ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 สิงหาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | เรื่องสั้น |
เผยแพร่ |
ซากีฟ ฮะซิน (ซากีฟผู้งดงาม) | บัณฑิต วิทยาพัฒนานันทน์
ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด
ซากีฟ ซุฮ์เราะห์ กำลังยืนเฝ้ามองรถราและผู้คนที่สัญจรพลุกพล่านบริเวณสี่แยกราชประสงค์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขารู้ดีว่าย่านนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองหลวง ด้วยแทบทุกมุมถนนจะประดิษฐานเทพฮินดูให้ผู้คนมาสักการบูชาเนืองแน่นไม่ขาดสาย จนได้ชื่อว่าสี่แยกแห่งเทพเจ้า ย้อนกลับไปเก้าปีก่อน เกิดเหตุระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก นับเป็นโศกนาฏกรรมก่อความไม่สงบที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของคนไทย
ชายมลายูมุสลิมวัยยี่สิบแปดปีในเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงสแล็กส์หยุดคิดถึงอดีตแล้วทำทีท่าผ่อนคลายเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตา หากความวิตกของเขาค่อยคลายลงเนื่องจากผู้คนต่างก้มหน้าเดินอย่างไม่ใส่ใจใคร ชายหนุ่มสังเกตว่าแถวนั้นแทบจะไม่มีตำรวจคอยตรวจตราความสงบเรียบร้อยจนเขาโล่งอก เหตุร้ายที่เคยเกิดขึ้นคงผ่านมานานจนทำให้เจ้าหน้าที่ไม่รอบคอบพอจะนึกว่าเหตุการณ์อาจซ้ำรอยเดิมอีก
ซากีฟแหงนหน้าขึ้นมองผืนฟ้าสีคราม แสงจากดวงอาทิตย์สาดเปลวไปทั่วหัวระแหง ท่ามกลางความร้อนอบอ้าวและควันเสียจากยวดยาน เหงื่อเม็ดโป้งไหลลงจากหน้าผากแล้วหยุดเกาะตรงปลายจมูกคมสัน พลันความคิดกระหวัดไปถึงครอบครัว ในชีวิตแสนอาภัพนี้ นอกจากอัลลอฮ์แล้วสิ่งหล่อเลี้ยงจิตใจให้ยืนหยัดต่อความยากลำเค็ญมีเพียงนาดียะห์ผู้เป็นมารดา และฟารีฮานกับฟาอิซะห์น้องสาวสองคนเท่านั้น
จะว่าไปแล้วผู้ชายในตระกูลของซากีฟต้องมีอันเป็นไปก่อนวัยอันสมควรราวถูกสาป ปู่ทวดเสียชีวิตจากสงครามที่ตำบลดุซงญอโดยทางการได้ปราบปรามชาวบ้านและจับกุม หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ ด้วยข้อหากบฏ ทิ้งย่าทวดที่ให้กำเนิดอาริฟผู้เป็นปู่ยังไม่ถึงปีต้องเป็นม่ายและต่อสู้ความยากลำบากลำพัง พออายุได้ยี่สิบปีปู่ของเขาซึ่งเป็นสัปปุรุษประจำมัสยิดได้จากไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุ สามสิบสี่ปีต่อมาเกิดเหตุร้ายซ้ำอีกครั้งโดยพ่อของเขาซึ่งเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี ถูกลอบสังหารโดยกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงที่ได้รับการหนุนหลังจากอัลกออิดะห์ เคราะห์เดิมยังไม่ทันจาง ถัดจากนั้นเพียงสองปี หัตถ์แห่งความโหดร้ายก็ยื่นมาพรากชีวิตยูชะอ์พี่ชายของเขาขณะถูกเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ ส่งผลให้ซากีฟในวัยแปดปีต้องทำหน้าที่เสมือนหัวหน้าครอบครัวช่วยมารดาทำงานสารพัดอย่าง เลี้ยงดูย่าพิการและน้องๆ อีกสองชีวิต
จนไม่มีเวลาไปโรงเรียนสอนศาสนาเช่นเพื่อนคนอื่น
