อุดมการณ์ที่ไม่มีวันตาย ของวง Manic Street Preachers ในวันที่ก้าวไกลถูกยุบพรรค

บทความพิเศษ | ศรัณยู ตรีสุคนธ์

 

อุดมการณ์ที่ไม่มีวันตาย

ของวง Manic Street Preachers

ในวันที่ก้าวไกลถูกยุบพรรค

 

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งเป็นผู้ร้อง ได้นำหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข, เข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้มีคำวินิจฉัยยุบพรรคตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2)

คำวินิจฉัยนี้ได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อประชาชนในการใช้อำนาจขององค์กรอิสระ เพราะในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาประชาชนจำนวนถึง 14 ล้านคนโหวตให้กับพรรคก้าวไกล และทำให้มีสมาชกสภาผู้แทนราษฎรจากเขตต่างๆ ทั่วประเทศได้เข้าทำหน้าที่แทนประชาชนถึง 151 ที่นั่ง แต่ชาวไทยก็มองเห็นความหวังได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น

เพราะจากเกมการเมืองที่ค้านสายตาประชาชนทำให้ก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้งต้องกระเด็นไปเป็นฝ่ายค้านที่ถึงแม้ว่าจะสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนมากที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของประเทศ แต่พรรคก้าวไกลก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้อย่างดีจนสั่นคลอนอำนาจของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง

ก้าวไกลจึงถือเป็นอุปสรรคในการเดินหมากบริหารประเทศตามเกมการเมืองของฝ่ายอนุรักษนิยมที่นำโยบายหลักในการหาเสียงเลือกตั้งของก้าวไกลคือการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 มาใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีว่าก้าวไกลเป็นพรรคที่มีแนวคิดล้มล้างการปกครอง

โลโก้พรรคประชาชน

ไทยเป็นประเทศที่มีการมองว่ามีวัฒนธรรมส่งเสริมแนวคิดเผด็จการ (Authoritarian Culture)

การที่รัฐมีอำนาจล้นเกินนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึงเพลง If You Tolerate Your Children Will Be Next ของ Manic Street Preachers วงดนตรีจากเวลส์ที่ทำเพลงที่สะท้อนปัญหาสังคม, การเมืองและวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน

เนื้อหาของเพลงเพลงนี้อ้างอิงมาจากสงครามกลางเมืองสเปนที่เกิดขึ้นในช่วงกลางถึงปลายทศวรรษที่ 30 ซึ่งเป็นการขัดแย้งกันระหว่างฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้านสาธารณะรัฐสเปนที่ 2 ฝ่ายแรกคือฝ่ายนิยมสาธารณรัฐซึ่งเป็นกลุ่มสังคมนิยม และกลุ่มรักชาติที่เป็นฝ่ายขวาที่นิยมกษัตริย์

การสู้รบทางอุมการณ์ทางการเมืองระหว่างฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาในสงครามกลางเมืองสเปนค่อนข้างซับซ้อนและเป็นสงครามตัวแทนระหว่างคอมมิวนิสต์และเผด็จการ ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่เชื่อมโยงสู่ความขัดแย้งทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความโกรธแค้นที่ประชาชนมีต่อรัฐด้วยเช่นกัน

เนื่องจากในสงครามสเปนโซเวียตและเม็กซิโกได้ส่งกองกำลังมาช่วยกลุ่มนิยมสาธารณรัฐรบ

ส่วนกบฏฝ่ายขวาได้รับการช่วยเหลือจากอิตาลีและนาซีเยอรมันซึ่งเป็นกลุ่มฟาสซิสต์ที่เป็นระบอบเผด็จการที่ได้รับการสนับสนุนจากทหาร

มีท่อนหนึ่งของเพลง If You Tolerate Your Children Will Be Next ที่เขียนว่า “So if I can shoot rabbits then I can shoot fascists” ซึ่งสื่อให้เห็นถึงอุดมการณ์ในการเข้าร่วมกองพลน้อยนานาชาติ (International Brigades ) ของอาสาสมัครชาวเวลส์ที่ถูกส่งไปรบที่สเปนเพื่อต่อสู้กับกองกำลังชาตินิยมซึ่งนำโดยนายพลฟรานซิสโก ฟรังโก

เนื้อเพลงในท่อนดังกล่าวเป็นการเปรียบเปรยให้เห็นถึงพลังของประชาชนที่ไร้ซึ่งอำนาจแต่อัดแน่นไปด้วยอุดมการณ์ที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเพียงแค่ปืนเก่าๆ ที่ยิงกระต่ายเพื่อนำมาปรุงเป็นอาหารยังชีพได้ พวกเขาก็สามารถใช้ปืนกระบอกเดียวกันนี้ยิงกลุ่มฟาสซิสต์เพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองของตัวเองได้เช่นกัน

ถึงแม้ว่าโครงสร้างความขัดแย้งทางการเมืองและการปกครองระหว่างลัทธิคอมมิวนิสต์และเผด็จการทหารแบบฟาสซิสต์ที่ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองสเปนจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการใช้อำนาจ ถูกมองว่าไม่ชอบธรรมจนนำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกล แต่ในเชิงบริบทนั้นกลับมีความเชื่อมโยงกันอยู่

