เผยแพร่ |
---|
การเคลื่อนไหวผ่านกระบวนการแห่งเพลง ไม่ว่าจะเป็น”#คิดถึงลุงตู่” ไม่ว่าจะเป็น”#คิดถึงลุงป้อม”มีผลสะเทือน
ไม่เพียงแต่ต่อพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ หากที่สำคัญและทวีความแหลมคมอย่างยิ่งยวดก็คือ ต่อรัฐบาลและต่อพรรคเพื่อไทย
เนื่องจากในเสียงเพลง”คิดถึงลุงตู่”ก่อให้เกิด”คำถาม”
เนื่องจากในเนื้อหาของเพลงอธิบายให้เห็นว่าทำไมจึงต้อง”คิดถึงลุงตู่”อธิบายสภาพที่ประสบอยู่ใน”ปัจจุบัน”ว่าเป็นอย่างไร
จากนั้นจึงเสนอผลงานและความสำเร็จในยุคของ”ลุงตู่”มาเป็น”คำตอบ”
ขณะเดียวกัน ก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับ”คิดถึงลุงป้อม”
เนื่องจากภายในผลงานและความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ในยุคของ”ลุงตู่”นั้นย่อมมีเงาร่างอันน่ารักและทรงพลังของ”ลุงป้อม”ยืนเรียงอยู่เคียงข้าง
ตรงนี้แหละที่ก่อให้เกิดความหงุดหงิด ตรงนี้แหละที่ความหงุดหงิดปะทุขึ้นจากภายในของพรรคพลังประชารัฐ
ดำเนินไปในลักษณะอันเป็นตัวแทนจากด้านพรรคเพื่อไทย
ต้องยอมรับว่าภายในกระบวนท่าแห่ง”#คิดถึงลุงตู่” ภายในกระบวนท่าแห่ง”#คิดถึงลุงป้อม”ก่อให้เกิดภาพเปรียบเทียบโดยอัตโนมัติ ระหว่างรัฐบาล”ปัจจุบัน” กับ รัฐบาล”อดีต”
มิได้เป็นอดีตยาวไกลไปถึงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มิได้เป็นอดีตยาวไกลไปถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
หากเป็นอดีตอันรุ่งโรจน์ในยุคของ”ลุง”กับปัจจุบันที่ก่อให้เกิดความไม่พอใจกระทั่งทำให้ต้อง”#คิดถึงลุงตู่” กระทั่งทำให้ต้อง”#คิดถึงลุงป้อม”เท่ากับสร้างความหวังอยู่กับ”ลุง”
ทั้งๆที่รู้อยู่เป็นอย่างดีเมื่อมองผ่านพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อมองผ่านพรรคพลังประชารัฐ ก็ชัดเจนอย่างยิ่งว่าริบหรี่และมีความเป็นไปได้น้อยมาก
จึงได้เรียกร้องต้องการชัยชนะผ่าน”เสียงเพลง”
เป้าหมายไม่ว่าบทเพลง”#คิดถึงลุงตู่” ไม่ว่าบทเพลง”#คิดถึงลุงป้อม” ต้องการด้อยค่ารัฐบาล ต้องการด้อยค่าพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน ท่าทีของรัฐบาล ของพรรคเพื่อไทย ก็นิ่งเฉย
เป็นความนิ่งเฉยเหมือนกับการประเมินและหยั่งท่าทีไปยังพันธมิตรภายในพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ
เด่นชัดยิ่งว่า”#คิดถึงลุงป้อม”และ”#คิดถึงลุงตู่”มิได้สร้างเอกภาพ หากก่อให้เกิดความหวาดระแวง