ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 สิงหาคม - 5 กันยายน 2567 |
---|---|
ผู้เขียน | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ |
เผยแพร่ |
ผมได้ทำสำนวนการสอบสวนคดีอุกฉกรรจ์ที่มีอัตราโทษสูงๆ หลายคดีแล้ว ในขณะที่ผมยังมียศแค่ร้อยตำรวจตรีเท่านั้น
จนกระทั่งเกิดคดีสำคัญขึ้นในพื้นที่ของ อ.ละอุ่น และข่าวคราวทำให้ประชาชนทั่วไปตกใจ
พ.ต.อ.ปรีชา แสงวรรณ ผกก.ภ.จว.ระนอง จึงได้ออกคำสั่งที่ 71/2527 ลงวันที่ 16 กันยายน 2527 เรื่อง ตั้งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนคดีอาญา และควบคุมคดี ขึ้น
คำสั่งนี้ ได้อ้างรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ จาก ร.ต.อ.สุดใจ ญาณรัตน์ สว.สภ.อ.ละอุ่น ว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2527 นายวันชัย ได้นำเงินไปจ่ายคนงานทำเหมืองแร่ที่ ต.บางพระเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง หลังจากจ่ายเงินให้แก่คนงานเสร็จสิ้นแล้ว ในวันที่ 5 กันยายน 2527 ก็ได้นั่งดื่มสุราอยู่กับพวกคนทำเหมืองแร่ข้างเคียงในกงสีเหมืองของนายวันชัย จนถึงเวลากลางคืน นายวันชัย พร้อมกับ น.ส.สุภาพรรณ ซึ่งเป็นคนรักของนายวันชัย ได้หายไป ทางฝ่ายญาติเที่ยวสืบค้นหาตลอดมาแต่ไม่พบ
จนถึงวันที่ 15 กันยายน 2527 ทางฝ่ายญาติได้พบศพของนายวันชัยถูกคนร้ายฆ่าตายฝังดินอยู่ที่หมู่ที่ 2 ต.บางพระเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง ส่วน น.ส.สุภาพรรณ ได้ติดตามค้นหายังไม่พบ
ต่อมาวันที่ 16 กันยายน 2527 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวนายมาโนช สงเคราะห์, นายประเสริฐ เพียรทอง ผู้ต้องหาได้ 2 คน เหตุเกิดที่ ต.บางพระเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญ คนร้ายกระทำการอย่างอุกอาจ โดยจับตัวนายวันชัยไปฆ่า แล้วนำศพไปฝังดินเพื่ออำพรางคดี พร้อมกับนำตัว น.ส.สุภาพรรณ พาหายไปยังไม่ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ซึ่งเป็นการเขย่าขวัญกระทบกระเทือนความรู้สึกของประชาชนเป็นอย่างมาก เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และการค้นหาตัวผู้สูญหายไปให้ได้ผล พร้อมทั้งสามารถสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่หลบหนีมาดำเนินคดีให้ได้ผล สมความมุ่งหมายของทางราชการ
อาศัยอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยระเบียบการสอบสวนดำเนินคดีอาญา พ.ศ.2523 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2523 ข้อ 2.2 จึงตั้งให้
1. การสืบสวนสอบสวน ตั้งให้
1.1 พ.ต.ท.หวล กลิ่นหอม รอง ผกก.ภ.จว.ระนอง เป็นหัวหน้า
1.2 ร.ต.อ.สุดใจ ญาณรัตน์ สว.สภ.อ.ละอุ่น จ.ระนอง
1.3 ร.ต.ต.ธงชัย สุขสราญ รอง สว.สภ.อ.ละอุ่น จ.ระนอง
1.4 ร.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รอง สวส.สภ.อ.เมือง จ.ระนอง
