โผทหารแรก ยุค ‘นายกฯ อุ๊งอิ๊ง’ ดีล ‘บิ๊กปู’ นั่ง ผบ.ทบ.ยาว ‘บิ๊กต่อ’ สวมหัวใจสิงห์ จัดทัพหลวง-ทัพ 1 ‘บิ๊กทิน’ สยบศึก ทร.

เดอะโชว์ มัสต์ โก ออน แม้เป็นรัฐมนตรีรักษาการ แต่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ก็ยังจะเดินหน้าจัดโผโยกย้ายทหารต่อ แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าจะได้กลับมาเป็น รมว.กลาโหม อีกครั้งหรือไม่ก็ตาม

แต่หลังจากที่นายสุทินได้พบหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ แล้ว ก็แจ้งให้ปลัดกลาโหม-ผบ.ทหารสูงสุด และเหล่าทัพ ให้ส่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายมาภายใน 28 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยที่ ผบ.เหล่าทัพมาส่งโผด้วยตนเอง

เพราะเดิมกลาโหมกำหนดให้เหล่าทัพส่งโผมาภายใน 15 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่พอดีเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ต้องเปลี่ยนนายกฯ และตั้ง ครม.ชุดใหม่ แต่ชุดเดิมยังรักษาการได้ และมีอำนาจเต็ม จนกว่านายกฯ และ ครม.ใหม่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ และแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ที่คาดว่าจะเป็นหลัง 15 กันยายน 2567

ดังนั้น นายสุทินจึงต้องทำหน้าที่ในการประชุมบอร์ด 7 เสือกลาโหม เพื่อเคาะโผทหารให้ลงตัว เสร็จสิ้นตามขั้นตอนตาม กม. ภายใน 15 กันยายนไปก่อน

จากเดิมที่ ผบ.เหล่าทัพชะลอการส่งโผออกไปก่อนในระหว่างรอ ครม.ชุดใหม่ จนมีการส่งโผแบล็งก์ คือ โผที่เว้นว่างตำแหน่งสำคัญต่างๆ เอาไว้ มาให้กลาโหมก่อน ตามมารยาท และคำสั่งเดิมของนายสุทิน

ขาดแต่ ทบ. และ ทร. ที่ยังไม่ส่งโผในตอนนั้น เพราะมีการตั้ง ผบ.ทบ. และ ผบ.ทร.คนใหม่ จึงต้องปกปิด เกรงโผรั่ว จนบางเหล่าทัพมีการใช้กลยุทธ์โผลวงก็มี แต่ก่อนหน้านั้น นายสุทินได้ทยอยคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ ทีละคนมาก่อนแล้ว

แต่ตอนนี้ ทุกเหล่าทัพส่งสำเนาโผฉบับจริงมาที่บิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม ที่เป็นเลขานุการของบอร์ด 6 เสือกลาโหม ในการรวบรวม และนัดประชุมบอร์ดในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน

นายสุทินระบุว่า จะมีประชุมนอกรอบ คุยกันก่อน 1-2 ครั้ง แล้วจะเคาะให้จบภายใน 5-10กันยายนนี้ จากนั้นใครมาเป็น รมว.กลาโหม ก็ทำต่อ แม้เดิมตามมารยาท อยากจะรอ ครม.ใหม่ แต่โดยเงื่อนเวลาแล้วมันไม่ได้ เราจำเป็นต้องทำตามไทม์ไลน์ของตัวเองแล้ว เพราะหากเลย 15 กันยายน ก็ต้องนำเข้าขั้นตอนการขึ้นทูลเกล้าฯ เลย

อีกทั้งต้องมีขั้นตอนของการร้อยบัญชีรายชื่อทุกเหล่าทัพเข้าด้วยกัน เพื่อนำเข้าที่ประชุม และหากลงตัวกันทุกตำแหน่งแล้ว ก็จะลงนามกำกับในบัญชีรายชื่อ เพื่อส่งให้นายกรัฐมนตรีหญิง แพทองธาร ชินวัตร นำขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นครั้งแรก

อีกทั้งเมื่อเห็นชื่อแคนดิเดต รมว.กลาโหม เช่น นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และนายภูมิธรรม มือขวาอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร แล้ว ฝ่าย ผบ.เหล่าทัพส่วนใหญ่ต่างก็เต็มใจ ที่จะจัดโผทหารให้จบ เพราะนายสุทินเข้าใจกองทัพ แบบธรรมเนียมต่างๆ ดีแล้ว และคุยง่ายกว่า

แต่หากต้องให้มีสิทธิ์เลือก รมว.กลาโหม ระหว่างนายเสริมศักดิ์ กับนายภูมิธรรมแล้ว ฝ่ายทหารยอมรับนายภูมิธรรมมากกว่า

แต่หากเป็นนายสุทิน คัมแบ๊ก กองทัพก็ยิ่งขานรับ เพราะได้สานงานต่อ ไม่ต้องมาเริ่มนับ 1 ใหม่ สำหรับ รมว.กลาโหมคนอื่น

นายสุทินเองก็ดูจะอยากเป็น รมว.กลาโหม ทำงานต่อ จนยอมรับว่า ติดใจกลาโหม ทำงานกับกองทัพสบายใจ ได้รับเกียรติ และความร่วมมือดี แต่นายสุทินก็มีโอกาสที่จะหลุด ครม.ไปเลยเช่นกัน

นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม

แม้ รมว.กลาโหม จะเป็นพลเรือนอีกคน แต่คราวนี้ กองทัพอุ่นใจที่มีชื่อบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหมยุคนายสุทิน มีชื่อเป็น รมช.กลาโหม ที่แม้ว่ายังไม่มีความชัดเจนว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรค DNA ของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ จะสละโควต้าให้หรือไม่ จนทำให้มีกระแสข่าวจากคนในพรรค เชียร์ เสธ.มิตต์ พล.อ.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ มือขวาลุงตู่ ที่ลาออกก่อนเกษียณ จะมานั่ง รมช.กลาโหม

แต่ พล.อ.นิมิตต์ เป็นเตรียมทหาร 30 ห่างจาก พล.อ.ณัฐพล น้องรักลุงตู่เช่นกัน ตั้ง 10 รุ่น อีกทั้ง พล.อ.นิมิตต์ มีแผนที่จะเรียนต่อในระดับปริญญาเอก จึงยังไม่คิดเข้าสู่การเมืองในเวลานี้

จนถึงขั้นมีการต่อรองจากคีย์แมนขั้วอนุรักษนิยม ที่เคยมี “ดีล” กับนายทักษิณ ทวงสัญญาที่จะให้ทหารมาคุมกลาโหม เพราะโควต้า รมว.กลาโหม เป็นของพรรคเพื่อไทย โดยให้ พล.อ.ณัฐพล ที่รอคิวมาเป็นปี ขึ้นเป็น รมว.กลาโหมเลย และไม่ต้องมี รมช.กลาโหม

กระแสข่าวนี้ออกมาในจังหวะที่ พล.อ.ณัฐพล โดนโจมตี กรณีที่มีชื่อไปเป็นพยานในคดี ม.122 ให้นายทักษิณ ที่ถูก คสช.ฟ้องร้อง หลังนายวัชระ เพชรทอง นำมาเปิดเผย

เพราะก่อนหน้านั้น นายทักษิณก็ส่งสัญญาณไฟเขียวให้ พล.อ.ณัฐพล มาเป็น รมช.กลาโหม โดยระบุว่า พรรคร่วมรัฐบาลอาจจะเสนอมาก็ได้ ก็ยิ่งถูกจับตามองว่า จะถึงขั้นที่นายทักษิณจะให้เก้าอี้ รมว.กลาโหม กับ พล.อ.ณัฐพล เลยก็เป็นได้

 

แม้ว่าเก้าอี้ รมว.กลาโหม นักการเมืองไม่ค่อยอยากจะมานั่งเท่าใดนัก แต่ยังดีกว่าหลุดเก้าอี้ หลุด ครม.ไปเลย กระแสในพรรคเพื่อไทยจึงยังต้องการให้ รมว.กลาโหม เป็นโควต้าของพรรค จึงยังมีการชิงกันระหว่างนายเสริมศักดิ์ ที่แม้ไม่อยากมานั่ง แต่มันเหลือเก้าอี้เดียวแล้ว

ส่วนนายสุทินนั้น ก็ดูจะแผ่ว ที่จะได้กลับมา เพราะยังไม่มีสัญญาณใดๆ แม้จะมีข่าวว่า ได้กรอกประวัติส่งให้ทำเนียบรัฐบาลแล้วก็ตาม แต่อาจเป็นชื่อสำรอง แต่นายสุทินก็ระบุว่า เป็นความเข้าใจผิด ไม่ใช่เอกสารกรอกประวัติ รมต.

ดังนั้น เมื่อนายสุทินนั่งในที่ประชุมบอร์ด 6 เสือกลาโหม ที่คาดว่าจะเป็นวันที่ 3 กันยายน อำนาจการต่อรองก็จะลดน้อยลง แม้จะมีอำนาจเต็ม แต่ ผบ.เหล่าทัพอาจไม่ค่อยเกรงใจ

เพราะก่อนหน้าประชุมบอร์ด 6 เสือกลาโหมอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ เมื่อ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ผบ.เหล่าทัพ นำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายเข้ากลาโหมมาส่ง และพบหารือนายสุทินพร้อมหน้า

โผการโยกย้ายที่ถูกจับตามองมากที่สุดในตอนนี้คือ กองทัพเรือ เพราะประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ ที่ ผบ.ทร.เสนอชื่อ ผบ.ทร.คนใหม่มา แต่ที่ประชุมบอร์ด 7 เสือกลาโหม มีมติเปลี่ยนแปลง

หลังมีกระแสข่าวลือสะพัดว่า บิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. ที่กำลังนับถอยหลังเกษียณ ซึ่งเสนอโผฉบับไม่สมบูรณ์ มาที่กลาโหม โดยเสนอชื่อบิ๊กแมว พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. เพื่อน ตท.23 ที่จบโรงเรียนนายเรือเยอรมัน เป็น ผบ.ทร. ท่ามกลางการจับตามองว่า จะฝ่าด่านประเพณี ทร.ที่ยังไม่เคยมี ผบ.ทร.ที่ไม่จบโรงเรียนนายเรือ แต่จบต่างประเทศ เป็น ผบ.ทร.มาก่อน อีกทั้งเส้นทางเติบโต ไม่ผ่านตำแหน่งหลัก ตามธรรมเนียมนิยม จนเชื่อกันว่า อาจเป็นโผลวง เอาไว้หยั่งกระแสเท่านั้น

ด้วยเป็นที่รู้กันใน ทร. ว่า พล.ร.อ.อะดุง ไม่เสนอชื่อบิ๊กวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ทร. อยู่แล้ว แม้จะอาวุโสที่สุดและเส้นทางเติบโตเป๊ะตามธรรมเนียมประดู่เหล็ก ที่สุดใน ทร.ก็ตาม

แต่ก็ยังมีเพื่อน ตท.23 อีกคน และอยู่ใน 5 ฉลามทัพเรือ อย่างบิ๊กโอ๋ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผช.ผบ.ทร. ที่เติบโตมาในตำแหน่งหลักแม้จะเคยแข่งขันชิง ผบ.ทร.กันมาก็ตาม และยังมีบิ๊กน้อย พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสธ.ทร. รุ่นน้อง ตท.24 เป็นแคนดิเดต แม้ว่าเส้นทางอาจไม่โดดเด่นก็ตาม

ประกอบกับกระแสข่าวในกลาโหมสะพัดว่า ตท.24 เบนเป้าจากหนุน พล.ร.อ.วรวุธ มาเป็นบิ๊กเต๊ะ พล.ร.อ.สุพพัต ยุทธวงศ์ รองปลัดกลาโหม เพราะอาวุโส พลเรือเอกพิเศษ เท่า พล.ร.อ.สุวิน แม้ติดยศพลเรือเอก ทีหลัง พล.ร.อ.สุวินก็ตาม

หลังจากมีกระแสข่าวร่ำลือใน ทร.ว่า พล.ร.อ.อะดุงมักจะพูดแนะนำ พล.ร.อ.วรวุธในที่ประชุม ในเรื่องงานหลายครั้ง แต่ทว่า พล.ร.อ.วรวุธ คือ ตท.24 และเป็นน้องรักบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย อดีต ผบ.ทร. ผู้มีพระคุณ

แต่หาก พล.ร.อ.อะดุง เสนอ พล.ร.อ.จิรพล นายเรือเมอร์วิก เยอรมัน เป็น ผบ.ทร. ในที่สุด จะกลายเป็นช่องให้ที่ประชุมบอร์ด 6 เสือกลาโหม ในการทักท้วง หรือเปลี่ยนแปลงได้

เพราะในอดีตเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น การแต่งตั้งโยกย้ายกันยายน 2557 บิ๊กตั้ม พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. เสนอชื่อบิ๊กยุ้ย พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง (ตท.14) จบนายเรือเยอรมัน เป็น ผบ.ทร. แต่ที่ประชุม 7 เสือกลาโหม เปลี่ยนเป็นบิ๊กณะ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ (ตท.15) เป็น ผบ.ทร. คาดว่าเป็นเพราะ พล.ร.อ.ณรงค์พล จบจากต่างประเทศ ไม่ได้จบโรงเรียนนายเรือ

และในการแต่งตั้งโยกย้ายกันยายน 2564 ในเวลานั้น บิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. เสนอชื่อบิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เป็น ผบ.ทร. แต่ที่ประชุม 7 เสือกลาโหม เปลี่ยนเป็นบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย เป็น ผบ.ทร.แทน

ในเวลานั้น พล.ร.อ.สมประสงค์ ซึ่งหลุดไลน์ ทร. ข้ามมาเป็นรองปลัดกลาโหม ได้รับการสนับสนุนจาก พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม เพื่อนร่วมรุ่น ตท.20 น้องรักมือขวาบื๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และพี่ใหญ่ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ ที่ยังมีอำนาจอยู่ ให้ พล.ร.อ.สมประสงค์ ข้ามกลับไปเป็น ผบ.ทร. เพราะหากอยู่กลาโหมต่อไป จะต้องเป็นปลัดกลาโหม เพราะอาวุโสที่สุดในบรรดารองปลัดกลาโหม แต่ ทบ.ไม่มียอมให้ทหารเรือเป็นปลัดกลาโหมได้ จึงต้องส่ง พล.ร.อ.สมประสงค์ กลับ ทร. เปิดทางบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เพื่อน ตท.20 ข้ามจาก เสธ.ทบ. มาเป็นปลัดกลาโหม

อันเป็นการสะท้อนว่า แม้อำนาจในการเสนอชื่อเป็นของ ผบ.ทร. แต่อำนาจในการตัดสินใจเป็นของบอร์ด 7 เสือกลาโหม ตามกฎหมาย โดยมีทั้งปัจจัยใน ทร. และนอก ทร. ฝ่ายการเมือง เข้ามาเกี่ยวข้อง

แม้จะไม่ต้องถึงขั้นโหวต แต่ ผบ.เหล่าทัพ อาจแสดงความคิดเห็นได้ หาก รมว.กลาโหมถามความเห็น

ขณะที่ พล.ร.อ.อะดุง ไม่ตอบรับ หรือปฏิเสธข่าวที่ว่า จะเสนอชื่อ พล.ร.อ.จิรพล เป็น ผบ.ทร. โดยระบุแค่ว่า เป็นความลับ กระแสข่าวที่ออกมาในตำแหน่งต่างๆ อาจเป็นโผลวง

 

ขณะที่กองทัพบกเข้มข้นไม่น้อย หลังมีกระแสข่าวสะพัดว่า บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. ถูกกดดันอย่างหนัก จนสะเทือนถึงคนในครอบครัว แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับการจัดโผทหารก็ตาม แต่ก็ถูกเชื่อมโยง

จนมีข่าวว่า ในที่สุด พล.อ.เจริญชัย เสนอชื่อบิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ. (ตท.26) เป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ นั่งยาว 3 ปี ถึงปี 2570 คู่กับรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ที่มีอายุอีก 3 ปีจะครบเทอม ตราบใดที่ “ดีล” ยังคงมีอยู่ กองทัพก็จะยังคงทำหน้าที่ผู้สนับสนุน เป็นกลไกของรัฐบาลต่อไป

เพราะ พล.อ.พนา ก็ได้ชื่อว่าเป็นสายวงศ์เทวัญคอแดง ที่มีบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ที่ถูกมองว่าเป็นคีย์แมนดีลสนับสนุนมาตั้งแต่ต้น ที่ดึงมาเป็น ผบ.พล.ร.11 แล้วขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนฟาสต์แทร็ก เป็นนายทหารคอแดง และขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 เข้าไลน์ไว้เลย

แม้จะถูกมองเป็นสายบู๊ สายเหยี่ยว แต่ พล.อ.พนา ก็มีความเป็นนักวิชาการ และอาจารย์ในตัวด้วย และเป็นการตอกย้ำว่า ดีลยังอยู่ และสัญญาณยังไม่เปลี่ยน