และดูเหมือนว่าปัญหาทางการเมืองนี้จะหาทางออกไม่ได้เลยถ้าหากว่าอำนาจอธิปไตยในการบริหารประเทศยังคงอยู่ในกำมือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช้ประชาชน

เมื่อเกิดการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างชนชั้นนำและชนชั้นปกครอง ประชาชนจะเกิดความสิ้นหวังดังเช่นท่อนแรกของเพลงที่เขียนว่า “The future teaches you to be alone, the present to be afraid and cold” ซึ่งตีความได้ว่า “ใครเล่าจะยืนเคียงข้างเราในอนาคต ส่วนปัจจุบันนั้นหรือก็น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนเหน็บหนาวเจียนตาย”

“Gravity keeps my head down. Or is it maybe shame. At being so young and being so vain? เป็นเนื้อเพลงอีกท่อนหนึ่งในเพลงนี้ที่มีการตีความกันไปหลากหลาย

แต่โดยส่วนตัวมองว่าเนื้อเพลงท่อนนี้กล่าวโดยนัยถึงประชาชนที่ไม่เพียงแต่ถูกสั่งให้ไปอยู่ในสนามรบที่เต็มไปด้วยดงกระสุนเท่านั้น

แต่พวกเขาก็ยังถูกสงครามโฆษณาชวนเชื่อเข้าโจมตีจนทำให้สูญเสียเจตจำนงที่แท้จริงของตัวเอง ไม่ต่างไปจากวัยรุ่นที่ทะนงตนและโง่เขลา

วง Manic Street Preachers

ในปัจจุบันลัทธิคอมมิวนิสต์ได้สูญสลายไปแล้ว แต่การยึดมั่นในความเสมอภาคและเท่าเทียมกันยังคงอยู่ ซึ่งนั่นนำไปสู่อุดมการณ์ในการต่อสู้กับความอยุติธรรมเพื่อสร้างสังคมในอุดมคติขึ้นมาใหม่

เมื่อมองกลับมายังการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างประชาชนและรัฐไทยในปัจจุบันที่มีอำนาจล้นเกินจนทำให้สิ่งผิดเป็นถูกและทำให้สิ่งถูกเป็นผิดได้ คนไทยที่สนับสนุนประชาธิปไตยในตอนนี้ก็ไม่ต่างไปจากชนชั้นแรงงานชาวเวลส์ที่มีความเชื่อมั่นว่าเขาจะใช้แรงกายแรงใจเท่าที่มีในตอนนี้ในการต่อสู้กับอำนาจรัฐอันฉ้อฉลที่อยู่ในเงื้อมมือรัฐเผด็จการให้ได้

ชื่อเพลง If you Tolerate This Your Children Will Be Next นำมาจากข้อความบนโปสเตอร์ของกลุ่มนิยมสาธารณรัฐที่ต่อต้านกลุ่มแห่งชาติที่นำโดยนายพลจอมเผด็จการ ฟรานซิสโก ฟรังโก ซึ่งเป็นฝ่ายก่อกบฏในช่วงเวลานั้น มันหมายความตรงตามทุกตัวอักษรของมันว่า “ถ้าหากคุณยอมจำนนต่ออำนาจอันไม่ชอบธรรมนี้ ความอยุติธรรมที่น่ารังเกียจก็จะส่งผลสืบต่อไปตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน”

ท่อนหนึ่งของเพลงที่เขียนว่า “And on the street tonight an old man plays. With newspaper cuttings of his glory days” ถ้าหากคุณปล่อยให้ชนชั้นนำไดโนเสาร์ยังคงลุแก่อำนาจที่ล้นเกินเช่นนี้ต่อไป เช่นนั้นแล้วความรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์ของชนชั้นปกครองผู้ฉ้อฉลนี้ก็จะยังคงอยู่ต่อไปอีกนานแล้วนาน คำถามก็คือ “เราจะยินยอมให้มันเกิดขึ้นหรือ?”

คำตอบที่เห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วสำหรับคนจำนวนมากในเวลานี้ก็คือ “ไม่ยอม” การถูกยุบพรรคไม่มีความหมายใดๆ เพราะพรรคเป็นเพียงแค่ชื่อ แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพรรคจริงๆ คือประชาชน และไม่ว่าชนชั้นนำ, ชนชั้นปกครองหรือกลุ่มทุนใดๆ ก็ไม่สามารถยุบประชาชนออกจากสมการทางการเมืองได้เลย เพราะอำนาจอธิปไตยย่อมเป็นของประชาชนตามหลักประชาธิปไตย

และนั่นเป็นที่มาของพรรคอนาคตใหม่และก้าวไกลในร่างใหม่ที่มีชื่อว่าพรรคประชาชน

การถูกยุบพรรค, การถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองโดยไม่ชอบธรรม, การที่ผู้เรียกร้องสิทธิและเสรีภาพกลายเป็นนักโทษทางการเมืองทำให้ความหมายของเพลงเพลงนี้โดยวง Manic Street Preachers กลับตาลปัตรไปจากเดิมเสียแล้ว

และถึงเวลาแล้วที่เราควรจะตั้งชื่อเพลงเสียใหม่ว่า “We Can’t Take It Anymore and Our Children Will Fight to the Death”

“เราจะไม่ทนอีกต่อไป และลูกหลานของเราจะขอยืนหยัดต่อสู้ด้วยชีวิต”

วันพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง