ความทรงจำ

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

วันก่อนเห็นข่าวการจากไปของ “เพลิน พรหมแดน” ราชาเพลงพูดของเมืองไทย

ผมเชื่อว่าคนต่างจังหวัดรุ่นปี 80-90 ที่เติบโตมากับเพลงลูกทุ่ง จะต้องคุ้นเคยกับเพลงของเขา

เพราะเพลงของ “เพลิน พรหมแดน” แตกต่างจากเพลงลูกทุ่งทั่วไป

มีช่วง “พูด” อยู่ในเพลง

อารมณ์ขันจะแทรกอยู่ตรงช่วงพูด

ที่ฮิตที่สุดน่าจะเป็นเพลง “อาตี๋สักมังกร”

“เพี้ยง…จึก จึก จึก จึก จึก”

การจากไปของ “เพลิน พรหมแดน” จึงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการลูกทุ่งไทย

ผมเพิ่งอ่านข้อเขียน “รำลึก เพลิน พรหมแดน” ของ “พี่จิก” ประภาส ชลศรานนท์ ในเพจ

หลายเรื่องผมเพิ่งรู้วันนี้

“พี่จิก” เล่าว่าเขาเป็นเด็กบ้านนอก เมืองชลบุรี เติบโตมากับเพลงลูกทุ่ง เพลงสุนทราภรณ์ และละครวิทยุ

ก่อนจะมาหลงใหลเพลงของวงดิอิมพอสสิเบิล เพลงของเดอะบิทเทิล

ในวัยเด็ก “พี่จิก” ฟังเพลงของ สุรพล สมบัติเจริญ ชาตรี ศรีชล ศรคีรี ศรีประจวบ และเพลิน พรหมแดน

“ยิ่งกับเพลิน พรหมแดน ด้วยแล้วนับผมเป็นแฟนตัวยงคนหนึ่งเลย ชนิดที่ถ้ามีใครจัดแฟนมีต ผมก็คงไปร่วมด้วย”

“พี่จิก” เล่าถึงความยิ่งใหญ่ของศิลปินลูกทุ่งท่านนี้ได้ละเอียดสมกับเป็นคนในวงการดนตรีและแฟนคลับของ “เพลิน พรหมแดน”

เขามองว่า “ราชาเพลงพูด” คนนี้เป็น “ครีเอทีฟตัวเอ้” คนหนึ่งในยุคนั้น

เพราะสามารถสร้างเอกลักษณ์ในเพลงที่แตกต่างจากคนอื่น

คือ มีบทพูดสลับอยู่ในเพลงเหมือนละครเพลง

เป็น “จุดจำ” ที่ไม่เหมือนใคร

และบทพูดนั้นส่วนใหญ่มีอารมณ์ขันล้อเลียนสังคม และทันเหตุการณ์

“อาจพูดได้เลยว่าถ้าเพลงวัยรุ่นสมัยนี้ร้องเพลงแล้วมีบทแร็พแทรกอยู่ สมัยนั้นเพลิน พรหมแดน ทำมาก่อนแล้ว”

มุมนี้ผมนึกไม่ถึงมาก่อน

ต้องระดับ “พี่จิก” ถึงมองออก

 

ตอนที่ “พี่จิก” ทำคอนเสิร์ต “เพลงประภาส” ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2551

นักร้องคนหนึ่งที่ “พี่จิก” ตั้งใจเชิญมาร้องเพลงในคอนเสิร์ตนี้ คือ “เพลิน พรหมแดน”

ตอนที่เชิญ “เพลิน” ก็งงเหมือนกันว่าทำไมถึงเชิญนักร้องลูกทุ่งมาร้องเพลงสตริงฯ

ซึ่งยุคนั้นค่อนข้างแยกกลุ่มคนฟังชัดเจน

ที่น่าสนใจก็คือ เพลงที่ “พี่จิก” เลือกให้ “ราชาเพลงพูด” คือ เพลง “อยากมีหมอน”

ถ้าใครเป็นแฟนเพลงเฉลียงคงนึกออก

“อยากมีหมอน อยากมีหมอนไว้นอนเล่น…”

เป็นเพลงช้าๆ น่ารัก

เพลงนี้จริงๆ ไม่มีบทพูด แต่ในคอนเสิร์ตนี้มีบทพูดแทรกระหว่างเพลงตามสไตล์ “เพลิน พรหมแดน” ที่ทุกคนคุ้นเคย

“บทพูดที่จะให้อาเพลินพูดนั้น ผมปล่อยให้ท่านรังสรรค์เองเลย ทีมงานแค่เตรียมฉาก อุปกรณ์ แดนเซอร์ให้ท่านเท่านั้น”

ผมไปดูคอนเสิร์ตนี้ด้วย ชอบโชว์ชุดนี้มาก

แต่ไม่รู้ว่าคนที่คิดบทพูด คือ “เพลิน พรหมแดน”

สนุกมากครับ

อยากให้ลองไปดูในยูทูบ

เขาเลือกฉากโรงพยาบาล มีคนไข้ที่นอนไม่หลับไปหาหมอ

เล่นมุขคล้ายๆ “อาตี๋สักมังกร”

“ผมจำความรู้สึกในวันเวลานั้นได้ดี วันที่ผมนั่งอยู่ในที่นั่งคนดูแล้วมองขึ้นไปบนเวที ได้เห็นศิลปินที่เราได้ยินเสียงท่านมาตั้งแต่เด็ก ยืนร้องเพลงที่เราเป็นคนแต่ง เป็นโชว์ที่สนุกมาก ผมยิ้มไม่หุบและหัวเราะเหมือนทุกคน แต่ในฮอลล์นั้นจะมีคนหนึ่งนั่งน้ำตาคลอด้วยความปีติ”