ชายจากนราธิวาสสลัดความทรงจำอันแสนเจ็บปวดทิ้งแล้วลูบเข็มขัดระเบิดที่พันด้วยเทปแน่นหนาไว้รอบหน้าท้อง ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาตงิด น้ำลายเหนียวจนฝืดคอ เขาเดินลากขาข้างที่บาดเจ็บจากเหตุความไม่สงบในบ้านเกิด ปะปนไปกับฝูงชนเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต พลันโสตประสาทแว่วยินเสียงของนาดียะห์เรียกชื่อตนมาจากที่ไหนสักแห่งจนต้องหันรีหันขวาง มันอาจเป็นเพียงอุปาทานของคนที่รู้ว่ากำลังจะตาย ซากีฟจึงบอกตัวเองว่าอย่ากังวลในเมื่อเขาถูกเลือกให้เป็นมรณสักขีและผ่านพิธีการก่อนปฏิบัติชะฮีดครั้งนี้มาอย่างดีแล้ว วีรกรรมของเขาจะได้รับการตอบแทนสูงสุดจากพระเจ้า และบรรดามุญาฮิดีนจะจารึกชื่อตนดั่งวีรชนยกย่องชั่วนิรันดร์ ชายหนุ่มยังมีเวลาเหลืออีกสองชั่วโมงที่จะจุดชนวนระเบิด ทว่า หัวใจกลับเต้นแรงจนไม่อาจแยกได้ว่าเป็นเพราะปีติหรือหวาดหวั่นกันแน่
ขณะกำลังเดินผ่านห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง ซากีฟเหลือบไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงกำลังนั่งกินไอศกรีมพูดคุยกันอย่างออกรส ทำให้หวนนึกถึงชีวิตของตนในวัยเดียวกันด้วยความสะท้อนใจ ชายหนุ่มต้องทำงานหาเงินตั้งแต่ยังไม่จบชั้นประถม เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้เรียนในปอเนาะเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่หาเท่าไรดูเหมือนไม่พอต่อห้าชีวิตสักที แสงอาทิตย์ยังไม่ทันแตะขอบฟ้าเมื่อสองแม่ลูกพากันไปกรีดยางพาราในสวนที่เป็นมรดกตกทอดเพียงสิ่งเดียว กระทั่งแดดแรงร้อนเหงื่อโซมกายจึงได้เวลากลับบ้าน นาดียะห์จะเริ่มต้นหุงหาอาหารและตัวเขาเป็นคนเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผู้เป็นย่าที่นอนติดเตียงมานานหลายปี กระทั่งบ่ายมารดาจึงออกไปทอผ้าลายดอกที่กลุ่มศิลปาชีพบ้านตอหลัง ส่วนซากีฟมีหน้าที่รับจ้างเก็บผลมะเดื่อในสวนของญาติห่างๆ ได้ค่าจ้างวันละสองร้อยบาท พอตะวันลับฟ้า สองชีวิตจึงได้พบหน้ากันอีกครั้ง
เสียงตะโกนด่าทอกันระหว่างไรเดอร์กับแท็กซี่เรียกซากีฟให้รู้สึกตัวจากภวังค์ ตอนนี้ชายหนุ่มอยากจะหาที่ลับตาคนเพื่อสวดมนต์ให้จิตใจสงบลง บรรยากาศรอบตัวช่างสับสนวุ่นวาย พลอยทำให้เส้นประสาทเขม็งเกลียว เขามองดูนาฬิกาข้อมือจึงรู้ว่าเป็นเวลาจวนเที่ยงแล้ว ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างทยอยเข้าร้านอาหารทั้งสองฟากถนนจนแน่นขนัด ซากีฟกดหน้าท้องของตนทันที หากเสี้ยวหนึ่งของสติรั้งมือไม่ให้ดึงสายชนวนอย่างใจนึก แม้ชายหนุ่มเคยเห็นชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาดเจ็บล้มตายจากการก่อความไม่สงบจนชาชิน กระนั้นจิตใจของเขากลับมิได้ซึมซับเอาความเหี้ยมโหดมาเก็บไว้จนไม่รู้สึกรู้สาต่อความตายของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ในใจของซากีฟ มโนธรรมกับภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์กำลังต่อสู้กันอย่างหน่วงหนัก ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบสาวเท้าเข้าไปซ่อนตัวใต้ร่มเงาของอาคารใกล้เคียง โชคยังดีที่ไม่มีใครสังเกตถึงอาการลนลานของเขา
