฮิร์ตซ์”
“ตกลงว่าพีเขาช่วยแกทำงานบ้านด้วยเหรอ” จินชวนคุยต่อ
“เปล่า แต่ก็เล่าให้เขาฟังตลอด เผื่อได้มุมมองผู้ชายไปใช้ทำคอนเทนต์”
“อืม ฉันเข้าไปดูตลอดนะเว้ย งานจ้างรีวิวสินค้าก็มีเรื่อยๆ นี่ มั่นๆ แล้วออกจากงานประจำได้แล้ว”
“ยังก่อน ขอดูให้อะไรๆ นิ่งกว่านี้ แล้วค่อยว่ากัน”
“ไอ้อะไรๆ ที่ว่า หมายถึง…”
ยังไม่ทันจะได้ตอบคำถาม โชติ รุ่นพี่ของพวกเราและพ่อม่ายป้ายแดงแวะมากล่าวทักทาย สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ฉัน พี่โชติ และจินสนิทสนมกันดี เมื่อถึงวันอาทิตย์พวกเราไปโบสถ์เดียวกัน หนำซ้ำฉันและจินยังเคยทำงานพิเศษในร้านแฟรนไชส์ไก่ทอดที่ญาติของพี่โชติเป็นเจ้าของ ฉันยังจำได้ดี พี่โชติทำหน้าที่ทอดไก่ ส่วนฉันและจินเสิร์ฟ ทำความสะอาดร้าน และช่วยกันเรียงถ้วยชามเข้าเครื่องล้างจาน พี่โชติทำงานพิเศษเพื่อฆ่าเวลาว่าง แต่สำหรับฉันและจิน เงินทุกบาททุกสตางค์สำคัญมาก มันเปลี่ยนเป็นหนังสือและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการเรียนที่เกินกำลังของพ่อแม่ เส้นทางของคนจนที่โชคดีสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลชั้นนำได้มันช่างขรุขระเหลือทน บ่อยครั้งที่ฉันและจินต้องแบ่งมาม่าบิ๊กแพ็กกันกินคนละครึ่งซอง แต่เพราะฉันมีจินและจินมีฉัน เราจึงผ่านทุกอย่างและเติบโตมาได้เป็นอย่างดี
เมื่อเหล้าเข้าปาก พี่โชติเริ่มระบายถึงกระบวนการจบชีวิตคู่อันยาวนานของเขา ที่ว่ายาวนานนั้นไม่ได้หมายถึงอายุของชีวิตคู่ แต่หมายถึงการต่อสู้กันด้วยกฎหมายจนแทบจะเป็นมหากาพย์ พอหมดรักต่อกันแล้ว ถ้วยชามเพียงชิ้นเดียวยังแทบจะต้องแบ่งครึ่ง ไม่มีใครยอมอ่อนให้ใคร และที่ยื้อยุดกันแบบนั้นไม่ใช่เรื่องเงินทองทรัพย์สินเสียทีเดียว แต่มันคือการต่อสู้เพื่อนำชัยชนะมากลบเกลื่อนความรู้สึกว่าตนล้มเหลวมากแค่ไหนที่นำพาชีวิตคู่มาสิ้นสุดหน้าบัลลังก์ศาล
พี่โชติเดินจากไปพร้อมทิ้งเบอร์โทรศัพท์และช่องทางการติดต่อทางโซเชียลมีเดียที่เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดไว้ มันทำให้ฉันคิดได้ว่า หากเลือกจะจบชีวิตคู่ เราต้องแชร์ทุกอย่างที่ทำมาด้วยกันให้ลงตัวที่สุด และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจึงค่อยลบทุกร่องรอยเท่าที่นึกออกทิ้งไป เผื่อว่าเส้นขีดความทุกข์ที่ล้อมกรอบหัวใจเราไว้จะจางลง
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันรู้สึกตื่นตัวอย่างบอกไม่ถูกจึงออกไปวิ่งเรียกเหงื่อ ทั้งที่ปกติฉันจะไม่จ๊อกกิ้งในเช้าวันอาทิตย์เพื่อหลีกเลี่ยงความพลุกพล่านของตลาดนัดสุดสัปดาห์ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ฉันเข้าไปในครัว รินน้ำดื่มดับกระหายแล้วล้างแก้วจึงพบว่าในอ่างล้างจานมีถ้วยกาแฟร้อนของพีวางทิ้งไว้ ฉันคว่ำแก้วน้ำดื่มที่ล้างสะอาดแล้ว พอดีกันกับที่แม่สามีเดินเข้ามายื่นถุงราดหน้าเส้นกรอบให้ แม่มักจะซื้อของโปรดไว้ให้ลูกชายเสมอ
“พีตื่นแล้ว เอาไปจัดการให้เขาด้วย ส่วนเธอ เห็นออกไปวิ่งตั้งแต่เช้า คงจะจัดการตัวเองแล้วเนอะ”
“ค่ะ” ฉันรับถุงราดหน้าแล้ววางไว้ในครัว จากนั้นเดินกลับไปยังห้องนอน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้รู้สึกสบายตัว พีถือซองกระดาษมายื่นให้ฉันขณะหวีผมอยู่หน้ากระจก
“หนังสือสัญญาหย่านี่คืออะไรอะ”
“อ่านหรือยัง”
“อ่านแล้ว ไม่เข้าใจ”
“ฉันจะหย่ากับเธอ มีรายละเอียดเรื่องทรัพย์สินต่อท้ายนิดหน่อย เธอเอารถกับเงินที่เราฝากไว้ในบัญชีชื่อคู่ไปได้ทั้งหมด เงินในบัญชีส่วนตัวของเธอฉันจะไม่ยุ่ง เงินส่วนตัวของฉันและบ้านหลังนี้ที่เป็นของฉันมาตั้งแต่ก่อนเราแต่งงาน ฉันไม่แบ่งให้นะ”
“อะไร! ฉันออกเงินช่วยเธอปรับปรุงบ้านเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นพ่อเธอก็ยังไม่เสีย จำได้ไหม” น่าขำ คำถามแรกที่ออกมาจากปากสามีคือเรื่องเงิน ไม่ใช่สาเหตุการหย่าร้าง
“ก็ใช่ไง เงินในบัญชีชื่อคู่เรามันมากกว่าเงินที่เธอให้ฉันมาปรับปรุงบ้านพอสมควรเลยนะ แล้วรถอีกล่ะ เราช่วยกันส่งจนหมดหนี้แล้ว ราคาก็ยังดีอยู่”
“อยู่ๆ เป็นอะไรขึ้นมา เธอจะหย่าทำไม”
“ฉันเหนื่อยหน่ายกับการใช้ชีวิตกับเธอ เบื่อที่ต้องล้างจานให้เธอทุกวัน” ฉันตอบอย่างซื่อตรง ทุกคำคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตคู่ของเราและติดค้างอยู่ในหัวจิตหัวใจของฉัน
“เราจะหย่ากันเพราะแค่ฉันไม่ล้างจานเนี่ยนะ”
“เออ”
“ประสาท”
“เธอก็รู้ว่ามันมีอะไรมากกว่าแค่เรื่องล้างจาน ยอมรับเถอะ เราใช้ชีวิตด้วยกันได้โคตรห่วยเลย”
ห้าโมงเย็นของวันมาฆบูชา ฉันเอนหลังบนม้านั่งไม้ตัวยาว ตามองตรงไปยังสัญลักษณ์กางเขนที่แขวนอยู่เหนือเวทีว่างเปล่า แสงยามเย็นส่องผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามาในอาคารดูนุ่มนวลดีแท้
“วันมาฆบูชา แต่สะใภ้บ้านพุทธมานั่งอยู่ในโบสถ์ได้เหรอ”
“ไม่มีสะใภ้บ้านพุทธแล้ว” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ในใจรู้สึกเบาแปลกๆ
“โอเคมั้ยเรา”
“โหวงๆ แต่เดี๋ยวคงดีขึ้น”
“ตกลงว่าหย่าเพราะอะไร”
“ก็…มันไม่ได้มีแค่เหตุผลเดียว แต่พอรวมๆ กันไอ้เหตุผลพวกนั้นมันทำให้ยิ่งแต่งงานไปนานๆ ยิ่งรู้สึกชอบตัวเองน้อยลง”
ฉันยกตัวขึ้น เอื้อมมือไปประสานวางบนพนักม้านั่งแถวหน้า มือของใครบางคนยื่นมาจับมือทั้งสองของฉันไว้ให้ความรู้สึกอบอุ่นคุ้นเคยดีเหลือเกิน
นับตั้งแต่ห้าปีก่อน หลังจากบอกจินว่าจะแต่งงาน เพื่อนไม่เคยจับมือฉันอีกเลย ฉันรู้อยู่แก่ใจเสมอว่าจินรู้สึกนึกคิดอะไร ฉันเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ดวงตาสองคู่ประสานกัน จินไม่เคยเปลี่ยน ส่วนฉัน คนที่เพิ่งใช้ชีวิตคู่จนล้มเหลวกลับมองความรักเปลี่ยนไป…เรื่องง่ายๆ กลายร่างเป็นกฎอันเข้มงวด ขณะที่กรอบเกณฑ์บางอย่างพังทลาย
ฉันคลายมือข้างหนึ่งออกจากมือประสาน และวางลงเบาๆ บนมือของจิน •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022