ร่วมกันทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและการดำเนินการทั้งหลายอื่น เพื่อให้การสอบสวนได้ผล โดยให้ ร.ต.อ.สุดใจ ญาณรัตน์ เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ และให้หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ควบคุม กำกับ ดูแลอย่างใกล้ชิด ให้การดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นเรียบร้อย ได้ส่งสำนวนไปตามระเบียบ
2. การสืบสวนปราบปราม ตั้งให้
2.1 พ.ต.ท.สมโภช สุนทรวร รอง ผกก.ภ.จว.ระนอง เป็นหัวหน้า
2.2 ร.ต.ต.อนุชน ชามาตย์ รอง สวป.สภ.อ.เมืองระนอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุด ศปร. (ศูนย์ป้องกันปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์)
2.3 ร.ต.ต.นิยม อนันตกุล อง สวส.สภ.อ.กระบุรี จ.ระนอง
2.4 ร.ต.ต.เดช เริงนิสัย หน.นปพ.กก.ภ.จว.ระนอง และกำลัง 1 หมู่
2.5 ด.ต.สุรัตน์ สงวนแสง ผบ.หมู่ สภ.อ.ละอุ่น จ.ระนอง
2.6 จ.ส.ต.กระจาย เกิดมีทรัพย์ ผบ.หมู่ สภ.ต.บางพระเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง
2.7 ส.ต.ท.สมชาย ไสลเพชร ผบ.หมู่ สภ.ต.บางพระเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง
ร่วมกันทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่หลบหนี และค้นหาตัวบุคคลที่สูญหายไปให้ได้ผล
3. ให้พนักงานสอบสวนและพนักงานผู้สืบสวน ประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และรายงานผลการสืบสวนสอบสวนให้ผู้กำกับทราบทุกระยะ 7 วัน
ทั้งนี้ ให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2527
หลังจากเกิดเหตุในคดีนี้ พ.ต.อ.ปรีชา ผู้กำกับได้สั่งการให้ทุกคนที่มีรายชื่อไปทำการติดตามค้นหาผู้ที่หายตัวไปแล้ว แต่เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุอยู่บนเขาสูง ถนนเส้นทางที่จะต้องขึ้นเขาไปไม่ราบเรียบ สภาพผิวถนนขรุขระ เป็นโขดหิน มีหลุมและมีร่องน้ำเกิดจากน้ำฝนที่ไหลแรงกัดเซาะ จนสภาพถนนเสียหาย การใช้รถยนต์ขับขึ้นเขาจึงทำได้อย่างช้าๆ ใช้เวลานานนับชั่วโมง
มีการค้นหาทุกพื้นที่ในรัศมีที่คาดเดาว่าจะสามารถตรวจพบได้ จนเวลาผ่านไปหลายวันแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะพบ สถานที่ห่างไกลจากบ้านคน และท่ามกลางป่าเขา บางครั้งทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย เกิดความท้อ
จนกระทั่งวันที่ 15 กันยายน 2527 ญาติของนายวันชัยที่ออกเที่ยวค้นหาทั้งวัน จนหมดแรงจึงนั่งพักบนเนินดินบริเวณที่พอจะมีร่มเงาบ้าง ระหว่างที่พัก ได้สังเกตเห็นเนินดินบริเวณใกล้ที่นั่งพัก มีร่องรอยของการขุด เห็นดินที่กลบอยู่มีบางส่วนของต้นหญ้าโผล่ออกมา แต่ทำไมรากหญ้าโผล่ชี้ขึ้นบน ส่วนใบหญ้ากลับปักอยู่ในดิน เป็นที่ผิดสังเกต
จึงลองใช้ไม้ขุ้ยเขี่ยดินนั้นออกไป และเมื่อลงลึกไม่มากนัก ก็พบเส้นผมบนศีรษะโผล่ออกมา ทุกคนจึงเชื่อว่าต้องเป็นนายวันชัยที่หายไปแน่นอน แล้วเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการขุด ผลคือ เป็นร่างของนายวันชัยที่ถูกฆ่าแล้วนำศพมาฝังเพื่อซ่อนเร้นศพไม่ให้ใครพบเจอ
ผมได้ร่วมกันนำศพของนายวันชัยขึ้นรถแล้วนำลงจากเขาไปยังโรงพยาบาลระนองเพื่อชันสูตรศพกับแพทย์ต่อไป
แต่การลงจากเขาก็ช้ามาก รถต้องค่อยๆ ขยับ และนายวันชัยเสียชีวิตมาหลายวัน จึงมีกลิ่นอย่างรุนแรง ทุกคนต้องทนอยู่ในสภาพแบบนั้นนานเป็นชั่วโมงๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากได้ร่วมกันเร่งสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มคนร้ายได้นำตัว น.ส.สุภาพรรณเดินทางข้ามฝั่งไปยังประเทศพม่า ผ่านไปทาง อ.กระบุรี
เมื่อประสานกับเจ้าหน้าที่ฝั่งพม่า ก็ทราบว่า น.ส.สุภาพรรณอยู่บริเวณใด ด้วยอำนาจของเจ้าหน้าที่พม่า จึงสามารถกดดันกลุ่มคนร้ายปล่อยตัว น.ส.สุภาพรรณออกมาได้
แต่สภาพของ น.ส.สุภาพรรณมีอาการป่วยอย่างหนัก เมื่อได้รับตัว น.ส.สุภาพรรณมาแล้ว จึงถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลระนองทันที พ.ต.อ.ปรีชา แสงวรรณ ได้สั่งการให้ผมไปทำการสอบสวนบันทึกปากคำ น.ส.สุภาพรรณ
เมื่อผมได้เข้าไปพบ น.ส.สุภาพรรณบนเตียงผู้ป่วย มีสภาพที่อ่อนหล้า แทบไม่มีเรี่ยวแรง แต่พอจะให้การได้บ้างว่า มีใครเป็นคนร้ายที่ลงมือฆ่านายวันชัย แล้วนำศพไปฝัง จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้จับตัว น.ส.สุภาพรรณ พาข้ามฝั่งไปประเทศพม่า
ระหว่างที่พักแรมในป่า กลุ่มคนร้ายได้ข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.สุภาพรรณตลอด ผมเห็นว่า น.ส.สุภาพรรณเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าและรูปร่างงดงามคนหนึ่ง
เมื่อซักไปได้จนพอจะรู้ว่าคนร้ายมีใครบ้าง น.ส.สุภาพรรณแสดงความต้องการพักผ่อนและพูดต่อไม่ไหว ผมจึงได้หยุดซักถาม และไม่สามารถบันทึกปากคำได้
เวลานั้นผมมั่นใจว่า น.ส.สุภาพรรณ เมื่อมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ใกล้ชิดแพทย์และพยาบาลแล้ว คงจะปลอดภัย และน่าจะหายป่วยในไม่ช้า เมื่ออาการดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ผมจะรีบมาสอบปากคำทันที
ในระหว่างนั้น ผมได้ร่วมกับ ร.ต.อ.สุดใจ สว.สภ.อ.ละอุ่น นำตัวผู้ต้องหาที่จับกุมตัวได้ ไปชี้บริเวณกงสี ที่มีการดื่มสุรากับนายวันชัยผู้ตาย และทำสำนวนการสอบสวนให้ครบถ้วน เพื่อรอเวลาไปสอบปากคำ น.ส.สุภาพรรณ
แต่เพียงแค่ระยะเวลาผ่านไป 2 วัน อาการของ น.ส.สุภาพรรณกลับทรุดหนัก จนหมดสติ อยู่ในอาการโคม่า ให้การอะไรไม่ได้แล้ว จน น.ส.สุภาพรรณเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เนื่องจากป่วยด้วยไข้มาลาเรีย และยังติดเชื้อซิฟิลิสจากคนร้ายอีก
เมื่อผมทราบข่าวการเสียชีวิตของ น.ส.สุภาพรรณ ซึ่งเป็นพยานสำคัญในคดีนี้ รู้สึกตกใจและช็อกทันที และอยากรู้สาเหตุของการเสียชีวิต ซึ่งคำตอบก็ดังที่ผมบอกไป
ผมได้รายงานให้ผู้กำกับทราบว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ซึ่งคงหมดหนทางที่พอจะทำให้คดีมีน้ำหนักพยาน จนศาลพิพากษาลงโทษผู้ต้องหาได้ หากเมื่อ 40 ปีที่แล้วมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเช่นปัจจุบัน ก็จะสามารถบันทึกคลิปวิดีโอได้ทันที เป็นคดีที่สร้างความผิดหวัง และเสียใจที่สูญเสียพยานที่ผมไปพบ
เป็นบทเรียนของความผิดพลาดในการดำเนินคดีสำคัญๆ แม้ในเวลาต่อมาผมได้เป็นพยานศาลในคดีนี้ก็ตาม แต่ผลคดีไม่เป็นดังใจเพราะติดตามจับกุมคนร้ายสำคัญไม่ได้
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022