ซากีฟหลับตารวบรวมสติให้เข้ารูปเข้ารอย ถ้านี่คือประสงค์ของอัลลอฮ์ เขาจะได้รับพรให้ทุกอย่างสำเร็จด้วยดี
เมื่อความแร้นแค้นบีบบังคับให้หมดทางสู้ ซากีฟในวัยหนุ่มจึงตัดสินใจเดินทางไปยังอินโดนีเซียเพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกของเจมาอาห์ อันชารุต เดาเลาะห์ ชายหนุ่มได้รับการติดต่อผ่านอซาดุลเลาะห์สหายคนหนึ่งที่มีตำแหน่งสำคัญในเครือข่ายของอามัน อับดูร์ราห์มาน ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่ม เพื่อนของเขาหว่านล้อมด้วยการให้สัญญาแน่นหนักว่าเจเอดีต้องการสมาชิกเป็นจำนวนมากหลังจากถูกทางการปราบปรามอย่างหนัก หากเขาเข้าร่วมกลุ่มและปฏิบัติภารกิจสำเร็จจะได้ค่าจ้างอย่างงาม เมื่อเดินทางไปถึงฐานลับ ซากีฟต้องเข้าพิธีสวามิภักดิ์ต่อเจเอดีจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ชายหนุ่มใช้ชีวิตร่วมกับนักรบรับจ้างจากทุกมุมโลก เขาปฏิบัติตัวให้กลมกลืนเข้ากับสมาชิกทุกคน กลบเกลื่อนเจตนาที่แท้จริงไว้ใต้สีหน้าและท่าทางเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นที่จะปลดปล่อยมุสลิมให้เป็นอิสระและสถาปานารัฐอิสลามในอุษาคเนย์ มีหลายครั้งที่ชายหนุ่มถอดใจไม่อยากฝึกฝนการก่อการร้ายด้วยมโนธรรมคอยเหนี่ยวรั้งให้ตระหนักถึงความผิดชอบชั่วดี หากต้องยอมแพ้เมื่อนึกถึงคนในครอบครัวที่อยู่อย่างยากลำบาก จำทนออกปฏิบัติการจริงสามปีเขาจึงผ่านการรับรองเป็นสมาชิกแถวหน้าได้รับค่าตอบแทนจำนวนสูงลิ่ว ซากีฟจึงตัดสินใจกลับสู่นราธิวาส ทิ้งมายาอุดมการณ์ หยดเลือดและคราบน้ำตาของผู้สูญเสียไว้เบื้องหลัง
ซากีฟจดจำถึงรอยยิ้มเปี่ยมสุขบนดวงหน้าภายใต้ฮิญาบของมารดาและน้องสาวหลังกลับคืนบ้านเกิดได้จนบัดนี้ แม่ของเขาปล่อยน้ำตารินไหลเป็นสายด้วยความรักและห่วงใย พลางสวมกอดลูบหน้าลูบหลังเขาเหมือนยังเป็นเด็ก ชายหนุ่มใช้เงินเปลี่ยนบ้านไม้หลังคาสังกะสีจวนผุพังให้เป็นบ้านก่ออิฐถือปูน พรั่งพร้อมด้วยเครื่องอำนายความสะดวก เขาซื้อรถเก๋งและกระบะอย่างละคันสำหรับพาผู้เป็นย่าไปรักษาที่โรงพยาบาลและขนน้ำยางพาราไปขายในตัวเมือง ความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวดีขึ้นชนิดพลิกฝ่ามือ นาดียะห์ยังทอผ้าเช่นเดิม หากไม่ต้องรับจ้างทำงานตัวเป็นเกลียวเหมือนก่อน ชายหนุ่มส่งเสียฟารีฮานกับฟาอิซะห์เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยเอกชนทัดเทียมลูกคนมีฐานะ น้องสาวทั้งสองต่างเทิดทูนบูชาพี่ชายประดุจมลาอิกะฮ์หรือทูตสวรรค์ ซากีฟยังให้ซะกาตฟิฏเราะห์แก่ผู้ยากไร้ทุกเดือนรอมฎอนและบริจาคเงินจำนวนไม่น้อยให้มัสยิดสร้างศูนย์อัลกุรอานอย่างไม่เสียดายเงิน เพียรทำความดีอย่างที่มุสลิมคนหนึ่งพึงทำ เพียงเวลาไม่ถึงปีชายหนุ่มจึงกลายเป็นคนสำคัญของชุมชนโดยปริยาย ไม่ว่าเขาจะปรากฏตัวที่ไหน ชาวบ้านจะเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มเลื่อมใส ผู้นำชุมชนต่างต้อนรับขับสู้อย่างดีไม่ต่างจากบุคคลสำคัญ เด็กๆ ยกมือไหว้ให้ความเคารพชายหนุ่มทุกครั้งที่เจอหน้า
ทุกอย่างดูเหมือนเป็นไปด้วยดี หากความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นผิดหูผิดตาไม่อาจรอดพ้นจากความสงสัยของทางการไปได้
ซากีฟถอนความคิดออกจากอดีตแล้วมองดูเวลาอีกครั้ง เหลืออีกสิบนาทีจะบ่ายโมง ผู้คนยังเดินขวักไขว่กันหนาตา หากชายหนุ่มยังไม่ลงมือปฏิบัติการ อซาดุลเลาะห์จะต้องผิดสังเกตเพราะหากไม่มีข่าวเกี่ยวกับระเบิดพลีชีพปรากฏบนสื่อใดๆ หลังบ่ายโมง เขาจะกลายเป็นผู้ทรยศทันทีและจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่ม ชื่อของเขาจะถูกลบออกจากการเป็นมุญาฮิดฝ่ายหน้า นั่นอาจรวมถึงชีวิตของเขาด้วย ส่วนสิ่งเลวร้ายที่สุดคือแม่และน้องสาวอาจตกอยู่ในอันตราย แม้ซากีฟได้รับการรับรองเป็นมั่นเหมาะแล้วว่าหากเขาทำหน้าที่ไม่สำเร็จจะไม่มีการนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษ แต่คำกล่าวที่ว่า ไม่มีสัจจะในหมู่โจร นั้นเป็นจริงเสมอ
แสงแดดแผดกล้าแรงขึ้นจนเหงื่อซึมเต็มแผ่นหลังของซากีฟ อันที่จริงชายหนุ่มควรมีความกล้าหาญและเต็มตื้นด้วยปีติยินดีมากกว่านี้เพราะการถูกเลือกให้เป็นมรณสักขีย่อมหมายถึงเกียรติยศอันสูงสุดของผู้รับใช้อัลลอฮ์ เขาขยับเสื้อตัวนอกให้กระชับพร้อมแตะผ้าปักชะฮาดะฮ์ในกระเป๋าเสื้อเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ เป็นเวลาเดียวกับที่ตำรวจนายหนึ่งขี่รถสายตรวจตรงมายังที่เขายืนอยู่ ด้วยสัญชาตญาณ ซากีฟรีบเสหน้ามองไปทางอื่นแล้วหันหลังเดิน
ขณะที่รถสายตรวจคันนั้นวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
วันหนึ่งในฤดูร้อนที่แสนอบอ้าว ฟ้าหอบเอาลมฝนจากอ่าวไทยโปรยปรายสู่ผืนดินตั้งแต่เช้ามืด พอตกสายจึงขาดเม็ด เหลือเพียงละอองฝอยเย็นชื้นในอากาศ ซากีฟเพิ่งกลับจากการกรีดยางและนาดียะห์กำลังทำงานบ้านง่วนอยู่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและปกครองได้ปรากฏตัวขึ้นในบ้านอย่างไม่มีการบอกล่วงหน้าและปราศจากเอกสารจากทางการ นาดียะห์มีสีหน้าตกใจก่อนปรับให้เป็นปกติแล้วนำน้ำชามารับรองแขก ส่วนซากีฟต้อนรับทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่แสดงพิรุธให้สงสัย
ตำรวจนายแรกแจ้งถึงจุดประสงค์ของการมาเยือนอย่างไม่เสียเวลาอ้อมค้อมว่าพวกเขาได้รับข้อมูลจากหน่วยงานในพื้นที่ถึงความร่ำรวยผิดปกติของเขา ตำรวจอีกคนเสริมว่าพวกตนจำเป็นต้องตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของเงินดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ ผู้มาเยือนต่างมีท่าทางเคร่งเครียด ดวงตาปรากฏแววสำรวจตรวจตราอย่างเปิดเผย
หากซากีฟไม่วิตกทุกข์ร้อนเนื่องจากเขายังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาและชินชากับการถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในฐานะทายาทของผู้ที่เคยร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น การซักถามที่ไม่ต่างอะไรกับการถูกสอบสวนกินเวลาหลายชั่วโมง ชายหนุ่มให้ความร่วมมือชี้แจงถึงเส้นทางการเงินที่ได้รับอย่างเปิดเผยถูกต้อง กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้รับคำตอบจนหมดข้อสงสัยจึงพากันกลับไป