โดยคาดกันว่า มีการดันแม่ทัพรุ่ง พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อน ตท.26 ของ พล.อ.พนา ตามไลน์แม่ทัพภาคที่ 1 ควรจะขึ้น ผช.ผบ.ทบ. แต่ก็มีข่าวว่า จะเดินตามรอยบิ๊กปู ให้ขี้นเป็น เสธ.ทบ. และควบเลขาธิการ กอ.รมน. จะได้เป็น ผบ.ทบ. และ เสธ.คู่ใจ

แม้ว่า ตท.26 จะมีเจ้ากรมปู พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เจ้ากรมยุทธการ ทบ. จ่อขึ้น เสธ.ทบ. อยู่แล้ว แต่เพื่อการกระจายรุ่นใน 5เสือ ทบ. จึงต้องมีทั้ง ตท.23 ตท.24 และ ตท.25 ด้วย

พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ,พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์

ส่วนแม่ทัพภาคที่ 1 นั้น ชื่อของรองกอล์ฟ พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 แกนนำ ตท.28 มาแรง หลังจากที่เคยเบียดกันมากับรองไก่ พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อนร่วมรุ่น ยังเสียงแตกว่า ควรเปิดทางให้ พล.ต.วรยส ขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 เพราะเกษียณก่อน

ขณะที่บิ๊กใหญ่ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพน้อยที่ 1 จาก ตท.27 จากสายบูรพาพยัคฆ์คอแดง กำลังถูกเบียดให้หลบไปเป็นรอง เสธ.ทบ. แต่มีข่าวว่า พล.อ.เจริญชัย ซึ่งเป็นรุ่นพี่ทหารเสือฯ และบูรพาพยัคฆ์ เป็นน้องรักลุงตู่ด้วยกัน ก็เจอแรงกดดันจากหลายทิศทาง กับสมการรุ่น ตท.26 และ ตท.28 ที่จะจับมือและส่งไม้ต่อกัน

ส่วนบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ผช.ผบ.ทบ. แคนดิเดต ผบ.ทบ. จาก ตท.24 ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2569 อาจต้องถูกส่งข้ามไป บก.ทัพไทย นั่งรอง ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อเตรียมจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคอแดงคนที่ 3 ต่อจาก ผบ.อ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ที่จะเกษียณกันยายน 2568

ไปๆ มาๆ ตท.24 เจอแรงต้าน ในการยึดแผงอำนาจ ผบ.เหล่าทัพ ด้วยการข้ามเจเนอเรชั่น ไปยัง ตท.26 เลยทีเดียว เพราะฝ่ายการเมืองก็คงไม่ต้องการให้นายทหารรุ่นเดียวกันขึ้นมาคุมอำนาจพร้อมกันหมด

แต่แม้ไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. แต่ ตท.24 จะถูกส่งไปจ่อตำแหน่งสำคัญ ทั้งปลัดกลาโหม ที่คาดว่า ทบ.จะส่งบิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผช.ผบ.ทบ. นายทหารคอเขียว ไปเป็นรองปลัดกลาโหม เพื่อต่อคิวเป็นปลัดกลาโหม ต่อจาก พล.อ.สนิธชนก ในตุลาคม 2568

ส่วน พล.อ.ธราพงษ์ ตท.24 ก็จะข้ามไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด และต้องจับตาเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่บิ๊กรอย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ตท. 24 จะเกษียณราชการ ก็อาจจะมีการส่งบิ๊กปั้น พล.อ.ไพบูลย์ วรวรรณปรีชา ผอ.สำนักนโยบายและแผนกลาโหม (ตท.24) ไปให้นายกฯ พิจารณา

แต่หากไม่ได้ไป ทางกลาโหมจะเสนอขออนุมัติตำแหน่งประธานที่ปรึกษากลาโหม อัตราเฉพาะตัวให้ แล้วปิดอัตราไป เมื่อ พล.อ.ไพบูลย์ เกษียณในกันยายน 2568

อย่างไรก็ตาม ตท.24 ก็ยังยึดเก้าอี้ ผบ.เหล่าทัพเดิม 3 เก้าอี้ ทั้ง พล.อ.สนิธชนก ปลัดกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ ผบ.ทหารสูงสุด และบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. ที่จะเกษียณกันยายน 2568 พร้อมกันหมด

เวลาที่เหลืออยู่อีก 2 สัปดาห์ในการจัดโผทหารให้เสร็จเรียบร้อยลงตัว จะเป็นช่วงเวลาที่กองทัพคุกรุ่น รับนายกฯ ใหม่ และ ครม.ใหม่พอดี