ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 สิงหาคม 2567 |
---|---|
ผู้เขียน | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ |
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
https://www.facebook.com/sirote.klampaiboon/
เชือดเศรษฐา
สู่อภิมหาโกลาหลทางการเมือง
ในที่สุดคุณเศรษฐา ทวีสิน ก็พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ไปแบบเกินความคาดหมายของทุกคน
ชะตาขาดที่ถูกมองว่าเหมือนโดนรัฐประหารเช่นเดียวกับนายกฯ จากฝ่ายคุณทักษิณ ชินวัตร ทุกคนด้วย ถึงแม้คุณเศรษฐาจะเป็นนายกฯ ในสถานการณ์ที่คุณทักษิณดีลกับผู้มีอำนาจได้กว่าในอดีตก็ตาม
ย้อนไปในไม่กี่ชั่วโมงก่อนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ “แหล่งข่าว” คนหนึ่งบอกว่า “โผ” ของคำวินิจฉัยนั้นพลิกไปพลิกมาตลอดคืนจนหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลาแถลง แนวโน้มที่คุณเศรษฐาจะหลุดจากตำแหน่งนายกฯ อยู่ที่ 5:4 แต่ต่อมาพลิกเป็นมีโอกาสรอดก่อนจะจบแบบ 5:4 ตาม “โผ” จริงๆ
สำหรับคนที่อยากรู้ว่า “แหล่งข่าว” คนนี้เป็นใคร คำตอบที่คนทำสื่อทุกคนต้องตอบเวลาถูกถามแบบนี้คือตอบไม่ได้ และไม่ใช่เรื่องที่คนทำสื่อต้องตอบเพื่อรักษาความลับของแหล่งข่าวไว้ตามสมควร
นอกจากคุณเศรษฐาจะพ้นจากตำแหน่งนายกฯ แบบที่แทบไม่มีใครคาดคิดเลย คณะรัฐมนตรีทั้งคณะก็หลุดจากตำแหน่งไปพร้อมกับคุณเศรษฐาด้วย ผลก็คือ คุณภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรองนายกฯ รักษาการ ส่วนคณะรัฐมนตรีก็เป็น ครม.รักษาการที่มีอำนาจน้อยมากจนแทบสั่งการใครหรือทำอะไรไม่ได้เลย
ด้วยคำตัดสินที่ประหารคุณเศรษฐาและรัฐบาลทั้งคณะ สภาผู้แทนราษฎรย่อมมีหน้าที่ประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯ จากนั้นนายกฯ คนใหม่ก็มีหน้าที่ตั้งคณะรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลที่สนับสนุนนายกฯ หรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นกระบวนการแบบที่สภาเคยโหวตคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และคุณเศรษฐาอย่างที่ผ่านมา
เมื่อคำนึงถึงคำวินิจฉัยที่ระบุว่าคุณเศรษฐาผิดจริยธรรมและหมดคุณสมบัติเป็นนายกฯ โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอคุณเศรษฐาเป็นนายกฯ จึงไม่มีอีก
การเมืองวันนี้จึงเป็นการเซ็ตซีโร่ที่แคนดิเดตนายกฯ ทุกคนมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ คุณแพทองธาร ชินวัตร หรือคุณอนุทิน ชาญวีรกูล
ต่อให้จะมีการดิ้นให้คุณเศรษฐาเป็นนายกฯ อีกรอบ ความเป็นไปได้ที่คุณเศรษฐาจะถูกเลือกก็มีน้อยมาก เพราะคุณเศรษฐามีคดีแต่งตั้งคุณพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีคาอยู่ที่ ป.ป.ช. และมีโอกาสที่ ป.ป.ช.จะวินิจฉัยคุณเศรษฐาว่าผิดจริยธรรมตามศาลรัฐธรรมนูญจนคดีไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง
พูดให้เห็นภาพง่ายๆ คุณเศรษฐามีความเสี่ยงที่จะเจอคดีเหมือนคุณพรรณิการ์ วานิช, คุณปารีณา ไกรคุปต์ และ 44 ส.ส.พรรคก้าวไกลที่ลงชื่อแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112
ส่วนคุณเศรษฐาจะมีจุดจบแบบไหนก็เป็นอนาคตที่ต้องสู้คดีกันต่อไปเหมือนคุณพรรณิการ์, คุณปารีณา และกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล
ถ้าการเมืองไทยมีกติกาแบบโลกสากล คำวินิจฉัยของศาลที่ให้นายกฯ หลุดจากตำแหน่งเพราะขาดคุณสมบัติย่อมนำมาซึ่งโอกาสที่ฝ่ายค้านจะเป็นนายกฯ แต่ในเมื่อศาลได้ยุบพรรคชนะอันดับหนึ่งอย่างก้าวไกลและตัดสิทธิทางการเมืองของคุณพิธาไปแล้ว การที่ฝ่ายค้านจะตั้งรัฐบาลจึงไม่มีเลย
ด้วยเงื่อนไขที่พรรคแพ้เลือกตั้งอย่างเพื่อไทยคือพรรคอันดับหนึ่งฝ่ายรัฐบาล “อำนาจ” ในการรวมเสียงข้างมากจึงอยู่ที่ฝ่ายเพื่อไทยมากที่สุด ความเป็นไปได้ที่เพื่อไทยจะ “ข้ามขั้ว” มาตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาชนนั้นไม่มีอยู่แล้ว นายกฯ คนใหม่และรัฐบาลใหม่จึงมาจากขั้วรัฐบาลเดิมอย่างแน่นอน
ปัญหามีอยู่อย่างเดียวคือใครจะเป็นนายกฯ ในขั้วรัฐบาลเดิม?
โดยปกติแล้วแคนดิเดตนายกฯ ควรมาจากพรรคอันดับหนึ่งในฝั่งรัฐบาล แต่เมื่อคุณเศรษฐาพบจุดจบทางการเมืองด้วยคำวินิจฉัยว่าผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง แคนดิเดตนายกฯ ที่เหลือของพรรคเพื่อไทยก็มีเพียงคุณแพทองธารและคุณชัยเกษม นิติสิริ โดยทั้งสองชื่อนี้มีความเสี่ยงทางการเมืองไม่น้อยเลย
แม้ตามกฎหมายแล้วคุณแพทองธารจะ “ต้อง” พร้อมเป็นนายกฯ ทันทีที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย แต่ความเป็นจริงคือคุณแพทองธารไม่พร้อม และบุคคลสำคัญที่เห็นว่าคุณแพทองธารไม่พร้อมก็มีด้วย เพราะทันทีที่คุณแพทองธารเป็นนายกฯ คุณแพทองธารต้องเจอปัญหาทุกอย่างที่คุณเศรษฐาเจอ
ไม่ใช่ความลับว่า “คุณหญิง” ไม่อยากให้คุณแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี
และไม่ใช่ความลับด้วยว่าแผนการคือคุณแพทองธารต้องเป็นนายกฯ ในเวลาที่รัฐบาลกระแสดีจากนโยบายแจกเงินต่างๆ จนความนิยมรัฐบาลพุ่งสูงสุด ไม่ใช่เป็นเวลาที่นายกฯ และรัฐบาลเพื่อไทยหมดอำนาจเพราะศาลรัฐธรรมนูญสั่งการ
ถ้าผู้ใหญ่ยอมให้คุณแพทองธารเป็นนายกฯ สิ่งที่คุณแพทองธารต้องทำคือฟื้นความเชื่อมั่นจากพรรคร่วมให้โหวตคุณแพทองธารเป็นนายกฯ ให้ได้ สร้างความมั่นใจว่านโยบายต่างๆ ของรัฐบาลจะทำได้สำเร็จ และคุณแพทองธารจะฟื้นเศรษฐกิจไทยอย่างที่คุณเศรษฐาและพรรคเพื่อไทยยังทำไม่ได้เลย
เห็นได้ไม่ยากว่าคุณแพทองธารจะเข้าสู่แดนสังหารทันทีที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ คดีเกี่ยวกับนโยบายแจกเงินมีโอกาสจะมาตกที่คุณแพทองธารทั้งหมด โดยเฉพาะการใช้งบประมาณข้ามปีซึ่งเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงทางกฎหมายด้วยกระบวนการเดียวกับที่ทำให้คุณเศรษฐาถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิดจริยธรรม
ถ้าผู้ใหญ่ถนอมคุณแพทองธารโดยให้คุณชัยเกษมเป็นนายกฯ และคุณแพทองธารเป็นรัฐมนตรี ความไม่เชื่อถือทางการเมืองต่อคุณเศรษฐาจะเกิดกับคุณชัยเกษมทั้งหมด ความไม่เชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอาจมีมากขึ้นกว่าเดิม
และอนาคตรัฐบาลจะนับถอยหลังทันทีที่เลือกคุณชัยเกษมเป็นนายกรัฐมนตรี
เห็นได้ไม่ยากว่าพรรคเพื่อไทยเผชิญภาวะ Dilemma หรือ “ย้อนแย้ง” ว่าจะเลือกใครเป็นนายกฯ เพราะไม่ว่าแบบไหนล้วนมีจุดจบที่ไม่ดีสำหรับเพื่อไทยและคนที่เพื่อไทยหนุนเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อคำนึงถึงความไม่ปกติในการประหารชีวิตคุณเศรษฐาทางการเมือง “โอกาส” ที่ตำแหน่งนายกฯ จะไหลไปสู่แคนดิเดตนายกฯ คนอื่นล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะในเงื่อนไขที่ “ผู้ใหญ่” อาจมองว่าคุณแพทองธารในฐานะนายกฯ คือหลุมพรางก่อนการดำเนินคดีที่หนักกว่าที่คุณเศรษฐาโดน
ต่อให้เพื่อไทยจะ “อ้างหลักการ” ว่าพรรคใหญ่ที่สุดฝ่ายรัฐบาลควรเป็นนายกฯ แต่เพื่อไทยเองก็เป็นนายกฯ โดย “บิดหลักการ” เรื่องพรรคอันดับหนึ่งควรเป็นนายกฯ ซ้ำสภาไทยก็เคยมีนายกฯ จากพรรคซึ่งไม่ใช่พรรคใหญ่ที่สุดในฝ่ายรัฐบาล โอกาสที่นายกฯ จะเป็นคุณอนุทินหรือคนอื่นจึงไม่ใช่ไม่มีเลย
ไม่ว่าจะเป็นคุณประวิตร หรือคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประตูสู่ตำแหน่งนายกฯ ของคนเหล่านี้ล้วนเปิดกว้าง สุดแท้แต่ความผันผวนและอำนาจต่อรองของแต่ละคนและแต่ละพรรคการเมือง
เห็นได้ชัดว่าการเอาคุณเศรษฐาออกจากนายกฯ คือประตูบานแรกไปสู่ภาวะโกลาหลทางการเมือง และไม่ว่าฉากจบของการเลือกนายกฯ รอบนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งหมดล้วนนำไปสู่ประตูบานที่สองที่การเมืองจะทวีความโกลาหลมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะต่อพรรคเพื่อไทยหรือต่อการเมืองไทยเอง
ควรระบุด้วยว่าศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนคุณเศรษฐาเกิดขึ้นบนการตีความเรื่องจริยธรรมที่กว้างจน “การขาดความระมัดระวัง” กลายเป็น “ความไม่ซื่อสัตย์สุจริตจนเป็นที่ประจักษ์” และเป็น “การฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง” ซึ่งเป็นการตีความที่กว้างแบบคดียุบก้าวไกลและตัดสิทธิพิธา
หากมองการเมืองไทยวันนี้โดยเชื่อมโยงคำตัดสินคุณเศรษฐากับพรรคก้าวไกล สิ่งที่เราเห็นได้ชัดการขยายอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการตัดสิทธินายกฯ และนักการเมืองอย่างไม่เคยมีมาก่อน การเมืองไทยจึงเดินหน้าสู่ทิศทางที่ “เลี้ยวขวา” มากขึ้นจนมีสัญญาณหลายอย่างที่น่ากังวล
พรรคก้าวไกลถูกพูดถึงโดยคนจำนวนมากว่ายิ่งยุบยิ่งโต และถึงแม้แกนนำพรรคจะย้ำว่าไม่ยุบก็โตได้ การจัดตั้งพรรคประชาชนก็เป็นหลักฐานว่ายิ่งยุบพรรคยิ่งโตจริงๆ จากหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ประชาชนแห่บริจาคเงินและสมัครสมาชิกพรรคอย่างถล่มทลาย
ด้วยความเหลวไหลของคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลอย่างที่ทุกคนเห็นกัน คนจำนวนมากจึงตัดสินใจเป็นสมาชิกพรรคประชาชนทั้งที่ไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่หรือก้าวไกลมาก่อน การยุบพรรคกำจัดรากฐานของพรรคไม่สำเร็จ และพรรคประชาชนก็กลับมาเร็วเกินความคาดหมายของทุกคน
ถ้าเชื่อว่าก้าวไกลถูกยุบเพราะชนะเลือกตั้งด้วยการชูความคิดใหม่ๆ และคนใหม่ๆ จนผู้มีอำนาจทั้งที่เป็นชนชั้นนำและลิ่วล้อหวาดกลัว พรรคประชาชนก็เป็นสัญลักษณ์ของความคิดใหม่ๆ และคนกลุ่มใหม่ๆ ต่อไปอีกจนเป็นไปได้ที่ผู้มีอำนาจจะหวาดกลัวและหาทางทำลายล้างแบบที่ทำไปกับก้าวไกล
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด การเมืองทั้งหมดนี้คือปฐมบทของการสร้างวิกฤตการณ์ (Manufacutring Crisis) ที่จะทำให้ระบบการเมืองเลี้ยวขวาครั้งใหญ่ในระยะยาว
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022