ถ้าจะมีสิ่งที่ฝากสู่คนรุ่นใหม่ : ถอดความคิดงานปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี

ปีนี้เข้าปีที่ 12 ที่ผมทำงานที่วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

และปีนี้ผมได้โอกาสในการกล่าวปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่หลักสูตรปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรนี้เปิดมาเท่ากับจำนวนปีที่ผมเริ่มทำงาน

กล่าวคือ นักศึกษากลุ่มแรกที่ผมสอนก็คือกลุ่มแรกที่เข้าเรียนหลักสูตรนี้ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อเกือบ 12 ปีที่แล้ว

สิ่งที่ผมถ่ายทอดต่อไปนี้เป็นกระบวนการเรียบเรียงความคิดของผมควบคู่กับสิ่งที่ผมได้พูดกับกลุ่มนักศึกษาใหม่ที่พวกเขาจะมีอายุต่างกับผมถึง 20 ปี เทียบกับช่วงอายุที่ต่างกันเพียง 7-8 ปี เมื่อผมเริ่มทำงานวันแรก

สิ่งที่ผมเห็นใน 12 ปี ก่อนที่จะมีรัฐประหารปี 2557 บรรยากาศการเมืองเป็นอีกแบบ

เราเห็นบรรยากาศของการเมืองภาคประชาชนรูปแบบต่างๆ เสรีนิยม ขบวนการรากหญ้า ขบวนการอนุรักษนิยม ก่อนที่จะจบลงที่รัฐประหารปี 2557

ใน 12 ปีเราเห็นความสิ้นหวังในช่วงแรกของการต้านรัฐประหาร

แต่ในขณะเดียวกัน 4 ปีถัดมาเราเห็นการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ก้าวแรกทางการเมืองที่ประสบความสำเร็จ

เราเห็นขบวนการคนรุ่นใหม่ที่แผ่ขยายอย่างกว้างขวาง การปราบปราม การแบ่งขั้วทางความคิด

เราเห็นการเลือกตั้งปี 2566 เห็นการเติบโตของพลังแห่งความหวัง

ผมเห็นนักศึกษาของผมจากรุ่นสู่รุ่น ที่เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองในบทบาทที่แตกต่างกันในหน้าประวัติศาสตร์

 

“ผมมีเรื่องที่ง่ายที่สุดและสำคัญที่สุด ที่ผมอยากแชร์กับนักศึกษาใหม่ มันมาจากหนังสือเด็ก-เจ้าชายน้อย เป็นคำ Quote ที่พูดต่อกันมาหลายภาษา มาหลายปี ด้วยคำพูดที่ว่า – เรื่องที่สำคัญที่สุดที่มนุษย์ผู้ใหญ่หลงลืมคือสิ่งที่สวยงามที่สุดในโลกนี้ ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ มันสามารถรู้สึกได้ด้วยหัวใจ”

ผมถามคำถามต่อนักศึกษาในประสบการณ์ของทุกท่านมีเคยมีสิ่งที่สวยงามที่รู้สึกได้ด้วยหัวใจหรือไม่?

มีหลากหลายคำตอบ ความรัก มิตรภาพ ความเชื่อใจ ความยุติธรรม ความเสมอภาค ความปลอดภัยในชีวิต ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อมนุษย์แต่เราอาจไม่สามารถเห็นหรือสัมผัสได้

สำหรับผมความรู้สึกนี้เคยเกิดขึ้นชัดเจน เมื่อตอนช่วงปี 2564 เมื่อผมเห็นนักศึกษา ที่ชีวิตล้วนเปราะบาง หลายคนเป็นหนี้ กยศ. หลายคนยังต้องทำงานพาร์ตไทม์ ชีวิตลำบาก แต่พวกเขารวมตัวกันยืนหยัดเพื่อที่จะบอกต่อผู้คนที่มีอำนาจในสังคม เพื่อสร้างสังคมที่ยุติธรรม