“พี่จิก” บอกเล่าความสุขในวันนั้น

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าประทับใจ คือ “เพลิน พรหมแดน” แม้เป็นศิลปินรุ่นใหญ่ แต่เป็นคนมีวินัย ตรงเวลา

เคารพหน้าที่คนอื่น และตนเอง

ตอนซ้อมเพลงของตัวเองเสร็จก็นั่งดูคนอื่นซ้อมต่ออย่างมีความสุข

“ดีนะที่ลูกๆ หลานๆ ทำงานกันแบบนี้ สร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้คนดู ไม่ดีก็แก้ใหม่ให้ดี อามาร่วมงานครั้งนี้ได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย ขอบใจนะ”

เป็น “ผู้ใหญ่” ที่เปิดใจกว้างมาก

“พี่จิก” สรุปสั้นๆ ว่าจากที่ร่วมงานกับอาเพลิน พรหมแดน ทำให้เขารู้สึกว่าศิลปินผู้ยิ่งใหญ่คนนี้สอนทุกคนทางอ้อม

“มีวินัย ให้เกียรติคนอื่น ทั้งเพื่อนร่วมงานและคนดู ที่สำคัญเปิดใจเอาไว้”

 

“พี่จิก” เป็นคนในแวดวงดนตรี เขาจึงมี “ภาพจำ” ของ “เพลิน พรหมแดน” แบบนี้

แต่ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดเหมือนกัน

เติบโตกับเพลงของ “เพลิน” มาเหมือนกัน

แต่ “ภาพจำ” ของผมแตกต่างจาก “พี่จิก” โดยสิ้นเชิง

และที่ไม่น่าเชื่อก็คือเป็น “ภาพจำ” เดียวกับเพื่อนๆ ม.ต้น ทุกคน

ที่มั่นใจเพราะตอนที่ผมส่งข่าวการเสียชีวิตของ “เพลิน พรหมแดน” เข้ากรุ๊ปไลน์ของรุ่น

ทุกคนพูดเรื่องเดียวกัน

ตอน ม.ต้น-ม.ปลายผมเรียนที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จันทบุรี

ยุคนั้น ม.ต้นจะเป็น “ชายล้วน”

ม.ปลายจึงจะเรียนร่วมกัน “ชาย-หญิง”

ใครที่ผ่านโรงเรียนชายล้วนมา คงรู้ดีว่าสนุกแค่ไหน

เพื่อนกรุ๊ปนี้คือ เพื่อน ม.ต้นครับ

“ภาพจำ” ของเราคือตอนใส่ชุดลูกเสือไปทำหน้าที่ตรวจบัตรในงานฤดูหนาวประจำปีของเมืองจันท์

อาจารย์จะเกณฑ์เด็ก ม.ต้นของโรงเรียนใส่ชุดลูกเสือไปทำหน้าที่ตรวจบัตรในงาน

เพื่อนๆ และผมจะรับงานนี้ด้วยความยินดี

เพราะนอกจากได้เงินค่าแรง เรายังได้ดูวงดนตรีลูกทุ่งฟรีๆ ด้วย

วงดนตรีลูกทุ่งดังๆ จะมาเล่นที่งานนี้ทุกคืน

ยุคนั้นดังที่สุด ต้อง “สายัณห์ สัญญา”

แต่วงที่เป็นขวัญใจของเพื่อนๆ และผม คือ วงเพลิน พรหมแดน

ไม่ใช่นักร้องร้องดี เพลงดัง หรือตลกฮาสุดสุด

แต่เพราะ “หางเครื่อง” ของวงเพลิน พรหมแดน สวยที่สุด

“ต้อย” เพื่อนผมถึงขั้นจำได้ว่า “เพลิน” จะมาเล่นประจำคืนวันที่ 30 ธันวาคมของทุกปี

เหมือนจองคิวกันไว้ล่วงหน้าเลย

คิดดูสิครับว่าผ่านมาหลายสิบปี มันยังจำได้

แสดงว่าประทับใจมาก

ผมเพิ่งรู้จากเพจ “พี่จิก” ว่านวัตกรรมที่ “เพลิน พรหมแดน” ริเริ่มเป็นวงแรก คือ ความอลังการ์ของหางเครื่องที่แต่งชุดขนนก

จนวงต่างๆ นำไปเลียนแบบ

เราจะประจำการตรวจบัตรด้านหน้าในช่วงแรกๆ ที่คนดูเข้ามาเยอะ

แต่พอช่วงกลางๆ เป็นต้นไป คนดูจะน้อยลง

เราจะหมุนเวียนไปดูหน้าเวที

แฮ่ม…และ “หลังเวที”

เพราะจุดนั้นสาวๆ หางเครื่องจะเปลี่ยนชุดกัน

แต่พวกเราเป็นเด็กที่มีการศึกษา มีมารยาท

จะไม่ได้เข้าไปแอบส่องให้เสียภาพพจน์

เราจะยืนอยู่ห่างๆ และชะเง้อมองเป็นระยะ

แม้จะมีสังกะสีกั้น และสาวๆ ก็ใส่ชุดข้างในค่อนข้างรัดกุม

แต่ลมหนาวก็ทำให้สังกะสีพะเยิบๆ พอมีช่องให้มองเห็นบ้าง

จริงๆ มองอะไรไม่ค่อยเห็นหรอกครับ

แต่ “จินตนาการ” สำคัญกว่า “ความจริง”

เพียงแค่นี้ ลูกเสือวัยกระเตาะทั้งหลายก็มีความสุขแล้วครับ

วันนี้พอมานึกย้อนเวลากลับไป

เพื่อนผมแต่ละคน นิสัยไม่ดีจริงๆ ครับ •

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์