ภาระ ผบ.ตร.คนที่ 15 กอบกู้วิกฤตศรัทธา จากสงคราม ‘บิ๊กสีกากี’

อดีตบิ๊กเนมสีกากีหลายคนประเมินสถานการณ์กรมปทุมวัน 3 ปีหลังจากนี้

ใครได้ขึ้น ผบ.ตร.คนที่ 15 เป็นทุกขลาภ

เพราะนอกจากต้องสู้คดีฟ้องร้อง เนื่องจากตัวเองมารับเผือกร้อนผลพวงจากสงคราม “2 บิ๊กนายพล” แล้ว

ยังมีภารกิจกอบกู้วิกฤตศรัทธาองค์กร

จากยุค ผบ.ตร.คนที่ 14 เกิดศึกแล้วมีการสาวไส้กันเละ

ระหว่างผู้นำองค์กรกับรอง ผบ.ตร.เบอร์ 2 ที่ตอบโต้กันผ่านสงครามตัวแทนว่าต่างโยงใยเกี่ยวข้องเว็บพนันออนไลน์

จนนำมาสู่คำสั่งเด้งฟ้าผ่า ให้ทั้งคู่ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

แล้วตั้ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. รักษาการ ผบ.ตร.

ขณะนั้น “บิ๊กต่าย” ได้ส่งสารเปิดใจถึงนายตำรวจระดับสูงตั้งแต่ระดับผู้บัญชาการขึ้นไปผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์

ปลุกขวัญกำลังใจให้ร่วมกันทำงานหนักในฐานะเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

เพื่อรักษาองค์กร รักษาภาพลักษณ์ และรักษาชื่อเสียงตำรวจ

จุดมุ่งหมายคือให้หลุดพ้นจากคำประณามว่า ‘ตำรวจถึงยุคตกต่ำที่สุด’, ‘ตำรวจเป็นอาชีพที่ไม่ต่างอะไรจากโจร’

 

สําหรับผลจาก 2 บิ๊กนายพลทำสงครามผ่าน “ตัวแทน” ยืดเยื้อในอาณาจักรโล่เงิน

ปรากฏว่าเดินมาถึงจุดที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) มีมติเอกฉันท์ว่าคำสั่งที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ขณะ รรท.ผบ.ตร. ได้ลงนามให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน

เนื่องมาจากถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง กรณีตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาพัวพันเว็บพนันออนไลน์นั้น ชอบด้วยกฎหมาย

ถ้า “บิ๊กโจ๊ก” ซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์คำสั่ง รรท.ผบ.ตร. ไม่เห็นด้วยกับมติ ก.พ.ค.ตร.ดังกล่าว สามารถฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด ภายในระยะเวลา 90 วัน

ในส่วนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ประสานเรื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำคำวินิจฉัย ก.พ.ค.ตร. เสนอนายกรัฐมนตรีนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ “รอง ผบ.ตร.” พ้นจากราชการต่อไป

แน่นอน “บิ๊กโจ๊ก” ต้องต่อสู้บนเส้นทางเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องถอดเครื่องแบบ

นอกจากอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดแล้ว ขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้พ้นจากเก้าอี้รอง ผบ.ตร.ด้วย

ณ เวลานี้ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าการอุทธรณ์วินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งเปรียบเสมือนศาลปกครองชั้นต้น แล้วนำผลไปร้องต่อศาลปกครองสูงสุดนั้นจะจบเมื่อไหร่

ถ้ามีคำวินิจฉัยเป็นคุณต่อ “บิ๊กโจ๊ก” ต้องมีการแจ้งยกเลิกคำสั่งให้ออกจากราชการ แล้วได้กลับมาเป็นรอง ผบ.ตร.

โดยมีผลย้อนไปตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 พร้อมคืนสิทธิประโยชน์ทุกอย่าง

 

แต่ที่ต้องจับตาขณะนี้คือ คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ที่ “บิ๊กต่าย” เซ็นตั้งวันเดียวที่สั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการไว้ก่อน

คณะกรรมการชุดนี้มี พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน

ได้สอบกรณีผู้ถูกกล่าวหา นั่นคือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์กับลูกน้องใกล้ชิด 4 คน ได้แก่ 1.พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.ป. สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 2.พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รอง ผบก.ภ.จ. สงขลา 3.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผู้บังคับหมู่ (ทำหน้าที่จราจร) งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร และ 4.ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผู้บังคับหมู่ งานสายตรวจ 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร

โดยกล่าวหาทั้งหมดกระทำผิดวินัยร้ายแรงเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์

คณะกรรมการได้นัดประชุม 15 สิงหาคม ที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อกำหนดวันรับทราบข้อกล่าวหาของบิ๊กโจ๊กกับพวก ก่อนที่จะแจ้งให้ทั้ง “นายพลหนุ่ม” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาผิดวินัยร้ายแรง คาดว่าได้ข้อมูลภายในเดือนสิงหาคมนี้

ขณะนี้คณะกรรมการได้ดำเนินการสอบสวนไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์

 

นอกจากนี้ มีรายงานข่าวจากคณะกรรมการสอบสวนว่า พ.ต.ท.คริษฐ์ ลูกน้องใกล้ชิดบิ๊กโจ๊ก ผู้ทำหน้าที่เสมือนพ่อบ้าน เป็นผู้ถูกกล่าวหาเพียงรายเดียว ที่ให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา และอ้างว่ากระทำผิดเพียงผู้เดียว

อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถทำให้ผู้ถูกกล่าวหารายอื่นพ้นผิดได้ เป็นเพียงข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ

หากคณะกรรมการสอบสรุปผลว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กระทำความผิดจริง ผู้บังคับบัญชาจะต้องมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ออกจากราชการจริงทันที

แต่หากสอบสวนพบ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไม่ผิดก็ต้องสั่งยุติคำสั่งก่อนหน้านี้

แล้วให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กลับเข้ามารับราชการ ซึ่งคำสั่งที่ออกจากราชการไว้ก่อน ที่มีการสู้กันในศาลปกครองชั้นสูงสุดถือว่าจบสิ้นทันที และไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

เพราะคำตัดสินจริงๆ ที่จะให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ออกจากราชการ คือการสอบสวนวินัยของคณะกรรมการชุดนี้

แต่หากผลสอบชี้ว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ผิดวินัยจริง

นั่นหมายความว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ จะต้องออกจากราชการเลย

จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ จะต้องไปร้องอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. อีกครั้งหนึ่ง

หาก ก.พ.ค.ตร. วินิจฉัยว่าไม่เป็นคุณต่อ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ จะต้องใช้สิทธิฟ้องศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 90 วัน ซึ่งเป็นการใช้สิทธิต่อสู้คำสั่งที่ให้ออกจากราชการจริง

ส่วนตอนนี้ที่ ก.พ.ค.ตร.วินิจฉัยเมื่อ 6 สิงหาคม ให้ออกจากราชการชอบนั้น คือคำสั่งให้ออกจากราชการชั่วคราว

 

ดังนั้น สถานะของ “บิ๊กโจ๊ก” ขณะนี้อดลุ้นเก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่ 15 แล้ว

3 แคนดิเดตต้องชิงดำกัน เก้าอี้ “พิทักษ์ 1” ประกอบด้วย “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ, พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.

แน่นอนว่า ไม่ว่าใคร 1 ใน 3 ที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. เลือกขึ้นมาเพื่อให้ที่ประชุม ก.ตร.มีมติเห็นชอบ

ผู้นั้นมีภารกิจนำพาองค์กรไปในทิศทางที่ดีงาม ถูกต้อง มีความสามัคคี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน