เที่ยว-กิน-ดื่ม และของฝาก ‘ให้คิด’ | ธงทอง จันทรางศุ

ธงทอง จันทรางศุ

หลังลับแลมีอรุณรุ่ง | ธงทอง จันทรางศุ

เที่ยว-กิน-ดื่ม และของฝาก ‘ให้คิด’

ความสนุกในชีวิตอย่างหนึ่งของคนที่มีเวลาว่างมากพอ คือการเดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ถ้ามีเวลามากและมีเงินมาก จะเลือกเดินทางไปต่างประเทศใกล้หรือไกลตามใจปรารถนาก็ไม่มีใครหวงห้าม

แต่ถ้ามีเวลาน้อยและไม่ต้องสิ้นเปลืองมาก การท่องเที่ยวบ้านเราก็ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

และอย่าว่าแต่คนไทยเราเลย ลองนึกดูว่าในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวบ้านเราเป็นจำนวนหลายสิบล้านคน

ตัวเลขนี้น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าบ้านเรายังมีดีอยู่มาก และมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องท่องเที่ยวธรรมชาติ ทั้งภูเขา ทั้งทะเล ทั้งที่ราบ แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ก็มีเหลือคณานับ วิถีชีวิต การทำมาหากิน ของฝากของใช้ ของที่ระลึกล้วนแต่อุดมสมบูรณ์ไปเสียทั้งสิ้น

ยิ่งมาถึงยุคสมัยนี้ การคมนาคมสะดวกสบายขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นอันมาก แม้ไม่ใช่คนร่ำรวยมีเงินเหลือใช้ การเดินทางด้วยเครื่องบินก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม สายการบินราคาประหยัดมีให้เลือกใช้บริการหลายสาย สนามบินก็มีอยู่ตามจังหวัดขนาดใหญ่และขนาดรองกระจายไปทั่วประเทศ

ถ้าไม่ชอบนั่งเครื่องบิน รถทัวร์ รถเมล์ รถไฟก็ยังมีอยู่ หรือจะขับรถไปเองก็ไม่ผิดกติกา

 

เมื่อมานั่งทบทวนชีวิตของตัวผมเองดูแล้ว หลังจากโรคโควิดผ่านพ้นไปและผมยังรอดชีวิตอยู่ ในแต่ละเดือนแต่ละสัปดาห์ผมขยันเดินทางขึ้นกว่าก่อนมีโรคโควิดเป็นอันมาก เป็นการเดินทางทั้งไปทำงาน บางคราวเป็นการท่องเที่ยวล้วนๆ ไม่มีเรื่องธุระปะปังเข้ามาเจือปน แต่มีไม่น้อยเหมือนกันที่ผมเย็บรวมเล่มทั้งเรื่องงานและเรื่องท่องเที่ยวเข้าไว้ด้วยกัน

เมื่อไปถึงต่างจังหวัดแล้วทั้งที สิ่งหนึ่งที่ผมจะละเว้นเสียไม่ได้คือการหาของกินใส่ปากใส่ท้อง ของกินบ้านเราก็น่ากินเสียด้วย จะไปทำอดอยากปากแห้งอยู่ได้อย่างไร

ความเปลี่ยนแปลงข้อแรกที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อพูดถึงเรื่องของกิน คือ เวลานี้ไปจังหวัดไหนก็ตาม สังเกตเห็นได้ว่าร้านกาแฟมีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด

ร้านกาแฟที่ว่านี้แข่งขันกันทั้งในเรื่องของเครื่องดื่มสารพัดประเภทให้เลือก และแข่งขันกันไปจนถึงเรื่องบรรยากาศอาคารสถานที่ด้วย

ถึงแม้ตัวผมเองไม่ใช่คนดื่มน้ำชากาแฟ เพราะไม่ชอบกินของขม แกงจืดมะระก็ไม่ชอบครับ สงสัยจะอายุน้อยอยู่กระมังจึงยังไม่กินของขม

แต่ก็ไม่รังเกียจที่สมาชิกผู้ร่วมเดินทางไปด้วยกันจะแวะร้านกาแฟเพื่อหาชาหรือกาแฟดื่ม

ร้านอย่างที่ว่าอย่างไรเสียก็มีเครื่องดื่มที่ไม่ขมเป็นทางเลือกสำหรับผม จะเป็นน้ำผลไม้หรือโซดาก็ได้ทั้งนั้น ขนมหรืออาหารว่างจานเล็กเขาก็มีขาย

