ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 สิงหาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ก่อสร้างและที่ดิน |
เผยแพร่ |
เวลานี้ถ้าเดินสำรวจตลาดสอบถามแม่ค้าพ่อขาย ไปจนถึงสุ่มสำรวจข้อมูลความเห็นจากนักธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ได้รับผลออกมาตรงกันว่า ยอดขายแย่ กำลังซื้อตก
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้น ยังไม่ปรากฏเป็นตัวเลขใดๆ ให้อ้างอิง จึงต้องใช้การเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ได้แก่ วิกฤตโควิด-19 ระบาด, วิกฤตอัตราแลกเปลี่ยน 2540
วิกฤตโควิดปี 2563-2564 ทุกคนยังจำได้ดี เพราะเพิ่งผ่านมาหมาดๆ ส่วนใหญ่มีความเห็นทิศทางเดียวกันว่า สถานการณ์ขณะนี้เปรียบเทียบกันแล้ว แย่กว่าช่วงวิกฤตโควิด-19 แพร่ระบาด
สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม หมายถึงจำนวนลูกค้าเยี่ยมชมโครงการ ลูกค้าจองซื้อ และลูกค้าโอน ลดลงมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบ
เมื่อตอนโควิดแพร่ระบาดแรกๆ ประชาชนผู้ซื้อมีความตื่นตระหนก วิตกกังวล ส่วนภาคธุรกิจบ้าน คอนโดฯ มีความยากในการจัดทำแคมเปญการตลาด เพราะคนไม่ออกจากบ้าน และบางช่วงก็มีการล็อกดาวน์ห้ามคนออกจากบ้าน
แต่ผ่านไปสัก 6 เดือนก็ปรับตัวกันได้ คนมีที่ต้องการซื้อบ้านก็ไปเยี่ยมชมโครงการ แคมเปญการตลาดบ้าน คอนโดฯ ก็ได้รับการตอบรับพอสมควร
สรุปว่าช่วงโควิด-19 ระบาด 2563-2564 นั้น กำลังซื้อของตลาดยังมี การปฏิเสธปล่อยกู้สินเชื่อรายย่อยเพื่อซื้อบ้านยังไม่สูงมาก อุปสรรคคือความไม่สะดวกในการออกจากบ้านไปเยี่ยมชมโครงการที่สนใจ ซึ่งเห็นได้ชัดจากสถิติการเข้าดูโครงการบ้าน คอนโดฯ ในเว็บไซต์ที่เป็นมาร์เก็ตเพลสสำคัญๆ ของตลาด ไม่เพียงแต่ไม่ลดลง หากยังเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
แถมยังมีปรากฏการณ์เกิดกลุ่มกำลังซื้อใหม่ โดยตั้งแต่ประมาณเดือนเมษายน 2563 พบว่ามีการค้นหาบ้านโครงการระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปมากกว่าสถิติปีก่อนๆ หน้านั้น ถึงประมาณกลางปีเดียวกัน ก็ทราบว่ามีการจองซื้อบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาค
และเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกได้ว่า “บูม” อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในตลาดธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยมีลูกค้าใช้บริการธุรกิจรับสร้างบ้านระดับราคาสูงมาก ตั้งแต่หลายสิบล้านจนถึง 100 ล้านบาท
เป็นจำนวนมาก ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด
ต่างกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่มีการแพร่ระบาดโรคใดๆ ให้วิตกกังวล มีแต่การปิดโรงงานเลิกจ้างที่เป็นข่าวต่อเนื่อง มีกิจการบางประเภทที่ประกาศให้ลาออกโดยสมัครใจ ทำให้เกิดความวิตกกังวลกับพนักงานคนทำงานอยู่บ้าง
และที่วิตกมากเป็นพิเศษคือธนาคาร ทำให้มีการตรวจสอบละเอียดผู้ยื่นกู้สินเชื่อบ้านถึงระดับทำงานกับบริษัทอะไร
ส่วนวิกฤตค่าเงินบาทปี 2540 นั้น ค่าเงินบาทถูกลดจาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ ลงไปเป็นประมาณ 50 บาทต่อดอลลาร์ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเสียหาย คือธุรกิจที่กู้เงินดอลลาร์เข้ามา อันดับแรกเลย ได้แก่ สถาบันการเงิน ทำให้มีการปิดสถาบันการเงินจำนวนมาก ถัดมาเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจที่ใช้เงินทุนสูง
อย่างไรก็ตาม วิกฤต 2540 ยังมีผู้ได้รับประโยชน์ คือ ธุรกิจส่งออกสินค้า อาทิ ผู้ส่งออกสินค้าเกษตร ผู้ส่งออกอาหารทะเล ผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ ต่างร่ำรวยมั่งคั่งไปตามๆ กัน
วิกฤตปี 2540 ผ่านไปนานแล้ว วิกฤตโควิด-19 เพิ่งผ่านไปไม่นาน ส่วนล่าสุดที่เริ่มเรียกกันว่าวิกฤต “ต้มกบ” นั้นสะสมเหตุมานาน แต่เพิ่งแสดงผลกระทบให้เห็นชัดเจน กำลังซื้อทั้งตลาดอ่อนแรงลงแทบฉับพลัน กัดกร่อนจากตลาดล่างขึ้นกลางและลามขึ้นบนเป็นลำดับ
ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร ยังไม่มีการชี้ชัด แต่รู้สึกคล้ายๆ กันว่า น่าจะอยู่กับเรานาน •
ก่อสร้างและที่ดิน | นาย ต.
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022