โบราณคดีผู้พิทักษ์เชื้อชาติไทย

โบราณคดีไทยมีกำเนิดเพื่อพิทักษ์และเผยแผ่ข้อมูลและความรู้ประวัติศาสตร์ไทย เรื่อง “คนไทยแท้ ชนชาติไทย เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์” ที่ถูกแต่งใหม่สนองการเมืองชาตินิยม คลั่งเชื้อชาติไทยเมื่อ 85 ปีที่แล้ว หรือเรือน พ.ศ.2482

เชื้อชาติไทยจะยืนอยู่อย่างไร? ตรงไหน? เมื่อข้อมูลชุดใหม่ไม่เหมือนเดิม เพราะ 24 ปีที่ผ่านมา หรือ พ.ศ.2543 นักวิทยาศาสตร์นานาชาติประกาศที่ทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ว่า “เชื้อชาติไม่มีในโลก” จากนั้นประเทศต่างๆ ในโลกทยอยยกเลิกเชื้อชาติ

 

การเมืองชาตินิยมไทย

โบราณคดีไทยมีความเป็นมาเกี่ยวข้องการเมือง ตั้งแต่กำเนิด, เติบโต, และแข็งแรง ซึ่งสรุปดังนี้

(1.) กำเนิด จากการเมืองชาตินิยม “คลั่งเชื้อชาติไทย” สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เปลี่ยนชื่อประเทศ จากประเทศสยาม เป็นประเทศไทย

(2.) เติบโต ด้วยการเมือง “สงครามเย็น” ต้านคอมมิวนิสต์ สมัยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ สนับสนุนสหรัฐอเมริกาทำสงครามเวียดนาม โดยใช้ไทยเป็นฐานทัพอากาศ ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดเวียดนาม ขณะเดียวกันก็ต้อนรับนักวิชาการทางมานุษยวิทยา-โบราณคดี สำรวจวิจัยและขุดค้นทางโบราณคดีเพื่อเป็นฐานข้อมูลให้สหรัฐเอาชนะสงครามเวียดนาม [ดูข้อมูลเพิ่มเติมอีกมากในบทความเรื่อง “การขุดค้นยุคก่อนประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุคสงครามเย็น : โบราณคดีอเมริกันในประเทศไทยที่เป็นอาณานิคมใหม่” (พ.ศ.2559) โดย มอริซิโอ เปเลจจี (มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์) แปลเป็นภาษาไทยโดย เกรียงศักดิ์ เชษฐพัฒนวนิช (ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่]

(3.) แข็งแรง เพื่อการเมืองพิทักษ์ชาตินิยมไทย และความมั่นคงทางกองทัพ ดูจากการจัดแสดงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เมื่อ พ.ศ.2510 และการบูรณะเมืองสุโขทัยเพื่อการแสดงตัวตนราชธานีแห่งแรกของไทย รวมทั้งไม่เดือดร้อนในการกระทำของกองทัพที่มีต่อประชาชนชายขอบ เช่น มลายู, กะเหรี่ยง ฯลฯ

ไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อการสร้างชาติ และเพื่อความมั่นคงของชาติ ทำให้ผู้คิดต่างถูกไล่ล่า ซึ่งเท่ากับระงับการตรวจสอบถ่วงดุล (จิตร ภูมิศักดิ์ ติดตะราง “ขังลืม” ด้วยเหตุคิดต่างทางประวัติศาสตร์และการเมือง)

ไม่เป็นสากล เหตุจากลัทธิคลั่งเชื้อชาติไทย และไม่อนุญาตให้มีการตรวจสอบถ่วงดุล จึงทำให้ตีความเลยเถิดไม่เป็นสากล ว่าดินแดนประเทศไทย รูปร่างคล้ายขวาน มีเส้นกั้นอาณาเขตตั้งแต่สมัยสุโขทัยทางทิศใต้ตลอดแหลมมลายู ทั้งๆ หลักฐานเส้นกั้นอาณาเขตประเทศต่างๆ ตามสากลเป็นผลจากการปักปันเขตแดนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ 80 ปีมานี้ หรือราวหลัง พ.ศ.2488

ไม่การเมือง การปิดปากผู้คิดต่าง และปิดหูปิดตาตนเอง ทำให้โบราณคดีไทยหลงเชื่อว่าวิชาโบราณคดีไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง แล้วโฆษณาชวนเชื่อด้วยการหลอกตนเองและหลอกคนอื่นว่าโบราณคดีเป็นศาสตร์บริสุทธิ์ ไม่มีการเมือง

 

ประวัติศาสตร์ไทย

การเมืองชาตินิยมไทย ผลักดันให้มีประวัติศาสตร์ไทยเชิงเชื้อชาติ หรือประวัติศาสตร์เชื้อชาติไทย ดังนี้

(1.) เชื้อชาติ เชื่อตามแนวคิดของเจ้าอาณานิคมยุโรป ว่ามีคนไทย หรือชนชาติไทย เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์

(2.) ถิ่นกำเนิดในจีน เชื่อตามการค้นคว้าของนักค้นคว้ายุโรป ว่าคนไทยแท้ หรือชนชาติไทย เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ มีถิ่นกำเนิดในจีน ด้วยโครงเรื่องหลัก ดังนี้

อัลไต ถิ่นกำเนิดของคนไทยแท้ ชนชาติไทย เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ ต่อมาถูกจีนรุกราน ต้องถอยลงไปตั้งถิ่นฐานใหม่

น่านเจ้า อาณาจักรของคนไทยแท้ ชนชาติไทย เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ หลังจากนั้นถูกกองทัพกุบไลข่านตีแตก ต้องถอยร่น “อพยพยกโขยง ถอนรากถอนโคน” ลงไปดินแดนไทยปัจจุบัน

สุโขทัย เมื่อตั้งถิ่นฐานในไทยปัจจุบัน ตอนแรกเป็นขี้ข้ามอญและขอม ต่อมา “ปลดแอก” จากขอม แล้วสร้างกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของคนไทยแท้ เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ สืบเป็นประเทศไทยทุกวันนี้

ประวัติศาสตร์ศิลปะมีอำนาจชี้ขาดประวัติศาสตร์ไทย ด้วยการกำหนดให้ประวัติศาสตร์ไทยแบ่งสมัยตามประวัติศาสตร์ศิลปะ ว่าในดินแดนไทยก่อนสมัยสุโขทัยไม่นับเป็นไทยแล้ว ดังนั้น นับตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นไทยแท้ ดังนี้

(1.) สมัยก่อนประวัติศาสตร์ (2.) สมัยทวารวดี (3.) สมัยศรีวิชัย (4.) สมัยลพบุรี (5.) สมัยเชียงแสน (6.) สมัยสุโขทัย (7.) สมัยอยุธยา (8.) สมัยรัตนโกสินทร์

[สมัยทวารวดี-สมัยรัตนโกสินทร์ เรียกชื่อตามที่พบในหนังสือ ตำนานพระพุทธเจดีย์ ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2469 (98 ปีมาแล้ว]

การแบ่งสมัยประวัติศาสตร์ไทยตามประวัติศาสตร์ศิลปะ ไม่มาจากรากฐานความเป็นจริงทางสังคมและวัฒนธรรม กับเศรษฐกิจ-การเมือง เพราะชื่อสมัยเหล่านั้นไม่มีจริง จนในที่สุดมี “อคติ” ทางการเมืองปัจจุบัน ได้แก่ สมัยลพบุรี เป็นผลจากการเมืองด้อยค่ากัมพูชาเมื่อถูกทักท้วงก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้งตามอคติของผู้มีอำนาจช่วงเวลาหนึ่งซึ่งไม่แน่นอน

โครงสร้างเนื้อหาวิชาประวัติศาสตร์ไทยในโบราณคดี ยังเป็นประวัติศาสตร์เชื้อชาติเหมือนเมื่อแรกก่อตั้ง 69 ปีที่แล้ว พ.ศ.2498

ผลเสียหาย (1.) กีดกันชาติพันธุ์อื่นไม่มีที่ยืนบนพื้นที่ความเป็นไทย (2.) หลงตัวเองว่าความเป็นไทยไม่เหมือนใครในโลก (3.) หลงผิด ว่าเส้นกั้นอาณาเขตประเทศไทยรูปคล้ายขวาน (หรือขวานทอง) มีแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัย จึงทำให้เกิดวาทกรรม “เสียดินแดน” และ “เราถอยไม่ได้อีกแล้ว” เพื่อปลุกใจสู้รบชาติพันธุ์ที่ถูกผลักให้เป็นศัตรู (4.) ขัดแย้งรุนแรงกับเพื่อนบ้านโดยรอบ เริ่มจากด้อยค่าเขมร, ลาว, เวียดนาม, พม่า, มลายู ปัจจุบันยังแก้ไม่ตกในความขัดแย้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้

ประวัติศาสตร์ชาติไทยของรัฐบาลสืบทอดอำนาจรัฐประหาร (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2558) เรียบเรียงใหม่ด้วยการใช้สำนวนโวหารปกปิดข้อผิดพลาด แต่ยังสืบทอดอำนาจประวัติศาสตร์คลั่งเชื้อชาติไทย

 

เชื้อชาติไม่มีจริง

“เชื้อชาติไม่มีในโลก” เป็นคำแถลงของนักวิทยาศาสตร์นานาชาติร่วมกันประกาศ ที่ทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา เมื่อ 24 ปีที่ผ่านมา วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2543 หลังจากนั้นประเทศต่างๆ ทยอยยกเลิกเชื้อชาติ รวมทั้งฝรั่งเศสประกาศยกเลิกเชื้อชาติออกจากกฎหมายสูงสุด เมื่อ 6 ปีที่แล้ว พ.ศ.2561

แต่ “เชื้อชาติไทย” ยังพบร่องรอยในหนังสือ “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ของรัฐบาล (มาจากการยึดอำนาจ-รัฐประหาร พ.ศ.2557) พิมพ์เผยแพร่ทั่วประเทศเมื่อ 9 ปีที่แล้ว พ.ศ.2558 มีเนื้อความตอนต้นโดยสรุปรวมๆ สืบทอดแนวคิดเดิมเรื่องคนไทยแท้ เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ แต่ขัดเกลาสำนวนปกปิดข้อผิดพลาดว่า (1.) ถิ่นกำเนิดคนไทยอยู่ทางใต้ของจีน (หลีกเลี่ยง อัลไต-น่านเจ้า) และ (2.) สุโขทัยเป็นอาณาจักรแรกๆ ที่ถือว่าเป็นอาณาจักรของคนไทย (หลีกเลี่ยงสุโขทัยราชธานีแห่งแรกของไทย)

สืบเนื่องจากไม่มีเชื้อชาติในโลก ดังนั้น เชื้อชาติไทยในประวัติศาสตร์ไทยกระแสหลักย่อมไม่มีอยู่จริง แต่ถูกทำให้มีเพื่อความมั่นคงทางการเมืองชนชั้นนำสมัยหนึ่งเท่านั้น

แต่การเรียนการสอนโบราณคดีไทย ยังผูกพันความเป็นผู้พิทักษ์และสืบทอดเผยแผ่ประวัติศาสตร์ไทย กระแสหลัก เรื่องเชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ แม้ไม่โดยตรงก็โดยอ้อมว่าสุโขทัยเป็นรัฐแรกๆ ของไทย ส่วนรัฐสยามอโยธยาถูกทำให้หายไป เพื่อยกย่องรัฐสุโขทัย

โบราณคดีต้องทบทวนตนเอง ให้ยืนหยัดซื่อตรงต่อหลักฐานโบราณคดีและมานุษยวิทยาที่มีหลักฐานประวัติศาสตร์ศิลปะสนับสนุน (ไม่เป็นตัวชี้ขาดเหมือนที่ผ่านมา) โดยเปิดช่องให้มีการตรวจสอบถ่วงดุล แล้วทักท้วงถกเถียง “ไม่อั้น”

ประเทศไทยมาจากประเทศสยาม และคนไทยมาจากชาวสยาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ได้จากความเป็นมาของอุษาคเนย์ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์หลายพันปีมาแล้ว สืบเนื่องถึงปัจจุบัน โดยมีหลักฐานทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ตั้งแต่วัฒนธรรมบ้านเก่า (กาญจนบุรี), วัฒนธรรมบ้านเชียง (อุดรธานี), ถึงวัฒนธรรมโขง-ชี-มูล (ที่ราบสูงโคราช) ที่หลอมรวมเป็นวัฒนธรรมสยาม (ลุ่มน้ำเจ้าพระยา) แล้วกลายเป็นไทย •

 

| สุจิตต์ วงษ์เทศ