มาแล้ว ‘ฮอนด้า ซีวิค’ MY2024 ปรับโฉมอย่างดุ-ออปชั่นใส่ไม่ยั้ง

สันติ จิรพรพนิต

ท่ามกลางกระแสร้อนแรงของรถยนต์อีวี แต่ค่าย “ฮอนด้า” ก็พร้อมท้าชนเช่นกัน

จึงจัดรถธงอย่าง “ซีวิคใหม่” MY2024 ออกมาเขย่าตลาด

โดยเปิดรับจองไปเรียบร้อย และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน “Big Motor Sale 2024” ที่ไบเทค บางนา วันที่ 23 สิงหาคม-1 กันยายนนี้

ขุมพลัง 2 บล็อกทั้งเทอร์โบ และไฮบริด

ยิ่งกับเครื่องยนต์ไฮบริด น่าจะเป็นรุ่นที่ขายดีตามกระแสรถไฮบริดที่กำลังมาแรงในไทยและทั่วโลก

รุ่นล่าสุดเป็นหนึ่งในรถคอมแพ็กต์ที่ขายดิบขายดี

ในเมืองไทยครองแชมป์มานานตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน

หน้าตาดูดุดันขึ้น ที่เด่นๆ ไม่พ้นฝากระโปรงหน้าที่ออกแบบใหม่ดูมีมิติ และด้านบนยื่นออกมาคล้ายจมูกฉลาม

กระจังหน้าขนาดไม่ใหญ่นัก รับกันดีกับไฟหน้า LED ตกแต่งด้วยโครเมียม

มีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam : AHB)

ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED มีลีกษณะเป็นเส้นคล้ายคิ้ว

ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED รมดำ

มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม

รุ่น e:HEV RS มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต

ส่วนรุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้ออัลลอยเป็น 17 นิ้ว

รุ่น e:HEV RS ยังเพิ่มลูกเล่นกระจกมองข้างสีดำเปียโนแบล็ก

มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม

เสาบีเป็นสีดำเช่นกัน

เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย

สำหรับรุ่นนี้ถือว่าซื้อแล้วไม่ต้องไปหาชุดแต่งอะไรมาเพิ่มเลย

ห้องโดยสารดูกว้างขวางแม้ใช้สีดำก็ตาม

พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมระบบมัลติดฟังก์ชั่น เดินด้ายแดงดูสปอร์ตมากขึ้น

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว

ตรงกลางหน้าจอสัมผัสเพิ่มเป็นขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch

รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto

พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri

ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

ติดตั้ง Google built-in แอพพ์และบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ในทุกรุ่นย่อย

เพิ่มช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา

คันเกียร์ขนาดกระชับมือ หุ้มด้วยถุงหนังเดินด้ายแดง

ใกล้กันเป็นปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่ ซึ่งแต่เดิมมี 3 โหมดคือ ECO NORMAL SPORT

แต่ในรุ่นปรับโฉมเพิ่มโหมด INDIVIDUAL

เพื่อปรับแต่งเครื่องยนต์ น้ำหนักพวงมาลัย และหน้าจอมาตรวัด ตามความถนัดและความชอบของแต่ละคน

ขยับไปอีกนิดเป็นปุ่ม Auto Brake Hold เบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)

มีฮอนด้า คอนเน็กต์ (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์

ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card

ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศ ด้วยกุญแจรีโมต

เบาะหนังสีดำโอบกระชับสรีระ

เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ

เพิ่มช่องแอร์ด้านหลังในทุกรุ่นย่อย

ขุมพลัง 2 บล็อก เริ่มจากตัวท็อประบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV

เครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว 2.0 ลิตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว

กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร

แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน

เลือกได้ทั้งโหมดไฟฟ้าล้วน ไฮบริด และเครื่องยนต์ ตามความเหมาะสมในแต่ละการใช้งาน

ฮอนด้าเคลมว่าซีวิค ใหม่ ประหยัดน้ำมัน 25 กิโลเมตร/ลิตร

และเติมเต็ม 1 ถังวิ่งไกลสุดกว่า 800 กิโลเมตร

ส่วนอีกบล็อกเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร

กำลังสูงสุด 178 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร

อัตราการประหยัดน้ำมัน 17.2 กิโลเมตร/ลิตร

ระบบเกียร์ E-CVT

ช่วงล่างด้านหน้า แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังมัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง

มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า

ฟังก์ชั่นทำงานหลักๆ อาทิ

ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System : CMBS) เตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย และเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชน

พร้อมช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ

ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ

ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่

อื่นๆ มากันครบครับ เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน

ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่

กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ

ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน

สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน ฯลฯ

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย

e:HEV RS ราคาประมาณการ 1,23X,XXX บาท

e:HEV EL+ ราคาประมาณการ 1,09X,XXX บาท

รุ่น EL+ ราคาประมาณการ 1,03X,XXX บาท

(ช่วงเขียนต้นฉบับราคายังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการ) •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]