ซากีฟอดคิดไม่ได้ว่าหากเขาเกิดเป็นลูกชาวบ้านธรรมดาคงไม่ต้องประสบกับการเลือกปฏิบัติโดยอ้างถึงความถูกต้องทางนิตินัยของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง รวมทั้งพี่น้องมุสลิมชายแดนใต้ที่ไม่พอใจรัฐไทยจากการนำกฎหมายพิเศษบังคับควบคุมพวกเขาแทนการยินยอมให้ใช้ชีวิตภายใต้ชะรีอะฮ์อันเป็นชนวนให้ชาวมาลายูปาตานีบางส่วนต่อต้านขัดขืนรัฐ
เบื้องหน้าห่างออกไปราวสิบเมตรมีทางเลี้ยวเข้าไปในร้านกาแฟ ซากีฟตัดสินใจเดินเข้าไปในนั้น ชายหนุ่มถอนใจโล่งอกที่ตำรวจขี่รถผ่านไปไม่ติดตามเขาอย่างที่ระแวง เกือบบ่ายโมงเข้าไปทุกที ชายหนุ่มยิ่งกระวนกระวายหนักขึ้นจึงอธิษฐาน ในนามของอัลลอฮ์โปรดประทานความหนักแน่นให้ข้าพระองค์ปฏิบัติชะฮีดลุล่วงด้วยดี พนักงานชงกาแฟสังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของเขาจึงถามว่าต้องการสั่งกาแฟหรือเปล่า ซากีฟสะดุ้งน้อยๆ ก่อนสั่งเอสเปรสโซเย็นหนึ่งแก้วแล้วรีบเดินออกมา
ข้างนอกยังเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว พวกเขาจะรู้ไหมว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะเกิดเหตุระเบิดพลีชีพครั้งแรกในประเทศไทย หรือที่คัฟฟาร์คนนอกศาสนาประณามว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ชายติดอาวุธสะกดความว้าวุ่นด้วยหวนนึกถึงพิธีการกล่าวอำลา สวดสรรเสริญพระเจ้า การชำระร่างกายให้สะอาดบริสุทธิ์ก่อนทำภารกิจ ตลอดจนการบันทึกภาพและวิดีโอเพื่อเป็นแบบอย่างแก่สมาชิกและเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตให้ผู้ศรัทธาหันมาสนับสนุนทุนแก่เจอาดี ซากีฟยืนยันหนักแน่นต่อหน้าสักขีพยานแล้วว่าเขายินดีสละชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อ ดังนั้น เขาควรปฏิบัติการลับให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
จนแล้วจนรอดมือเจ้ากรรมกลับแข็งขืนไม่ยอมให้ชายหนุ่มกระทำภารกิจสำเร็จสักที
ความสับสนเริ่มเข้าครอบครองสติ เหงื่อพระกาฬไหลซึมกาย แม้จะได้กินอาหารมื้อสุดท้ายอย่างเต็มที่ หากเวลานี้เขากลับหิวจนตาลาย ซากีฟคิดว่าไหนๆ ก็เลยเวลาบ่ายโมงแล้วควรหาอะไรกินก่อนตายจะดีกว่า จึงตัดสินใจเดินตรงไปยังร้านอาหารริมทาง
ชายหนุ่มมัวแต่ก้มมองพื้นจึงไม่ทันเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่แล่นมาตามทางเท้าด้วยความเร็ว เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาจึงถูกชนจนล้มกลิ้งไปบนพื้น ชายที่ฝ่าฝืนกฎหมายรีบขี่รถจากไปไม่ยอมแม้แต่จะหันมามอง คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันเดินเข้ามาถามไถ่อาการของซากีฟ
ชายหญิงคู่หนึ่งรีบเข้ามาช่วยพยุงชายหนุ่มให้ยืนขึ้นแล้วต้องตกใจเนื่องจากหัวคิ้วของเขาแตกจนเลือดไหลออกมา เด็กสาวอายุไล่เลี่ยกับฟารีฮานเอื้อเฟื้อด้วยการส่งผ้าเช็ดหน้าให้ซับเลือด ชายสูงวัยคนหนึ่งอาสาเรียกรถฉุกเฉินให้อย่างมีน้ำใจ หากซากีฟรีบปฏิเสธพร้อมบอกว่าตนไม่เป็นอะไรมาก ผู้คนที่ไม่ล่วงรู้ว่าเขาคือผู้ก่อการร้าย ต่างแสดงน้ำใจต่อตนจนต้องรีบกล่าวขอบคุณด้วยความตื้นตัน
ซากีฟค่อยคลายใจที่ผู้คนต่างพากันแยกย้ายจากไปหลังรู้ว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
ในวันที่ซากีฟอายุได้สิบห้าปีบริบูรณ์ ชายหนุ่มจดจำได้ว่าวันนั้นเขาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์โดยมีลุงเป็นคนขี่พาไปยังที่ว่าการอำเภอตากใบตั้งแต่เช้า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงตั้งด่านตรวจบนถนนหลายจุดจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวบ้าน เมื่อไปถึงอำเภอ เจ้าพนักงานสาวมุสลิมะฮ์ให้บริการด้วยรอยยิ้มแย้มเป็นมิตรชี้แจงให้ซากีฟเขียนคำร้อง ยื่นหลักฐานที่จำเป็นและทำการถ่ายรูป ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงจึงได้บัตรประจำตัวประชาชนใบแรกในชีวิต เปลี่ยนสถานะจากเด็กชายเป็น นายซากีฟ ซุฮ์เราะห์ เต็มตัว
หลังเสร็จธุระ ผู้เป็นลุงได้แวะตลาดที่อยู่ห่างจากอำเภอไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร บอกกับหลานชายว่าจะหาซื้อของไปทำอาหารเพื่อฉลองที่เขาเป็นหนุ่มเสียที ซากีฟที่ตื่นเต้นกับการได้รับบัตรยืนยันถึงการเป็นประชาชนคนไทยเต็มขั้น เดินดูข้าวของจนเพลิน พลันเกิดแสงสว่างเจิดจ้าพร้อมเสียงระเบิดดังกัมปนาทขึ้น แรงระเบิดทำให้ร่างของซากีฟลอยลิ่วไปตกกลางถนน เสียงหวีดร้องด้วยความตื่นตกใจและเสียงครวญครางบอกความเจ็บปวดดังระงมราวตกอยู่ในฝันร้าย หนุ่มน้อยพยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง สะเก็ดระเบิดฝังในขาจนเลือดไหลชุ่มโชก เขาร้องตะโกนเรียกชื่อลุงอย่างขวัญเสีย
ก่อนอนุสติจะเลือนดับ ซากีฟเห็นทหารตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมีสีหน้าวิตกห่วงใยต่างช่วยกันปฐมพยาบาลทำแผลให้ตนก่อนนำขึ้นรถฉุกเฉินที่ทยอยนำผู้ประสบเหตุลอบวางระเบิดไปรักษายังโรงพยาบาลใกล้เคียง
ซากีฟไม่เคยลืมเลือนน้ำใจของเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งนั้น
ความละอายแทรกซึมเข้ามาในใจอย่างสุดระงับ ชายหนุ่มนั่งกินอาหารเงียบๆ น้ำตาพาลไหลหยดจนต้องใช้แขนเสื้อซับ เขายกน้ำขึ้นดื่มก่อนรวบช้อน จ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้าน ตอนนี้บ่ายสองโมงแล้ว หากใจกลับสงบไร้ความวิตกทุกข์ร้อนเหมือนหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
ซากีฟมองดูฝูงชนตลอดจนรถราที่คลาคล่ำบนถนนด้วยแววตาเรียบเฉย
เขาตัดสินใจดีแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“และหากพวกเจ้าจะนับความโปรดปรานของอัลลอฮ์ พวกเจ้าก็ไม่สามารถจะคำนวณมันได้ แท้จริงอัลลอฮ์นั้น เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาอย่างแน่นอน” •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022