ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 สิงหาคม 2567 |
---|---|
ผู้เขียน | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ |
เผยแพร่ |
วันที่ 15 กันยายน 2526 ผมได้รับการแจ้งจาก ร.อ.เอก กาญจนาคพันธุ์ ปลัดจังหวัดระนอง ให้ดำเนินคดีกับ นายกวีศักดิ์ เหมะภูติ ในความผิดฐาน เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่ยื่นรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดที่ตนสมัครรับเลือกตั้ง ภายในกำหนด 3 เดือน หลังจากวันประกาศผลการเลือกตั้ง
ผมไม่รู้จักนายกวีศักดิ์ และได้ออกหมายจับเอาไว้แล้วสรุปสำนวนสั่งฟ้องเสนออัยการต่อไป
ในวันหนึ่ง ในขณะเข้าเวรผมได้รับแจ้งว่า มีการพบศพในป่าละเมาะ ที่ ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง จึงได้เดินทางพร้อมพลขับรถร้อยเวร ไปยังที่เกิดเหตุ โดยการนำทางของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต.ราชกรูด ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ สภาพที่เกิดเหตุเป็นป่าค่อนข้างเปลี่ยว ห่างไกลสายตาของผู้คน อากาศก็ร้อนมาก ท้องฟ้าโปร่งใส แทบจะไม่มีก้อนเมฆเลย
บริเวณที่พบศพอยู่ในลักษณะถูกขุดหลุมไว้เพื่อฝังศพ โดยต้องการอำพรางซ่อนเร้นศพ แต่ฝังกลบไม่ลึกมากนัก จึงถูกสัตว์ คือ สุนัขมาขุดคุ้ย มีบางส่วนของศพโผล่พ้นดินขึ้นมาให้เห็น
วันนั้นมีตำรวจของ สภ.ต.ราชกรูด 2 นาย และนำคนงานชาวพม่ามาร่วมขุดด้วย 2 คนมีอุปกรณ์ที่เตรียมสำหรับขุดศพ คือจอบมาด้วย
ผมเห็นคนงานชาวพม่าขุดไม่ระมัดระวัง จึงขอจอบมา และเป็นผู้นำลงมือขุดให้เห็นเป็นตัวอย่าง สภาพศพเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว ส่งกลิ่นและแมลงวันเกาะอยู่ทั่ว ผมเข้าใจครั้งแรกว่า มีศพที่ฝังไว้เพียงศพเดียว จึงขุดข้างๆ ศพด้วยจอบอย่างแรง แต่ปรากฏว่า จอบขุดลงไปถูกศพที่ 2 ซึ่งซ้อนอยู่ด้านล่างอีกศพ และถูกบริเวณที่มีน้ำเหลืองเป็นจังหวะพอเหมาะพอดี ที่น้ำเหลืองนั้นกระเด็นเข้าปากผมพอดี จึงเป็นเหตุการณ์ที่สุดแสนกระอักกระอ่วนในการขุดศพครั้งนี้
แต่ผมไม่แสดงอาการรังเกียจใดๆ ออกมาให้ใครเห็น ยังทำหน้าที่ขุดต่อไปเหมือนปกติไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น
การที่มีถึง 2 ศพ สร้างความเศร้าน่าเวทนาให้กับทุกคนที่เห็นยิ่งนัก ที่มนุษย์ต้องมาตายในสภาพเช่นนี้ ทั้งยังห่างไกลจากญาติพี่น้องครอบครัว และเมื่อขุดไปได้พอสมควร จึงให้คนงานชาวพม่าขุดต่อ จนนำร่างของทั้ง 2 ศพขึ้นมาได้สำเร็จ
จากการสืบสวนพอจะทราบเบาะแสว่า ทั้ง 2 ศพเป็นผู้หญิงที่ขายบริการในเมืองเป็นโสเภณี อาจจะสมัครใจหรือถูกล่อลวงมา ยังไม่ทราบ และถูกคนคุมหรือเรียกว่า พวกแมงดา ทำร้ายด้วยการซ้อมจนเสียชีวิต จึงแอบนำศพมาฝังไว้ในบริเวณที่ไม่มีผู้คน แต่ก็มีผู้มาพบศพจนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะสุนัขมาขุดคุ้ย
ผมนำศพส่งโรงพยาบาลระนองเพื่อให้แพทย์ชันสูตรต่อไป และสำนวนการสอบสวน สวส.สภ.อ.เมืองระนอง เป็นผู้สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดดำเนินคดีต่อไป
ยุคสมัยนั้นไม่ค่อยมีหน่วยช่วยเหลือ นายร้อยเวรแทบจะต้องดำเนินการด้วยตัวเองเกือบจะทั้งหมด
เดือนตุลาคม 2526 มีการเปลี่ยนแปลงผู้บังคับบัญชาของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง พ.ต.อ.ปรีชา แสงวรรณ ย้ายมาดำรงตำแหน่งแทน พ.ต.อ.สมศักดิ์ อภิจารี
ส่วน สภ.อ.เมืองระนอง
พ.ต.ท.เสถียร จันทร์สว่าง มาดำรงตำแหน่ง สารวัตรใหญ่ สภ.อ.เมืองระนอง แทน พ.ต.ท.วีระ ปานจันทร์
ร.ต.อ.วราวุธ วงศ์ปรีดี มาดำรงตำแหน่งสารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.อ.เมืองระนอง
สารวัตรใหญ่คนใหม่ ได้สั่งการให้ทำสำนวนการสอบสวนต้องสมบูรณ์ ต้องสอบสวนด้วยความรวดเร็ว ไม่ล่าช้าเป็นอันขาด สำนวนการสอบสวนต้องเสร็จสิ้นก่อนมีการฝากขังผู้ต้องหาครั้งสุดท้ายและมีการแบ่งการรับผิดชอบสำนวนการสอบสวนดังนี้
พ.ต.ต.ชั้น กาญจนี สวส.1 รับผิดชอบสำนวนการสอบสวนของ ร.ต.อ.ชม หนูแป้นน้อย ร.ต.ต.นพดล เผือกโสมณ ร.ต.ต.ชัยรัตน์ ศรีเอี่ยม ร.ต.ต.ธวัช วังพฤกษ์ ร.ต.ต.ปราโมทย์ บุญทับ
ร.ต.อ.วราวุธ วงศ์ปรีดี สวส.2 รับผิดชอบ ร.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ร.ต.ต.ชัยสิทธิ์ สิทธิชัย ร.ต.ต.ชาติ งานพิทักษ์ ร.ต.ต.วิทยา พูนวิทย์
ถ้าพนักงานสอบสวนคนใดมีคดีมาก จนรับภาระไม่ไหว ให้ลง ป.จ.ว.มอบสำนวนให้ สวส.ทำ
เมื่อออกเวร จากนายร้อยเวรสอบสวนคดีอาญาแล้ว ให้รอง สวส.ออกตรวจตำบล หมุนเวียนกัน คนละ 1 เดือน โดยใช้รถยนต์ของ ด.ต.ถม อ่อนสด เป็นพลขับ
กำหนดภารกิจให้มีการตั้งด่าน จุดสกัดคนร้าย การสืบสวนหาข่าว ทั้งนี้ ให้เริ่มจาก ร.ต.ต.ชัยสิทธิ์ สิทธิชัย ใช้เวลาตรวจตลอด 24 ชั่วโมงแล้วแต่จะนัดสายตรวจ กำหนดตรวจพื้นที่ ต.บางนอน ต.หาดส้มแป้น และลงชื่อในสมุดตรวจด้วย
และให้ตรวจสถานที่ราชการสำคัญ เช่น ศาลากลางจังหวัดระนอง ศาล อัยการ อำเภอ เทศบาล โรงพยาบาล สนามกีฬา
สำหรับ ร.ต.ต.นริศ สุนทรโรจน์ กับ ร.ต.ต.อนุชน ชามาตย์ ย้ายหน้าที่ไปเป็น รอง สวป.สภ.อ.เมืองระนอง ทำหน้าที่ควบคุมสายตรวจ คุ้มครองดูแลความปลอดภัยประชาชนและสถานที่ คือ ร้านอาหาร และสถานบริการที่ระนองช่วงเวลานั้นมีบ่อน้ำร้อน, ร้านอาหารรวมมิตร, ไผ่แดง 1, ไผ่แดง 2, พฤตินันท์, ระนองการ์เดินท์, แพ พีซ, เอ็ม เอ็น, วาเลนไทน์, เอสโซ่ และบาร์เพลินใจ
และตรวจตราโรงแรม ธารา, เอเชีย, สินทวี, สินระนอง
ก่อนจะสิ้นปี วันที่ 5 พฤศจิกายน 2526 ผมได้รับข่าวการสูญเสียเพื่อนรักที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.35 กับผมไปเป็นคนที่ 3
เพื่อนผมคนนี้ คือ ร.ต.ต.วิฑูรย์ ผาติเสนะ ตำแหน่ง รอง สวส.สภ.อ.เมืองสุรินทร์ ซึ่งเพื่อนในรุ่นที่รับราชการอยู่ที่ สภ.อ.เมืองสุรินทร์ เวลานั้น ประกอบด้วย
1. ร.ต.ต.ปรีชา นำหาโชค
2. ร.ต.ต.วิฑูรย์ ผาติเสนะ
3. ร.ต.ต.ปิยวัฒน์ วิชัยดิษฐ์
4. ร.ต.ต.ชุมพร กาญจนรัตน์
5. ร.ต.ต.ราเชนทร์ ไผ่เกาะ
6. ร.ต.ต.สถิตย์ โพธิมาศ
เหตุการณ์การสูญเสียวันนั้น ผมได้รับการบอกเล่าจาก ร.ต.ต.ปรีชา นำหาโชค รอง สวส.สภ.อ.เมืองสุรินทร์ และเห็นเหตุการณ์ด้วยตาตัวเอง ปัจจุบันท่านครองสมณเพศ หลังจากเกษียณแล้ว
รายละเอียดของความกล้าหาญผู้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อช่วยชีวิตประชาชนจนตัวเองก็ต้องสังเวยชีวิตไปพร้อมกัน มีดังนี้
เมื่อวันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2526 เวลาประมาณ 19.15 น. ห่างจากโรงพักแค่ 1 กิโลเมตร คนร้าย 2 คนได้จี้หญิงเจ้าของปั๊มน้ำมันเพื่อเอาเงินแล้วพาขึ้นบนรถกระบะเป็นตัวประกัน ร.ต.ต.ปรีชา กับตำรวจ ได้ใช้อาวุธปืนยิงยางรถกระบะจนระเบิดทั้ง 4 เส้น คนร้ายไม่สามารถขับหลบหนีต่อไปได้ มีการเจรจากับคนร้ายกว่า 20 นาทีต่อหน้าตำรวจและประชาชนที่มองดูเหตุการณ์นับร้อย และทำท่าว่าจะจบลงด้วยดี
กลับเกิดเหตุการณ์ที่ชวนสลดใจ เมื่อ ร.ต.ต.วิฑูรย์ ตัดสินใจพยายามที่จะเข้าไปแย่งเอาตัวประกัน โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าคนร้ายมีลูกระเบิดอยู่ คนร้ายได้แกะสลักออกและยังไม่ทันขว้างออกนอกรถ ก็เกิดระเบิด ทั้งคนร้ายและตัวประกันเสียชีวิตหมดทั้ง 3 คน
แรงระเบิดเป็นเหตุให้ ร.ต.ต.วิฑูรย์ แขนขาดทันที จึงได้นำส่งโรงพยาบาลสุรินทร์ แต่สะเก็ดระเบิดโดนเส้นเลือดใหญ่ เสียเลือดมาก จึงเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา
ในช่วงเวลาที่ ร.ต.ต.วิฑูรย์ ไปถึงโรงพยาบาลยังมีสติดีอยู่และพูดกับ ร.ต.ต.ปรีชาและหลายๆ คนว่า “ปวดมากเลยโว้ย” เป็นคำพูดสุดท้าย
นอกจากนั้น พ.ต.ท.พัฒนา จันทรสมิท รอง ผกก.ภ.จว.สุรินทร์ ถูกสะเก็ดระเบิดอาการสาหัส
ทุกครั้งที่มีการสูญเสียเพื่อนเป็นความเศร้าสลด นี่คืออาชีพของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อปกป้องประชาชน ชีวิตของเราก็พร้อมจะอุทิศให้ได้
ผมจึงขอบันทึกไว้เพื่อเป็นเกียรติยศและเกียรติประวัติ แด่ ร.ต.ต.วิฑูรย์ ผาติเสนะ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022