คอลัมน์ประจำ

สัญญาซูเปอร์สตาร์ปีสุดท้าย เรื่องกวนใจในถิ่นแอนฟิลด์

ที่มามติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 กันยายน 2567
คอลัมน์Technical Time-Out
เผยแพร่

ลิเวอร์พูลออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ ชล็อต กุนซือชาวดัตช์ได้อย่างยอดเยี่ยม ผลงานในสนามดีมากเหมือนไร้รอยต่อจากยุคที่เยอร์เก้น คล็อปป์ คุมทีม ชนะรวด 3 นัดในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะผลงานบุกถล่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 ถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ช่วงเวลาฮันนีมูนแบบนี้ ก็เริ่มมีเรื่องให้แฟนบอลเป็นห่วงกันบ้าง

เมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าตัวเก่งออกมาบอกว่าตัวเขาเองจะลาถิ่นแอนฟิลด์หลังจบฤดูกาลนี้ เพราะสัญญาจะหมดลง และไม่มีใครที่สโมสรมาคุยเรื่องสัญญาใหม่เลย

ไม่ใช่แค่ซาลาห์เท่านั้นที่กำลังจะหมดสัญญา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ เวอร์จิล ฟาน ไดก์ ก็ไม่ต่างกัน

หมายถึงว่าอีก 4 เดือนข้างหน้า แกนหลักทั้ง 3 คนของทีม จะสามารถเจรจาย้ายทีมล่วงหน้าได้แบบไม่มีค่าตัว

นอกจากทั้งสามคนนี้แล้ว ยังมีบางคนที่สัญญาเหลือไม่เยอะ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, อิบราฮิมา โคนาเต้ เหลือสัญญาคนละ 2 ปี ส่วน อลิสซอน เบ๊กเกอร์, หลุยส์ ดิอาซ, ดิโอโก้ โชต้า, เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ เหลือสัญญา 3 ปี

 

ย้อนกลับไปในกรณีของเทรนต์ เมื่อทีมอยู่ในสถานการณ์ปกติในยุคของกุนซือคนก่อนๆ เขาเซ็นสัญญาระยะยาวกับลิเวอร์พูล ในเดือนพฤศจิกายน 2016 และกรกฎาคม 2017 ต่อด้วยมกราคม 2019 และกรกฎาคม 2021 เพื่อปรับค่าเหนื่อยและเงื่อนไขต่างๆ ให้สูงขึ้นตามผลงานที่ทำได้ ซึ่งคำนวณตามวงรอบที่เคยเกิดขึ้น เทรนต์ต้องจัดการจรดปากกาในสัญญาใหม่ไปแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปีก่อน

อาจจะเป็นการมองกันได้ว่า อยากให้ชล็อตได้ทำความรู้จักทีมของเขามากขึ้นกว่านี้ ว่าใครควรจะอยู่หรือไปบ้าง ต้องเสริมตรงไหน และใครที่จะปล่อยออกเพื่อหาเงินเข้าคลังของทีมได้บ้าง

ยิ่งการเสริมแค่ เฟเดริโก้ เคียซ่า เข้ามาคนเดียวในซัมเมอร์นี้ ยิ่งตอกย้ำได้ว่า ฤดูกาลแรกชล็อตไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย เมื่อได้คำตอบต่างๆ ในใจ ก็ค่อยเดินหน้าปรับเปลี่ยน

คนที่ยังอยู่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้อยู่ไป ถ้าไม่ได้สร้างความประทับใจให้ชล็อตได้ แม้ว่าจะเป็นตำนานของสโมสรไปแล้วก็ตาม

 

มีความกังวลว่าอาจจะได้เห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับที่เหล่าเดอะค็อป เคยเสียใจกับการย้ายออกจากทีมไปแบบฟรีๆ ของ สตีฟ แม็กมานามาน ไปร่วมทีมรีล มาดริด ในยุค 90 เพราะเทรนต์ก็เป็นเป้าหมายที่ทีมราชันชุดขาวอยากได้มานานแล้ว ถ้ามีการเจรจากันในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ถึงเทรนต์จะรักลิเวอร์พูลขนาดไหน แต่เขาก็ประสบความสำเร็จได้มาทุกแชมป์กับทีมหงส์แดงแล้ว การไปอยู่กับรีล มาดริด ก็เป็นการสร้างชื่อให้กับตัวเองอีกขั้นหนึ่ง ที่นักเตะอังกฤษหลายคนทำกันมาแล้ว

ไมเคิล โอเว่น ที่กำลังยิงกระจายและได้บัลลงดอร์แล้ว ก็เลือกย้ายไปค้าแข้งในถิ่นซานเตียโก้ เบร์นาเบว ด้วยค่าตัวที่ไม่ได้สมกับฝีเท้าที่สร้างไว้ที่แอนฟิลด์เลย

ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ที่กลับมานั่งตำแหน่งซีอีโอของลิเวอร์พูลในรอบนี้ เคยทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสรมาก่อน ระหว่างปี 2016-2022 แต่ตอนนั้นเขายอมให้ เอ็มเร่ ชาน ย้ายไปยูเวนตุส และ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ไปปารีส แซงต์แชร์แมง แบบที่ไม่ได้ค่าตัวเลย เพราะทั้งคู่หมดสัญญา ถ้ามันจะเกิดขึ้นอีกในวันที่เขามีตำแหน่งที่ใหญ่กว่าเดิม ก็คงไม่มีอะไรน่าแปลกใจ

บรรดาเอเย่นต์มากฝีมือมักจะบอกว่า การเจรจาสัญญาใหม่นั้น ถ้าจะให้เป็นผลดีกับสโมสร ก็ควรจะต้องเจรจากันตั้งแต่ช่วงที่นักเตะยังเหลือสัญญา 2 ปี เพราะถ้าเข้าสู่ปีสุดท้ายเมื่อไร ความได้เปรียบจะอยู่ที่นักเตะทันที

ถ้าสัญญาใหม่ไม่น่าพอใจ พวกเขามีทางเลือกที่จะย้ายออกไปรับค่าเหนื่อยที่สูงขึ้น แถมมีโบนัสในการเซ็นสัญญากับทีมใหม่อีกด้วย

ยิ่งการต้องมาคุยกันในช่วงสัญญาเหลือไม่ถึง 12 เดือน ความตึงเครียดระหว่างนักเตะและสโมสรจะมีมากขึ้น ยิ่งข้อเสนอที่ยื่นมาต่ำกว่าที่คิดไว้ ความรู้สึกของนักเตะก็จะยิ่งแย่ และสูญเสียความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริหาร ก่อนจะแยกย้ายกันไปในที่สุด

ดังนั้น สิ่งเดียวที่จะทำให้นักเตะใกล้หมดสัญญา ตกลงต่อสัญญาออกไป คือข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธเท่านั้น

 

แต่นี่ไม่ใช่แนวทางที่เอ็ดเวิร์ดส์นิยมชมชอบ สิ่งที่ลิเวอร์พูลจะมอบให้นักเตะต้องเหมาะสม เข้าใจได้ ไม่บ้าคลั่งอย่างที่ทีมอื่นๆ ทำ หรือถ้าจะบอกว่าไม่ใช่แบบที่เชลซีทำก็ไม่ผิดนัก

ถ้ามองกันในระยะยาว การยื่นข้อเสนอที่ดีกับทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่อยากจะรักษานักเตะไว้ด้วยเงิน จะทำให้สโมสรไม่ต้องแบกภาระค่าเหนื่อยที่หนักเกินไป ใครที่ไม่มีความสุขก็ต้องปล่อยไป แล้วสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องว่า จะสามารถหาคนที่มาทดแทนได้ในระนาบเดียวกัน อายุน้อยกว่า ค่าใช้จ่ายน้อยลง และมีช่วงเวลาในการใช้งานได้นานกว่าคนที่จากไปแล้ว

คำพูดของซาลาห์ และสัญญาที่เหลือน้อยของเทรนต์, ฟาน ไดก์ อาจสร้างความไม่สบายใจให้กับแฟนบอล

อย่าลืมว่า ทุกคนมาแล้วก็ต้องไป

แต่ลิเวอร์พูลจะยังคงอยู่ และต้องอยู่แบบแข็งแกร่งได้ตลอดไป •

 

Technical Time-Out | จริงตนาการ

[email protected]