Entertainment Complex ระทึก ยักษ์มาเก๊า-สิงคโปร์ ร่วมวง ลุ้นพรรคร่วมรัฐบาลดันเข้าสภา

Entertainment Complex ซึ่งมี “กาสิโน” เป็นหัวใจสำคัญ เป็นโปรเจ็กต์ที่คาดหวังว่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินแสนล้านจากการท่องเที่ยว หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างรายได้ทะลุ 3 ล้านล้านของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน

ปลุกปล้ำกันมาตั้งแต่สภาผู้แทนราษฎร มีพรรคเพื่อไทยเป็นกลจักรสำคัญ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา 1 ชุด เขียนรายงานผลการพิจารณาศึกษาขึ้นมา 1 เล่ม

ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ” มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธานกรรมาธิการ

ก่อนจะผ่านสภาด้วยเสียง 253 ต่อ 0 เสียง เมื่อ 28 มีนาคม 2567 แล้วส่งต่อให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2567 พร้อมกับมอบหมายกระทรวงการคลัง รับศึกษาความเป็นไปได้รายละเอียดของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือกาสิโนถูกกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายให้นำมาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

จากนั้นวันที่ 4 มิถุนายน 2567 นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุม ครม.อีกครั้งให้กระทรวงการคลัง โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เร่งรัดการดำเนินการสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อให้มีแนวทางในการดำเนินการให้เป็นรูปธรรม

กระทั่งทีมงาน “จุลพันธ์” รมว.คลัง ยกร่างเสร็จเรียบร้อย พร้อมเปิดรับฟังความเห็นตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม-18 สิงหาคม ก่อนที่จะส่งต่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกา และเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยใช้ชื่อร่างกฎหมายว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….

 

หัวใจสำคัญของร่าง กำหนดองค์ประกอบของรูปแบบต่างๆ ไว้ดังนี้

1.ห้างสรรพสินค้า 2.โรงแรม 3.ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโก้เธค ผับ หรือบาร์ 4.สนามกีฬา 5.ยอชต์และครูซซิ่งคลับ 6.สถานที่เล่นเกม 7.สระว่ายน้ำและสวนน้ำ 8.สวนสนุก 9.พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP 10.กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด

สำหรับ “ใบอนุญาต” มีอายุ 30 ปี โดยผู้รับใบอนุญาตจะต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมรายปีตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด แต่ต้องไม่เกินอัตราตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้ และทุก 5 ปี ให้สำนักงานประเมินประสิทธิภาพของการดำเนินงาน

ส่วนประเภทเครื่องเล่นในส่วนของกาสิโนให้กระทำได้เฉพาะในสถานบันเทิงครบวงจร ได้แก่

1. ใช้เครื่องเล่นซึ่งใช้เครื่องกล พลังไฟฟ้า พลังแสงสว่าง หรือพลังอื่นใดที่ใช้เล่น โดยวิธีสัมผัส เลื่อน กด ดีด ดึง ยิง โยน โยก หมุน หรือวิธีอื่นใดซึ่งสามารถทำให้แพ้ชนะกันได้ ไม่ว่าจะโดยการนับแต้มหรือเครื่องหมายใดๆ หรือไม่ก็ตาม

2. ใช้อุปกรณ์ซึ่งสามารถทำให้แพ้ชนะกันได้ ไม่ว่าจะโดยการนับแต้มหรือเครื่องหมายใดๆ หรือไม่ก็ตาม

ขณะที่การต่ออายุ กำหนดต่ออายุใบอนุญาตได้คราวละไม่เกิน 10 ปี ค่าธรรมเนียม จะประกอบด้วย 1.การขอรับใบอนุญาต ครั้งละ 100,000 บาท 2.ใบอนุญาต แบ่งเป็น ครั้งแรก ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี 1,000 ล้านบาท 3.ใบอนุญาต (ต่ออายุ) ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี 1,000 ล้านบาท 4.ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ 100,000 บาท

โดยนายกรัฐมนตรีคุมบอร์ดสูงสุด คือ คณะกรรมการนโยบาย ประกอบด้วย 1.นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ 2.รองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน 9 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่เกิน 6 คน

มีอำนาจหน้าที่ อาทิ การกำหนดนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร, การบริหารจัดการ, การป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น ขณะที่กลไกขับเคลื่อน “กาสิโน” มีคณะกรรมการบริหาร และสำนักงาน

แม้ในร่างกฎหมาย ไม่ได้ระบุเรื่องบริษัทจะมาประมูลต้องมีทุนจดทะเบียนเท่าไหร่ แต่แหล่งข่าวกล่าวว่า ผู้ที่สนใจประมูล ต้องมีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในประเทศไทย โดยสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติจะถือได้ไม่เกิน 50% สัดส่วนตรงนี้ต้องขึ้นกับการพิจารณาในระดับนโยบายอีกทีว่า หากจะทำให้ได้ตามมาตรฐานระดับโลก อาจต้องเปิดให้ต่างชาติถือหุ้นได้มากขึ้น ซึ่งคงต้องขอยกเว้นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ขณะที่ทุนจดทะเบียนกำหนดไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท

“การที่ต้องกำหนดทุนจดทะเบียนไว้สูงๆ ก็เพราะป้องกันพวกที่จะวิ่งมาขอใบอนุญาตไปแล้วไม่ยอมลงทุนเอง” แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับ “เป้าหมายพื้นที่” มีการศึกษาตั้งแต่ชั้นกรรมาธิการของสภาว่า พื้นที่ที่เหมาะสม

1. หากมองในแง่การส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศด้วยการหารายได้เข้ารัฐ พื้นที่ที่เหมาะสมอาจจะเป็นในเขตกรุงเทพมหานครและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ต่างๆ เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) เป็นต้น

2. หากมุ่งไปที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น ควรจะเป็นพื้นที่ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลัก หรือพื้นที่ในต่างจังหวัด เป็นต้น ได้แก่ พื้นที่ที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตรจากสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา

ขณะที่แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากอู่ตะเภาที่มีความเหมาะสม ก็ยังมีพื้นที่ท่าเรือคลองเตย ที่มีแผนย้ายท่าเรือออกไป อย่างไรก็ดี การกำหนดพื้นที่ให้ชัดเจนจะเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่จะกำหนดต่อไป

 

พลันที่ร่างกฎหมายเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ก่อนส่งเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร

ปรากฏว่ามียักษ์ใหญ่ด้านกาสิโนโลกให้ความสนใจอย่างคึกคัก

“บิลล์ ฮอร์นบักเคิล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานบริษัท เอ็มจีเอ็ม รีสอร์ตส อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิงส์ (MGM Resorts International Holdings, Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเอ็มจีเอ็ม ไชน่า ได้แจ้งต่อนักลงทุนในระหว่างการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เมื่อเร็วๆ นี้ว่า เอ็มจีเอ็มสนใจตั้งกิจการกาสิโนในประเทศไทย และวางแผนจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อสำรวจโอกาสและความเป็นไปได้ พร้อมบอกรายละเอียดว่า หากในที่สุดแล้วบรรลุข้อตกลง กิจการกาสิโนในไทยจะดำเนินการโดยบริษัทลูก คือ เอ็มจีเอ็ม ไชน่า

นอกจากนี้ ยังมี กาแลกซี่ เอนเตอร์เทนเมนต์ (Galaxy Entertainment Group), แซนด์ส ไชน่า (Sands China) และ วินน์ มาเก๊า (Wynn Macau) ให้ความสนใจ

ขณะที่ “เก็นติ้ง สิงคโปร์” บริษัทในเครือ “เก็นติ้ง มาเลเซีย” ซึ่งเป็นเจ้าของ “รีสอร์ตส เวิลด์ เซนโตซา” ในประเทศสิงคโปร์ มีข้อมูลในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบต่อกาสิโนในมาเลเซีย และสิงคโปร์ ของ “เมย์แบงก์ อินเวสต์เมนต์ แบงก์” ออกมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมว่า แม้ว่าเก็นติ้ง สิงคโปร์ เป็นผู้เล่นที่จะได้รับผลกระทบหากไทยมีกาสิโน แต่ผลกระทบอาจจะไม่มาก เพราะเก็นติ้ง สิงคโปร์ แสดงความสนใจที่จะประมูลใบอนุญาตตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ของไทยด้วย

นอกจากนี้ ในช่วง “กาสิโน” ยังตั้งลูกอยู่ในสภา มีกลุ่มธุรกิจไทยให้ความสนใจพยายามอินไซด์ข้อมูลในสภาเพื่อเตรียมตัวเช่นกัน

ล่าสุด เรื่อง Entertainment Complex ระทึกขึ้นมาเมื่อ 12 สิงหาคม เพราะแกนนำรัฐบาล โดย “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เรียกประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาล ครั้งแรกมีข่าวตามการให้สัมภาษณ์ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าจะมีหารือเรื่อง Entertainment Complex

แต่สถานการณ์พลิกนาทีสุดท้าย กลับเป็นการพูดคุยเพียงแค่ 40 นาที และหารือถึงการเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และวาระการเสนอคนลงเลือกตั้งซ่อม ระหว่างพรรคร่วม แทน “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่ต้องพ้นจาก 2 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐบาลรับเข้ากระบวนการแล้ว และอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ เมื่อเสร็จแล้วก็ส่งให้กฤษฎีกา และนำเข้าสู่ ครม. หากตกลงอย่างไรจึงส่งให้สภาพิจารณา เรื่องนี้มีการตกลงกันในพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วนจำเป็นจะต้องคุยในที่ประชุมพรรคร่วมก่อนหรือไม่นั้น อาจจะต้องคุยกันอีกครั้ง ต้องเป็นไปตามกระบวนการ

นั่นทำให้ Entertainment Complex ยังต้องลุ้นกันต่อไป