และที่ชอบมาก คือบรรยากาศที่ชวนให้นั่งคุยหย่อนอารมณ์ มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม นั่งหย่อนใจครู่เดียวเข็มนาฬิกาก็เดินผ่านไปตั้ง 1 ชั่วโมงหรือ 2 ชั่วโมงแล้ว

 

เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผมเดินทางไปไหว้พระพุทธชินราชที่จังหวัดพิษณุโลก ขากลับพอมีเวลาว่างอยู่บ้างก็มีการแวะกินข้าวกลางวันและแวะร้านกาแฟที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตจังหวัดนครสวรรค์

ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่มิได้บันทึกชื่อร้านเอาไว้ในความทรงจำ แต่จำได้แน่ว่าร้านของเขาร่มรื่นน่านั่งเป็นอย่างยิ่ง แค่ประตูทางเข้าก็มีซุ้มไม้ใหญ่ชวนให้เดินผ่านประตูเข้าไปค้นหาว่ามีอะไรรอเราอยู่ข้างหลังซุ้มไม้นั้น และก็มีอยู่จริงๆ ครับ เป็นอาคารโปร่งสองชั้น ใครชอบมุมไหนก็นั่งมุมนั้น

ผมเลือกนั่งชั้นสองมองเห็นต้นไม้เรียงรายอยู่โดยรอบ สบายตาและสบายใจเป็นอย่างยิ่ง

ถัดมาอีกสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ ผมเที่ยวเมืองตรัง ก่อนขึ้นเครื่องบินกลับพระนคร พอมีเวลาว่างอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง การแวะร้านกาแฟจึงเกิดขึ้น ร้านกาแฟนี้ตั้งอยู่ในบริเวณเมืองเก่าของจังหวัดตรัง ที่ตั้งร้านแต่เดิมเป็นร้านขายผ้า อายุตึกเห็นเป็นพี่น้องกับผมในวัยใกล้เคียงกัน เวลาถ่ายรูปหน้าร้านแล้วมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

ผมสังเกตเห็นว่าการแวะร้านกาแฟของคนจำนวนมาก (ซึ่งรวมทั้งผมด้วย) จะต้องมีการถ่ายรูปเป็นสาระสำคัญ ถ้าร้านไหนมีมุมถ่ายรูปมาก ร้านนั้นก็ขายดี

แต่อย่างที่บอกแล้วว่าผมไม่ใช่คนกินดื่มชากาแฟ ใครเห็นรูปร่างผมแล้วน่าจะพอเข้าใจได้ว่าผมเน้นไปทางอาหารมากกว่า เพราะฉะนั้น ร้านอาหารจึงเป็นเป้าหมายที่ผมปองร้ายมากกว่าร้านกาแฟ

ดังนั้น ในขณะที่คนอื่นสอดส่ายสายตาหาร้านกาแฟ ผมเองกลับจ้องมองหาร้านอาหารและเมนูอาหารที่เป็นของพิเศษประจำถิ่นเป็นหลัก

 

ตัวอย่างเช่น การไปเที่ยวเมืองตรังรอบที่แล้วที่กล่าวมาข้างต้น อาหารเมืองตรังทุกมื้อเป็นมื้อในอุดมคติจริงๆ ครับ

คนที่ไม่เคยไปเมืองตรังจะนึกไม่ออกเลยว่า อาหารมื้อเช้าของเมืองตรังซึ่งเป็นติ่มซำและอื่นๆ อีกสารพัดจะอุดมสมบูรณ์ได้ถึงขนาดนั้น มีเรื่อยไปจนกระทั่งถึงหมูย่างเมืองตรังซึ่งเป็นหมูย่างรสชาติพิเศษ ออกหวานนิดๆ นุ่มและกรอบอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว

ร้านที่ผมไปนั่งกินมื้อเช้าวันหนึ่งคนแน่นจนถ้าไม่รู้ความมาก่อนก็อาจนึกว่าเขาให้กินฟรี เพราะเก้าอี้เต็มทุกโต๊ะทุกตัว

มื้อเช้าของอีกวันหนึ่งเป็นมื้อพิเศษสำหรับผมและคณะ เพราะได้รับความกรุณาจากท่านชวน หลีกภัย ผู้มีฐานะเหมือนเป็นสถาบันของจังหวัดและชาวตรัง ชวนไปนั่งสนทนาและกินข้าวเช้าที่บ้านของท่าน

มื้อนี้เองที่ผมได้มีโอกาสทบทวนความทรงจำว่า อาหารที่เรียกว่า ปาท่องโก๋ ของเมืองตรังนั้นไม่ใช่แป้งทอดสองชิ้นที่จับมาติดกันอย่างความเข้าใจสามัญ หากแต่เป็นแป้งนึ่งสีขาว รสออกหวานนิดหน่อย มีความนัวอยู่ในตัว กินแล้วอร่อยเพลิดเพลินมาก

ความทรงจำที่เหลือติดสมองจากมื้อเช้าวันนั้นอลหม่านมาก เพราะมีทั้งสาระจากการพูดคุยสนทนากับผู้หลักผู้ใหญ่ เข้าไปเรียงซับซ้อนกันกับความอร่อยของอาหารพื้นบ้านเมืองตรังนานาชนิด จะกินมากก็เสียกิริยา

จะกินน้อยก็เสียดายของ เฮ้อ!

 

ส่วนมื้ออื่นที่มีอีกหลายมื้อนั้น แทบทุกมื้อเราต้องมีแกงส้มปลากะพงตำรับพื้นเมืองยืนพื้นอยู่เป็นประจำ ถ้าจะให้คะแนนกันแล้ว แกงส้มที่โรงแรมธรรมรินทร์ ธนาซึ่งเป็นที่พักของเรา กับแกงส้มร้านโกช้อย ฝีมือโดดเด่นทัดเทียมกัน ถ้าเป็นม้าแข่งก็ต้องใช้ภาพถ่ายเปรียบเทียบตอนเข้าเส้นชัยกันเลยทีเดียว

ร้านกาแฟก็แวะแล้ว มื้อหนักก็กินครบทุกมื้อแล้ว ธรรมเนียมเมืองไทยเวลาไปเที่ยวก็ต้องไม่ลืมเรื่องของฝาก ตัวผมเองมีคติประจำใจและบอกท่านผู้ใหญ่หลายท่านไปแล้วเป็นที่พอใจทั่วถึงว่า เวลาใครเดินทางไปต่างประเทศหรือต่างจังหวัดก็ดี ขอให้อวยพรว่า

“เดินทางปลอดภัย ใส่ใจของฝาก”

พูดแค่นี้ก็ได้ของฝากทุกครั้งไปครับ

ร้านของฝากเมืองตรังมีหลายร้าน นอกจากของฝากที่เป็นขนมแบบดั้งเดิมแล้ว บางร้านก็พัฒนาให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ร้านของฝากที่มีชื่อว่าขนมเปี๊ยะ ซอย 9 ได้คิดพลิกแพลงไส้แบบใหม่ขึ้นหลายชนิด

เช่น ใครเลยจะคิดว่ามีขนมขนมเปี๊ยะไส้หมูย่างเมืองตรังก็ได้ กินแล้วอร่อยดี มีความเป็นเมืองตรังชัดเจนทีเดียว

 

ตามวิสัยมนุษย์เรา คนจำนวนไม่น้อยมีนิสัยเบื่อง่าย คนค้าขายจึงต้องคิดให้มีผลิตภัณฑ์หรือสินค้าใหม่อยู่เสมอ แต่ก็ไม่ได้แปลว่า สินค้าดั้งเดิมที่ติดตลาดแล้วจะสอบตกและสูญหายไปนะครับ การแข่งขันกันอยู่ในทีย่อมมีอยู่เสมอ แม้สินค้าเป็นสินค้าเดิม แต่ถ้าเราหยุดนิ่งอยู่กับที่โดยไม่ยอมปรับปรุงอะไรเลย ลักษณะห่อ ลักษณะกล่องหรือบรรจุภัณฑ์เหมือนกับที่เคยเป็นมา 30 ปี การตลาดยังนั่งอยู่บนหอคอย รอให้คนเดินมาซื้อถึงร้าน ไม่มีบริการออนไลน์หรือส่งทางไกลด้วยระบบขนส่งสมัยใหม่ ไม่มีเว็บไซต์หรือ Facebook ให้คนเข้าถึงได้ง่าย วันหนึ่งก็จะถูกผู้ค้ารายใหม่ที่มีเทคนิคแพรวพราวเดินแซงเราขึ้นไปจนได้

เห็นเขาแข่งขันค้าขายกันแล้วก็ได้คติชวนคิดอยู่เหมือนกัน

เราอย่าหยุดมองเพียงแค่ร้านกาแฟหรือขนมเปี๊ยะหรือร้านอาหารเลยครับ แต่อยากจะชวนให้มองกว้างมองไกลไปถึงประเทศของเรา

อย่างที่เกริ่นมาตั้งแต่ตอนต้นว่าเมืองไทยของเรามีของดีอยู่มาก ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรท่องเที่ยว โบราณสถานโบราณวัตถุ ประเพณีวิถีชีวิตวัฒนธรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ของดีมีคุณค่าเหล่านั้นก็เหมือนกับของประจำถิ่นที่เป็นสินค้าเก่าแก่มีชื่อเสียงมาแต่เก่าก่อน เราจะมัวทะนงตนว่า เรามีของดีอยู่กับตัวจะไปกลัวอะไร ใครๆ ก็ต้องมาง้อเราทั้งนั้น นักท่องเที่ยวทุกชาติทุกภาษาอย่างไรเสียก็ต้องซมซานมาบ้านเรา ไม่มีใครดีเท่าเราอีกแล้ว

ร้านอาหารหรือเจ้าของสินค้าอะไรก็ตามที่คิดอย่างนั้น อีกไม่นานก็มีความเจ๊งเป็นเบื้องหน้า

 

การรู้จักตัวเองว่ามีคุณค่า มีความงามอยู่ตรงไหน แล้วนำคุณค่าเหล่านั้นมาพัฒนามาปรับปรุงให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น เพื่อให้เราก้าวเดินทันโลกและเปิดตัวออกไปสู่สังคมโลกจึงมีความสำคัญยิ่ง

แนวคิดอย่างนี้ถ้าตรึกตรองให้ดีแล้วผมเห็นว่าเป็นประโยชน์ไม่เฉพาะแต่เรื่องของการทำร้านอาหาร การขายของที่ระลึก หรือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเท่านั้น แต่อาจนำไปปรับใช้กับเรื่องอีกสารพัด

ความรู้สึกว่า ตัวเองดีที่สุดแล้ว บ้านเมืองของเราอยู่รอดมาได้ตั้งนานหลายชั่วคน ทำไมจะอยู่รอดต่อไปอีกไม่ได้ พอนึกอย่างนี้เสียแล้วก็ไม่มีอะไรต้องพัฒนาอีกต่อไป เอะอะก็จะบอกว่าเรามีเอกลักษณ์ของเรา คนอื่นอย่ามายุ่ง เราไม่จำเป็นต้องเหลียวดูคนอื่น ว่าเขาเดินไปถึงไหนหรือเดินไปทางไหน ฉันพอใจจะอยู่ของฉันอย่างนี้

เป็นแนวความคิดที่ใช้ได้จริงหรือ

ขอให้เราได้ย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์การพัฒนาหรือการปฏิรูปประเทศไทยเราเมื่อร้อยกว่าปีก่อน แล้วลองช่วยกันตอบคำถามว่า ถ้าพระเจ้าแผ่นดินหรือผู้ใหญ่ของไทยเราแต่ก่อนไม่ยอมปรับเปลี่ยนอะไรเลย ไม่เหลียวดูโลกว่าเขาเดินไปทางไหน เมืองไทยจะอยู่รอดปลอดภัยและมายืนอยู่ในตำแหน่งที่เรายืนอยู่ทุกวันนี้ได้หรือ

ถ้าคิดแบบนั้น เมนูอาหารจานใหม่ก็เกิดขึ้นไม่ได้ กินข้าวก็ต้องใช้มือเปิบต่อไป มีคดีความต้องพิจารณาก็ต้องใช้วิธีการดำน้ำลุยเพลิงพิสูจน์กันว่าใครแพ้ใครชนะ แลดูคล้ายกีฬาโอลิมปิกอย่างไรก็ไม่รู้ สนุกเป็นบ้า

และก็เป็นบ้าไปจริงๆ ด้วย ถ้าต้องอยู่อย่างนั้น