พวกเขาถามท้ากับความอยุติธรรมหมายมาดปรารถนาในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมากขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะทำไม่สำเร็จ หลายคนมีชีวิตที่ลำบากมากขึ้น หลายคนมีเส้นทางที่ต่างไป

แต่สำหรับผมการนึกถึงช่วงเวลานั้นคงเรียกได้ว่า สามารถนิยามในสิ่งที่สวยงามแต่มิอาจมองเห็นหรือสัมผัสได้

 

ผมอธิบายต่อไปว่าในเบื้องแรกที่ผมมาเป็นอาจารย์ ผมคิดว่าคงดีไม่น้อย หากผมสามารถมีลูกศิษย์ที่ไปต่อมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มีชื่อเสียง จะ Oxford หรือ Harvard

คงจะดีไม่น้อย ได้ทุนการศึกษาของรัฐบาล

หรือหากพวกเขาสามารถที่จะเป็น CEO เจ้าของกิจการ เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นข้าราชการชั้นแนวหน้า ก็คงเป็นเรื่องที่ดีและสำคัญต่ออาชีพของครูอาจารย์ไม่น้อย

แต่เรื่องสำคัญที่ผมเรียนรู้ในช่วงเวลาสิบกว่าปีของการสอนมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะมีผม ก่อนที่จะมีธรรมศาสตร์ หรือก่อนหน้าที่เราจะได้สัมพันธ์กันในทางวิชาการ

โลกนี้ก็มี ส.ส.มาแล้วเป็นหมื่นเป็นแสนคน มีนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีมาแล้วเป็นหมื่นคน

หรือมีเศรษฐีนักธุรกิจมาแล้วเป็นแสนเป็นล้าน

หรือก็มีคนที่จบ Harvard หรือ Oxford มาแล้วเป็นหมื่นเป็นแสนคน

เหมือนกับที่โลกนี้พิมพ์เงินมาเป็นแสนๆ ล้านบาทต่อวัน โดยที่ไม่ได้ทำให้โลกนี้มันดีขึ้นหรือต่างไปแต่อย่างใด

 

ถ้าจะมีเพียงสิ่งเล็กๆ ที่ผมจะคาดหวังกับเด็กมัธยมที่จะเข้ามาเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และอีก 4 ปีก็จะเข้าสู่โลกการทำงาน ก็มีเพียงแค่ให้พวกเขายืนหยัดกับความยุติธรรม อยู่เคียงข้างผู้ที่อ่อนแอ เจ็บปวดกับความทุกข์ร้อนของผู้อื่น

เราอาจไม่เคยต้องทำงานใช้แรงแต่เราสามารถสู้เพื่อค่าแรงขั้นต่ำได้

เราอาจไม่เคยท้องแต่สู้เพื่อสิทธิ์ลาคลอด 180 วันได้ ไม่เคยเป็นหนี้ กยศ. แต่ก็สามารถสู้เพื่อสิทธิ์มหาวิทยาลัยฟรีได้

สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นไม่ใช่เพียงแค่ ไฟ เกษตรกรรม อาวุธ หรือการประดิษฐ์ตัวอักษร แต่คือการที่เราสามารถรู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องราวของผู้อื่นได้ คือเครื่องยืนยันความเป็นมนุษย์ของเรา

โลกใบนี้จะอยู่ในมือของพวกเขา พวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเปลี่ยนแปลง และโลกนี้จะยุติธรรมมากขึ้น ในมือของคนรุ่นใหม่

ผมเขียนบทความนี้เสร็จประจวบเหมาะกับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญต่อการยุบพรรคก้าวไกล พอดี ไม่ได้ทำให้เนื้อหาข้างบนเปลี่ยนแปลงแตกต่างไป

ผมเชื่อว่าไม่ช้าก็ไว ความก้าวหน้าจะมาแทนความล้าหลัง

ความเท่าเทียมจะมาแทนความเหลื่อมล้ำ

และไม่ว่าเราจะชอบหรือชัง เราก็จะต้องเตรียมใจสำหรับโลกที่ยุติธรรมมากขึ้นอยู่ดี