‘บิ๊กโจ๊ก’ ดิ้นสู้ ก.พ.ค.ตร.ยกคำร้อง สถานีต่อไปศาลปกครองสูงสุด ผ่าทางตันหวนคืนเส้นทางสีกากี

ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายสำหรับคำวินิจฉัยคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.)

ชี้ว่า คำสั่งที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. ขณะ รรท.ผบ.ตร. ได้ลงนามให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน อันเนื่องมาจากถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง กรณีตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาพัวพันเว็บพนันออนไลน์นั้น ชอบด้วยกฎหมาย

เพราะก่อนหน้านี้มีสื่อมวลชนบางแห่งนำเสนอข่าวว่า มติ ก.พ.ค.ตร.เอกฉันท์ให้ “บิ๊กโจ๊ก” พ้นราชการ

จนนายธวัชชัย ไทยเขียว ก.พ.ค.ตร. ในฐานะรองโฆษกต้องโพสต์เฟซบุ๊กของตัวเอง ว่า มาอย่างไรข่าว ก.พ.ค.ตร.มีมติแล้ว พร้อมยืนยันยังพิจารณาไม่เสร็จ เป็นการคาดเดาของสื่อมวลชน

แต่วันรุ่งขึ้น 6 สิงหาคม ก.พ.ค.ตร.ออกใบแถลงข่าวยกอุทธรณ์คำร้อง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์

โดยนายธวัชชัยได้นำมาโพสต์ในเฟซบุ๊ก พร้อมระบุข้อความตอนหนึ่งว่า “ผลวินิจฉัยว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน 2567 เป็นคำสั่งที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ที่กฎหมาย และกฎ ก.ตร.กำหนด และเป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสม จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย วินิจฉัยยกอุทธรณ์และยกคำขอกำหนดวิธีการชั่วคราวของผู้อุทธรณ์

ทั้งนี้ หากผู้อุทธรณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด โดยวิธีการยื่นฟ้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลหรือยื่นฟ้องโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายในระยะเวลา 90 วันนับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยนี้”

 

ปรากฏว่าปฏิกิริยา “ผู้อุทธรณ์คำสั่ง” ไม่ได้รู้สึกแปลกใจมติดังกล่าว เป็นไปตามที่ประเมินสถานการณ์ไว้แล้ว

“ทราบมาว่า ก.พ.ค.ตร.ประชุมลับจนถึงเกือบเที่ยงคืนวันที่ 5 สิงหาคม เมื่อคำสั่งออกมาเช่นนี้จะอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อภายใน 90 วัน” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ระบุ

และแน่นอนเจ้าตัวต้องเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ตัวเองต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้สั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ต่อไปจนกว่าศาลจะพิพากษาถึงที่สุดด้วย

เพราะทราบดีอยู่แล้วว่า เมื่อผลวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ นายกฯ จะนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.

เห็นได้จากคำสัมภาษณ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จับประเด็นได้ว่า ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีประสานเรื่องมาแล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯ ให้พ้นตำแหน่ง

ดังนั้น เป็นฉากทัศน์การต่อสู้ทางกฎหมายที่ “นายพลหนุ่ม” คิดไว้หมดแล้ว

ขณะนี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ยังเหลืออายุราชการ 7 ปี ใช้ระยะเวลาต่อสู้ในชั้นศาลปกครองสูงสุด ราวๆ 3 ปี หากศาลตัดสินให้ชนะ สามารถขอกลับรับราชการ มีเวลากลับมาชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.ได้ทัน

ส่วนคดีฟอกเงินจากเว็บพนันออนไลน์ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ป.ป.ช. ใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี ไม่เป็นอุปสรรคในการเป็นแคนดิเดต ถ้า ป.ป.ช.ชี้ว่าไม่มีมูลก็จบ

 

แต่เหมือน “ผีซ้ำด้ำพลอย” เข้าไปอีก เย็นวันเดียวกันกับที่ ก.พ.ค.ตร.มีมติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ส่งเอกสารแถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมที่ได้ดำเนินการกับทรัพย์สิน รายคดี นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ กับพวก

ระบุข้อความว่า การประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 10/2567 มีคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน รายคดีนายณัฐวัตร กับพวกเป็นการอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม ในคดีความผิด มูลฐานเกี่ยวกับการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์และความผิดฐานฟอกเงิน โดยมีการดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ https:www.betflixroyal.com และ https:www.betflikroyal.net

ทั้งนี้ คณะกรรมการธุรกรรมเคยมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวแล้ว 2 ครั้ง ตามคำสั่ง ย.2/2567 และ ย.80/2567 รวมทรัพย์สินที่ดำเนินการแล้วกว่า 250 รายการ มูลค่ากว่า 109 ล้านบาท

ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมมีมติเอกฉันท์ว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีการนำเงินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานไปชำระเบี้ยประกันบางส่วน ตามสัญญาประกันชีวิตของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และภริยา

ต่อมาผู้เอาประกันได้เวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต ดังนั้น จึงถือได้ว่าเงินที่ได้จากการเวนคืนกรมธรรม์ดังกล่าวบางส่วนนั้นเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

ในการนี้ จึงให้อายัดเงินในบัญชีเงินฝากของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และภริยา รวม 3 รายการ มูลค่าประมาณ 4.8 แสนบาท ไว้เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ ตามมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

 

นอกจากนี้ ยังเรื่องคาราคาซังของคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง “บิ๊กโจ๊ก” กับนายตำรวจใกล้ชิดรวม 5 คน ที่ พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน มีกรอบทำงานไม่เกิน 270 วัน

อยู่ระหว่างการสอบพยาน ผู้เกี่ยวข้อง ตามข้อกล่าวหาสมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 หรือไม่

เมื่อกรรมการสอบผู้เกี่ยวข้องรอบด้าน ถ้าพบว่าผิดจริงจะเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป โทษปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ

ดังนั้น แคนดิเดตที่จะชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่ 15 มี “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. นรต.รุ่น 41 คนสนิท “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.คนที่ 12 ที่จะเกษียณปี 2569, พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ นรต.รุ่น 39 เกษียณปี 2568 ทราบกันว่ามีภารกิจดูแล “ผู้มีอำนาจระดับสูง” และสุดท้าย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. นรต.42 สายตรง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เกษียณปี 2569

อย่างไรก็ตาม มีกระแสให้จับตา พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร. รักษาการรอง ผบ.ตร. ว่าจะได้รับการผลักดันเข้าไลน์แคนดิเดตด้วยหรือไม่

งานนี้บอกได้คำเดียวฝ่ายการเมืองต้องใจถึง กล้ากระชับอำนาจเพื่อจะฝ่าแนวต้าน “พล.ต.ท.ประจวบ” ถึงจะเข้าวินได้