บทสรุปผลงานทัพนักกีฬาไทย กระหึ่มศึกโอลิมปิกปารีส 2024

ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ฤดูร้อน ครั้งที่ 33 “ปารีส 2024” ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อช่วงวันที่ 26 กรกฎาคม- 11 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยทัพนักกีฬาทีมชาติไทยที่คว้าโควต้าเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 51 คน สร้างผลงานยอดเยี่ยมด้วยบทสรุปคว้าเหรียญมาครองได้ทั้งสิ้น 6 เหรียญ ประกอบด้วย 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง

ผลงานเหรียญของทัพไทยแบ่งออกเป็น 1 เหรียญทองจาก “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เทควันโดรุ่น 49 ก.ก.หญิง / 3 เหรียญเงิน จาก “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ แบดมินตัน ชายเดี่ยว, “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย ยกน้ำหนัก รุ่น 61 ก.ก.ชาย, “เวฟ” วีรพล วิชุมา ยกน้ำหนัก รุ่น 73 ก.ก.ชาย และ 2 เหรียญทองแดง จาก “ออย” สุรจนา คำเบ้า ยกน้ำหนัก รุ่น 49 ก.ก.หญิง และ “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง มวยสากล รุ่น 66 ก.ก.หญิง

จากผลงานดังกล่าว ทำให้ยอดรวมตลอดกาลของทัพนักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์ นับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันปี 1952 จนถึงปัจจุบันหลังจากจบการแข่งขันที่ฝรั่งเศส ปรากฏว่า นักกีฬาไทยทำเหรียญรางวัลแล้วทั้งสิ้น 41 เหรียญ แบ่งเป็น 11 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน และ 19 เหรียญทองแดง

เหรียญทั้งหมดนั้นแบ่งเป็น ยกน้ำหนัก ที่คว้ามาครองได้มากที่สุด โดยทำได้ 5 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 8 เหรียญทองแดง รวม 17 เหรียญ

รองลงมาอันดับ 2 คือ มวยสากล ที่ทำได้รวม 4 ทอง 4 เงิน 8 ทองแดง รวม 16 เหรียญ

และอันดับ 3 คือ เทควันโด ทำได้ 2 ทอง 2 เงิน 3 ทองแดง

แต่กีฬาล่าสุดคือ แบดมินตัน ที่ได้เหรียญครั้งแรกในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ โดยทำได้ 1 เหรียญเงินจาก “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ชายเดี่ยวที่เข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์เป็นครั้งแรก และสามารถสร้างผลงานเซอร์ไพรส์กระชากเหรียญรางวัลมาคล้องคอได้อย่างยิ่งใหญ่

 

สําหรับในศึกโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย จบอันดับที่ 44 ร่วมกับ จาเมกา และแอฟริกาใต้ โดยนับเป็นอันดับที่ 11 ของทวีปเอเชีย ต่อจากจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อุซเบกิสถาน, อิหร่าน, บาห์เรน, ไต้หวัน, ฮ่องกง, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

ในย่านภูมิภาคอาเซียน มี 5 ชาติที่ได้เหรียญรางวัล โดยไทยได้เป็นอันดับที่ 3 ซึ่งปีนี้ ฟิลิปปินส์ จบอันดับ 37 นับเป็นอันดับที่ 1 ของย่านนี้ คว้าไปได้ 2 ทอง 2 ทองแดง ตามมาด้วยอินโดนีเซีย จบอันดับที่ 39 ร่วม ได้ 2 ทอง 1 ทองแดง, ไทย เป็นอันดับ 3, อันดับ 4 มาเลเซีย ได้อันดับ 80 ร่วม จาก 2 ทองแดง และอันดับ 5 สิงคโปร์ ได้อันดับ 84 ร่วม ได้ไป 1 ทองแดง ส่วนเวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, บรูไน และติมอร์เลสเต ไม่ได้เหรียญ

อย่างไรก็ตาม หากนับจำนวนเหรียญรวมแล้ว ไทยได้มากที่สุดในอาเซียน โดยได้รวมทั้งสิ้น 6 เหรียญ, ฟิลิปปินส์ 4 เหรียญ, อินโดนีเซีย 3 เหรียญ, มาเลเซีย 2 เหรียญ และสิงคโปร์ 1 เหรียญ

ด้านเจ้าเหรียญทองตกเป็นเป็นของสหรัฐอเมริกา 40 เหรียญทอง ตามมาด้วยอันดับที่ 2 คือ จีน ที่ได้ 40 เหรียญเท่ากัน แต่สหรัฐอเมริกาได้เหรียญเงินมากกว่า ส่วนอันดับที่ 3 ญี่ปุ่น 20 ทอง, อันดับที่ 4 ออสเตรเลีย 18 ทอง และอันดับที่ 5 ฝรั่งเศส 16 ทอง

“บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย กล่าวว่า สำหรับผลงานของทัพนักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์ “ปารีส 2024” ถือว่าดีกว่าโอลิมปิกเกมส์หนก่อน “โตเกียว 2020” ที่เรามีแค่ 1 เหรียญทอง กับ 1 เหรียญทองแดง แต่ชาติอาเซียนทั้งอินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์ ทำได้ถึง 2 ทองด้วยกัน เราก็คงต้องกลับมาพูดคุยกับสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เพื่อจะพัฒนาและเตรียมความพร้อมในอีก 4 ปีข้างหน้า ว่าเราบกพร่องตรงไหน วางแผนเพื่อนำนักกีฬาไปควอลิฟายให้มากกว่าเดิม และทำผลงานให้ดีกว่าเดิม

“แต่ผลงานตรงนี้ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง ทุกคนพยายามเต็มที่ ส่วนหนึ่งเรามีนักกีฬาอายุน้อย ทั้ง เวฟ (วีรพล วิชุมา) หรือ เอสที (วารีรยา สุขเกษม) ยังสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล ถ้าหากพัฒนาได้ดีก็น่าจะสามารถทำได้มากกว่า 1 เหรียญทอง” บิ๊กต้อมกล่าว

หัวหน้าทัพไทยกล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับการได้โควต้ามาก แต่จำนวนเหรียญน้อย หรือนักกีฬาน้อย แต่ได้เหรียญมาก อยากได้แบบไหนมากกว่ากัน ว่า เราต้องการได้โควต้าน้อย แต่เหรียญเยอะอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องช่วยกันพัฒนา หาเหตุผลของความผิดพลาดต่างๆ

อย่างเช่น มวยสากล ที่ได้โควต้ามาถึง 8 ใบ แต่ได้แค่ 1 เหรียญเท่านั้น ต้องมาหาจุดบกพร่องกันว่าเกิดอะไรขึ้น จากการตัดสิน, การให้คะแนน ก็ต้องศึกษาให้ถ่องแท้

 

ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับทัพนักกีฬาทีมชาติไทยจากการคว้ามาได้ 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง จากมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024

แต่ไม่ใช่เพียงเราที่ทำได้ยอดเยี่ยมเท่านั้น เพื่อนบ้านร่วมย่านอาเซียนต่างก็พัฒนาศักยภาพขึ้นมาได้อย่างโดดเด่น

ดังนั้น ไทยเราเองคงต้องพัฒนายกระดับขึ้นไปให้มากกว่านี้ เพื่อหนีจากระดับอาเซียน ไปสู่การติดระดับเอเชียต่อไปในอนาคต

มิเช่นนั้นแล้วหากไทยเรายังพัฒนาอยู่กับที่ และไม่ได้มองชาติอื่นในอาเซียน เราอาจจะโดนพวกเขาทำผลงานแซงหน้าไปได้ไกลมากกว่านี้อีก

ซึ่งหลังจากนี้มีระยะเวลาอีก 4 ปี เพื่อเตรียมความพร้อม และพัฒนาต่อไปในการเตรียมไปสู่โอลิมปิกเกมส์ “แอลเอ 2028” ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะแข่งขันระหว่างวันที่ 14-30 กรกฎาคม 2028

แล้วพบกันอีก 4 ปีข้างหน้าที่แอลเอ พร้อมกับความหวังของทัพไทยที่จะสร้างผลงานให้ดีกว่าเดิมได้หรือไม่… •

 

เขย่าสนาม | เมอร์คิวรี่

[email protected]