รอบจัด (2)

ญาดา อารัมภีร
ภาพจิตรกรรมเชิงสังวาสที่ วัดคงคาราม จังหวัดราชบุรี

สํานวน ‘กระต่ายแก่แม่ปลาช่อน’ ไม่ต้องใช้จนครบทั้งสำนวนก็ยังได้ ใช้สั้นๆ แค่ ‘กระต่ายแก่’ ก็เข้าใจตรงกันว่าหมายความว่าอะไร

ในนิทานคำกลอนเรื่อง “พระอภัยมณี” ช่วงท้ายๆ เรื่อง นางละเวงทูลเชิญพระอภัยมณีและบรรดาพระญาติเสด็จไปกรุงลังกาเพื่อจัดพิธีอภิเษกหัสไชยกับนางสร้อยสุวรรณและนางจันทร์สุดา ธิดาทั้งสองของพระอภัยมณีกับนางสุวรรณมาลี

ฝ่ายพระอภัยมณีพำนักในวังลังกาหลายวันแล้ว ได้เห็นแต่ ‘สาวศรีที่เป็นเวรเกณฑ์ระวัง ล้วนฝรั่งรูปสลวยสวยโสภา” ยังไม่เคยเห็นหน้านางสุวรรณมาลีและนางละเวงเลยสักครั้ง หรือทั้งคู่มัวแต่หึงกันอยู่ ก็เห็นว่าคืนดีกันแล้ว เดาทางพวกนางไม่ถูกว่าทำไมไม่ยอมมาพบพระองค์เสียที

“แต่สองพระมเหสีมิได้เห็น หรือเคืองเข็ญเคียดขึ้งหวงหึงสา

ดูท่วงทีดีกันไม่ฉันทา หยั่งปัญญายากยิ่งจริงจริงเจียว”

เมื่อคิดไม่ตก ขบไม่แตก เลยพาลหงุดหงิดพระมเหสีทั้งสอง กระทบกระเทียบเปรียบเปรยว่า

“กระต่ายแก่แต่ละคนล้วนกลมาก ทั้งฝีปากเปรื่องปราดฉลาดเฉลียว

ต้องง้องอนอ่อนจิตบิดเป็นเกลียว จะต้องเกี้ยวกันเหมือนสาวทุกคราวไป”

ที่พระอภัยมณีรำคาญพระมเหสีเนื่องจากทั้งสองนางแม้เลยวัยสาวไปนานโข ลูกก็โตๆ กันหมดแล้ว แต่ยังเจ้าแง่แสนงอนไม่แพ้สาวๆ ทั้งยังแพรวพราวด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายมารยาสตรี มากด้วยลีลาคารมเฉียบคมสมอายุ

พระอภัยมณีชักเอือมระอาที่จะต้องคลี่คลายสถานการณ์เดิมๆ ด้วยวิธีซ้ำๆ จำเจ คือทั้งงอนง้อและเกี้ยวพาราสีไม่ต่างอะไรกับตอนที่พวกนางยังสาวๆ กันอยู่

 

ถึงอายุอานามนางสุวรรณมาลีและนางละเวงจะเกินสาว แต่รูปร่างหน้าตายังดูดี มีเสน่ห์สาวใหญ่ครบครัน ไม่เหมือนนางคันธมาลี พระมเหสีท้าวสันนุราชในบทละครนอกเรื่อง “คาวี” รายนั้นไม่ชวนให้เจริญหูเจริญตา แม้เริ่มชราแต่กิริยาอาการยังตุ้งติ้งราวสาวแรกรุ่น ยิ่งตอนนางแอบดูพระคาวีด้วยหลงเข้าใจว่าเป็นท้าวสันนุราช พระสวามีที่ชุบตัวเป็นหนุ่ม ท่าทีที่เกินพอดีของนาง สาวๆ ยังอาย ดังที่รัชกาลที่ 2 ทรงบรรยายว่า

“ครั้นถึงจึงหยุดเยี่ยมมอง ตรงช่องฉากพับลับแลกั้น

เห็นพระองค์ทรงโฉมโนมพรรณ งามเหมือนเทวัญในชั้นฟ้า

ความรักรัญจวนครวญใคร่ แต่เยื้อนละไมอยู่ในหน้า

พลางเคาะเข้าไปให้เหลียวมา ครั้นสบตาก็สะเทินเมินเมียง

ทำชม้อยชม้ายอายแอบแฝง แล้วแกล้งกระแอมไอให้เสียง

พูดจาว่าเปรียบเลียบเคียง เดินเลี่ยงแลชำเลืองเยื้องกราย”

ลีลาตัวละครสูงวัย ทำเอาพระคาวีนึกด่าในใจ

“อีอุบาทว์บัดสีไม่มีอาย มาเย้ายวนชวนชายได้ลงคอ

เห็นมันจะมั่นหมายเอาว่าผัว จึงแต่งตัวเต็มประดาขึ้นมาล่อ

ดูทีกิริยาเป็นบ้ายอ น่าหัวร่อน้อยฤๅนั่นขันสิ้นที

ชำเลืองดูเมียขวัญจันท์สุดา แล้วแลดูตาพระฤๅษี

ทำเมินเสียมิได้ไยดี จู้จี้ขี้คร้านรำคาญใจ”

 

ปฏิกิริยาหมางเมินอย่างจงใจของพระคาวี ทำเอาพระฤๅษีหลวิชัยต้องสะกิดเตือนน้องชายว่าถ้าขืนทำอย่างนี้นางคันธมาลียิ่งจะก่อความรำคาญให้ ไว้ไมตรีกันบ้าง อย่าให้เสียน้ำใจ จะได้ไม่เสียการ

“เจ้าจงทายทักเสียสักนิด ป้องปิดอย่าให้ความฟุ้งซ่าน

ถึงเฒ่าแก่แต่ยังไม่เกินการ จงคิดอ่านหว่านล้อมไว้ให้ดี”

พระคาวีจึงสวมบทบาทท้าวสันนุราชด้วยการเจรจาหวานหู ตัดพ้อนางคันธมาลีว่า

“โฉมเอยโฉมเฉลา เป็นไรเจ้าจึงสะเทินเหินห่าง

ยืนอยู่นั่นไยใช่ที่ทาง แต่ก่อนนางน้องเอ๋ยไม่เคยเป็น”

พระคาวีแก้ตัวว่าไม่ทันเห็น เพราะมัวแต่คุยกับพระฤๅษี และหยอดคำชมหยอกเย้าว่า

“น้อยฤๅนั่นชั้นเชิงกิริยา ตะละสาวสิบห้าสิบหกปี

แต่งตัวเต็มประดาหน้าเป็นนวล เหมือนจะชวนให้ชื่นใจพี่

ขอเชิญนางเมียหลวงท่วงทีดี มานั่งบนนี้ด้วยพี่ชาย”

นางคันธมาลีฟังแล้วสองจิตสองใจ ทีแรกก็หันหลังให้ ทำเป็นไม่สนใจคำชวน ต่อมาเปลี่ยนใจ เกิดอยากจะไปนั่งแทรกกลางระหว่างพระคาวีกับนางจันท์สุดา แต่ก็รู้สึกเขินอาย ความที่ผ่านโลกมามาก รู้ชั้นเชิงชายดี จึงทำดังนี้

“แกล้งทำแยบคายกระต่ายแก่ แสนแง่แสนงอนค้อนให้

จะมาเรียกมาหาข้าไย มันไม่เหมือนเมื่อกระนั้นแล้ว”

นางตัดพ้อว่าตัวนางช่างไร้ค่า ไม่อาจเทียบกับคนที่สวยกว่าสาวกว่าได้

“เป็นคนวาสนาน้อยถอยถด อาภัพอัปยศอดสู

จะอยู่ได้แต่ระเบียงเพียงประตู ไม่สมควรเข้าไปอยู่ในที่ทาง”

ก่อนนี้เคยคิดว่าสำนวน ‘กระต่ายแก่’ ใช้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ปรากฏว่าใช้ได้ทั่วถึงทั้งหญิงและชายมีอายุที่มากเล่ห์เพทุบายและมารยา สุนทรภู่ใช้สำนวนนี้กับชีเปลือยที่นอนแก้ผ้า ขี้ฟันเต็มปาก ‘หนวดถึงเข่าเคราถึงนมผมถึงตีน’ ตอนที่ฤๅษีน้อยสุดสาคร ขี่ม้านิลมังกรตามหาพระอภัยมณี เจอชีเปลือยโดยบังเอิญ ความเป็นเด็กอ่อนต่อโลก ทำให้หลงเชื่อคำลวงของชีเปลือยว่าหนทางข้างหน้ามีน้ำกรดกั้นขวาง เดินทางต่อไปไม่ได้ ฤๅษีน้อยจึงขอเรียนมนตร์แก้น้ำกรดจากชีเปลือย ก็เข้าทางชายเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่อยากครอบครองม้าของสุดสาคร

“ส่วนผู้เฒ่าเจ้าอุบายกระต่ายแก่ รู้กระแสสมมาดปรารถนา

แม้นลวงได้ไม้เท้าที่ถือมา จะขี่ม้ามังกรได้ดังใจจง

จำจะหลอกบอกมนต์กันบนเขา ให้เรียนเล่าเสียเชิงละเลิงหลง

ถึงตัวดีมีครูจะอยู่คง ผลักมันลงที่ในเหวก็เหลวไป”

(อักขรวิธีตามต้นฉบับ)

ชีเปลือยให้ฤๅษีน้อยวางไม้เท้านั่งพนมมือที่ปากเหว ตัวเองยืนอยู่ข้างๆ พอเด็กเผลอก็ผลักตกลงไปนอนสลบเหมือดที่ก้นเหว ได้ทั้งม้าพาหนะและไม้เท้าอาวุธวิเศษของสุดสาครตามต้องการ

สมกับเป็น ‘กระต่ายแก่’ ตัวพ่อของแท้ •

 

จ๋าจ๊ะ วรรณคดี | ญาดา อารัมภีร