ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 กันยายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง |
เผยแพร่ |
ข่าวคลัสเตอร์ “ยาดองเถื่อน” เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ไม่ใช่เกิดครั้งแรก
ย้อนไปสัก 5 ปีก่อนเกิดคลัสเตอร์ ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี เป็นยาดองเหล้าเถื่อนเช่นกัน ทั้งเหตุการณ์ที่กรุงเทพฯ และชลบุรีทำให้มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตหลายรายโดยไม่จำเป็น ที่น่าตกใจทั่วประเทศไทยมีซุ้มยาดองตั้งขายกันเกลื่อน ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องผิดกฎหมายและอันตรายต่อผู้บริโภค หน่วยงานรัฐจะรอให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่อีกเช่นนั้นหรือ? เราน่าจะช่วยกันแก้ไขและสร้างความเข้าใจอันตรายหรือพิษจากเมทานอลให้กว้างขวาง
ในมุมภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ สุรายาดองเป็นความรู้โบราณที่สืบต่อกันมา ที่จริงไม่ใช่เฉพาะในไทยเท่านั้น เพื่อนบ้านในเอเชีย ลาว เขมร เวียดนามและจีน ก็มีสูตรยาดองเหล้ามากมายตามวัฒนธรรมท้องถิ่นและสมุนไพรพื้นบ้านของตนเอง และในวิถีพื้นบ้านจะมีกฎ กรอบ แนวปฏิบัติที่คนในชุมชนสร้างไว้ให้ลดความเสี่ยงหรือป้องกันอันตราย
ยาสมุนไพรที่นำมาดองด้วยสุรานั้นมักจะเป็นความรู้ที่หมอพื้นบ้านหรือผู้มีประสบการณ์ปรุงให้ใช้ หรือทำกินเองในครัวเรือนก็จะมีผู้รู้สืบทอดทำให้กินอย่างถูกวิธี ปกติจะใช้เหล้าขาว 28 หรือ 40 ดีกรีดองยา กินแค่ครั้งละ1 ถ้วยเล็ก (ไม่เกิน 30 ซีซี) วันละ 1-2 ครั้ง เช้าและเย็นหรือก่อนนอน กินเท่าที่จำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพ ไม่ได้ซื้อหาง่ายๆ ตามซุ้มเช่นวันนี้
กล่าวทางวิชาการ การดองยาเป็นวิธีหนึ่งในการปรุงยาตามความรู้ภูมิปัญญามาแต่ดั้งเดิม เครื่องดองยาไม่ได้มีเพียงสุราหรือเหล้าที่เราคุ้นเคย ตำรับยาจำนวนไม่น้อยมีวิธีการดองยาที่ต่างออกไป เช่น ใช้เกลือหรือน้ำเกลือดองยา ใช้น้ำผึ้งดองยา ใช้สมุนไพรรสเปรี้ยวดองยา เช่น น้ำมะนาว น้ำมะกรูด ยาดองน้ำมูตรหรือใช้น้ำปัสสาวะดองยา ซึ่งปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกกล่าวว่า “ให้พระภิกษุฉันยาดองน้ำมูตร เพื่อรักษาอาการอาพาธ”
ตัวอย่างยาดองที่พระภิกษุใช้มาแต่อดีต เช่น สมอดองน้ำมูตร เป็นต้น และยังมีการดองยากับแป้งข้าวหมาก โดยการนำสมุนไพรหมักทิ้งไว้ในแป้งข้าวหมาก จะได้ทั้งตัวยาสมุนไพรและในข้าวหมากจะมีโพรไบโอติกส์ ที่ดีต่อระบบการย่อยอาหารด้วย
ในจำนวนวิธีดองยาต่างๆ นั้น ดูเหมือนการดองด้วยน้ำผึ้งและดองด้วยสุราจะเป็นที่นิยมมากกว่าใคร โดยเฉพาะความนิยมในสรรพคุณยาดองเหล้าช่วยบำรุงร่างกาย คลายอาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ช่วยบำรุงโลหิต ช่วยให้กระชุ่มกระชวย รวมถึงการบำรุงเรื่องเพศหรือบำรุงกำหนัดด้วย และเมื่อผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่กินเข้าไปแล้วจะทำให้รู้สึกมีความสุขชั่วขณะ เคลิ้มๆ เพลินๆ ก็จะเป็นข้ออ้างได้ง่ายว่า ยาดองสมุนไพรนี้ฤทธิ์ดีกว่าตำรับอื่นๆ
แต่เมื่อกินยาดองเหล้าผิดวิธี กินจำนวนมากและต่อเนื่องนานๆ ก็มีโอกาสติดสุราเป็นผลเสียแทนที่จะได้สรรพคุณจากสมุนไพร
ภูมิปัญญาท้องถิ่นจึงมีความรู้อีกมากมายที่เป็นตำรับยาสมุนไพร และเป็นคำตอบในการช่วยบำรุงสุขภาพ แก้ปวดเมื่อยตัว เป็นทางเลือกที่ไม่ต้องใช้สุรามาดองยา เช่น ตำรับดองน้ำผึ้งสุดคลาสสิค 2 ตำรับ คือ กล้วยน้ำว้าสุกดองน้ำผึ้ง ซึ่งคำโบราณท่านกล่าวให้ใช้กล้วยน้ำว้าจำนวนเท่ากับอายุผู้กิน ใช้น้ำผึ้งแท้จากป่าธรรมชาติยิ่งดี
นำกล้วยน้ำว้าไม่สุกไม่ดิบ ปอกเปลือกออก แช่น้ำผึ้งในขวดโหลนานสัก 2 สัปดาห์ เคล็ดลับ อย่าปิดฝาโหล ให้ใช้ผ้าขาวบางปิดเพื่อกันฝุ่นและแมลงลงไปก็พอ เพราะถ้าปิดฝาสนิททำให้เกิดการหมัก คล้ายการหมักไวน์ผลไม้น้ำผึ้งหรือตัวยาจะมีรสเปรี้ยว และอีก 1 ตำรับ คือ บอระเพ็ดดองน้ำผึ้ง ให้นำเถาบอระเพ็ดมาล้างน้ำ ผึ่งให้แห้ง นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่น้ำผึ้งดองในขวดโหล การดองน้ำผึ้งอย่างน้อย 1 เดือน แต่ก็มีบางท่านต้องการกินเร่งด่วนก็ดองไว้สัก 1 สัปดาห์
สำหรับสูตรยาบำรุงร่างกายที่มีสรรพคุณเด่นไม่แพ้การดองสุรา ซึ่งมีการกล่าวไว้ในตำรายาและประสบการณ์ของหมอพื้นบ้านในอดีตนั้นมีสูตรยามากมาย จะขอนำเสนอเพียง 2 ตำรับ คือตำรับที่ 1 ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ให้นำตัวยาทั้งสอง ตากแดดให้แห้ง นำมาบดเป็นผง และละลายกินกับน้ำหรือละลายผสมกับน้ำผึ้ง กินครั้งละ 1 ช้อนชา เช้า -เย็น กินทุกวัน ต่อเนื่องสัก 1-2 เดือน แล้วให้หยุดยา
ตำรับนี้ให้คนวัยเกิน 40 ปีกิน เพราะเป็นยาร้อน วัยหนุ่มสาวกินจะเผาผลาญทำให้แก่ก่อนวัยได้
ตํารับที่ 2 ยาอายุวัฒนะของแท้ดั้งเดิม เขียนเป็นปริศนาให้ถอดรหัสว่า “ผึ้งอากาศ พาดยอดไม้ หงายธรณี ลูกทาส ลูกไทย พญาช้างดำ พระยาช้างเผือก บวชหนีสงสาร ไปนิพพานไม่กลับ”
ถอดรหัสได้ว่า ผึ้งอากาศคือน้ำผึ้ง พาดยอดไม้คือเถาบอระเพ็ด หงายธรณีคือหญ้าแห้วหมู ลูกทาสคือเม็ดข่อย ลูกไทยคือพริกไทย พญาช้างดำคือเปลือกตะโกนา พระยาช้างเผือกคือเปลือกถ่อน (ต้นทิ้งถ่อน) บวชหนีสงสารคือขมิ้นหัวขึ้น (ขมิ้นอ้อย) ไปนิพพานไม่กลับคือผักเสี้ยนผี สรุปความนำสมุนไพรทั้งหมด อย่างละเท่าๆ กัน ตากแห้งแล้วบดเป็นผง ปั้นผสมน้ำผึ้งเป็นเม็ดลูกกลอน ขนาดเท่าเม็ดพุทรา แล้วตากให้แห้งจึงเก็บได้นาน กินครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 1-2 ครั้ง เช้าและเย็นหรือก่อนนอน กินสัก 1-2 เดือน แล้วหยุดยาบ้าง
แม้ว่าภูมิปัญญาจะมียาดองม้ากระทืบโรง กำลังวัวเถลิง โด่ไม่รู้ล้ม หรือยาสมุนไพรดีแค่ไหน ก็น่าจะสู้ยาอายุวัฒนะตามคำโบราณกล่าวไว้ว่า รู้จักกิน รู้จักนอน (แต่หัวค่ำ) ขับถ่ายทุกวัน เรียนรู้ฝึกใจให้สงบเย็น อยู่กับธรรมชาติ คบหากัลยาณมิตร และทำกิจช่วยเหลือคนอื่นเสมอๆ นี่คือยาอายุวัฒนะ เสริมสร้างกำลังกายใจสุขภาพดีแน่นอน •
สมุนไพรเพื่อสุขภาพ | โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง
มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaihof.org
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022