พระปิดตา-สังกัจจัายน์ พระเทพสาครมุนี (แก้ว) วัดช่องลม จ.สมุทรสาคร

“พระเทพสาครมุนี” หรือ “หลวงพ่อแก้ว สุวัณณโชโต” อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธิวาตวราราม ต.ท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร

สร้างวัตถุมงคลและเครื่อรางของขลังไว้หลายรุ่น ล้วนได้รับความนิยม นำไปคล้องคอติดตัว เพื่อความเป็นสิริมงคล

ที่นิยมเป็นอย่างสูง คือ “พระปิดตารุ่นแรก (ปลดหนี้)” สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2525 เพื่อหาปัจจัยใช้หนี้ค่าก่อสร้างเขื่อนหลังวัดที่ค้างชำระไว้

ลักษณะเป็นพระปิดตา เนื้อผง มวลสารที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นพระสมเด็จแก้วสุทธิที่ชำรุดแตกหักและผงว่านต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 200 ชนิด รวมทั้งผงปัถมังและผงอิทธิเจ และเกศา นำมาตำบดผสมรวมๆ กัน จำนวนการสร้าง 39,000 องค์

พระปิดตาปลดหนี้ หลวงพ่อแก้ว

ด้านหน้า เป็นรูปจำลองพระปิดตา คล้ายพระปิดตาของหลวงปู่โต๊ะ องค์พระอวบอิ่มสวยงาม

ด้านหลัง มีอักขระยันต์อุณาโลม แต่ไม่ปรากฏอักขระภาษาไทยใดๆ

สมัยนั้นออกให้บูชาองค์ละ 50 บาท ซึ่งก็หมดภายในวันเดียว

ยังมีอีกพระผงอีกรุ่นหนึ่ง ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือ “พระสังกัจจายน์”

สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2526 เพื่อหาปัจจัยช่วยเหลือวัดหงษ์อรุณรัศมีในงานประจำปี ซึ่งตรงกับวันที่ 16 ธันวาคม 2526

ลักษณะเป็นพระสังกัจจายน์ เนื้อผง รูปไข่ มวลสารที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นผงปัถมังและผงอิทธิเจ และมวลสารต่างๆ ที่รวบรวมนำมาตำบดผสมรวมกัน จำนวนการสร้างไม่ได้บันทึกไว้

ด้านหน้า เป็นรูปจำลองพระสังกัจจายน์ องค์พระพาดผ้าสังฆาฏิประทับนั่งบนฐานบัวหงาย

ด้านหลัง มีอักขระยันต์อุณาโลม และรูปหงษ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัดหงษ์อรุณรัศมี

ปัจจุบัน ค่อนข้างหาได้ยาก เนื่องจากเป็นพระผงพุทธคุณ

พระสังกัจจายน์ หลวงพ่อแก้ว

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า แก้ว ธนสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2446 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 2 ปีเถาะ เวลา 21.00 น. ที่ ต.กระสัง อ.กระสัง จ.พระตะบอง บิดา-มารดาชื่อ นายกัน และนางวงษ์ ธนสุวรรณ

เมื่ออายุ 12 ปี บรรพชาที่วัดจำบกมาศ อ.กระสัง จ.พระตะบอง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2458 เพื่อศึกษาเล่าเรียนชั้นสามัญ จนมีความรู้อ่าน-เขียนภาษาไทย และภาษาขอมเป็นอย่างดี

อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2466 ที่พัทธสีมาวัดจำบกมาศ อ.กระสัง จ.พระตะบอง มีพระปัญญาสุธรรม เจ้าอาวาสวัดจำบกมาศ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์เผือก พรหมสโร วัดกระสัง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เกตุ วัดชำนิหัตถการ กรุงเทพฯ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สุวัณณโชโต

อยู่จำพรรษาอยู่ที่วัดจำบกมาศ ช่วงหนึ่งจึงเดินทางไปจำพรรษาที่วัดมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาต่อ

พ.ศ.2480 สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ

พ.ศ.2481 สอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค

ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2482 เป็นพระกรรมวาจาจารย์

พ.ศ.2488 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดคลองตันราษฎร์บำรุง

พ.ศ.2489 เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2495 เจ้าอาวาสวัดช่องลม หรือ วัดสุทธิวาตวราราม จ.สมุทรสาคร ว่างลง คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส และในปีเดียวกัน ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาครด้วยอีกตำแหน่ง

พัฒนาวัด สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ โรงครัว ซุ้มประตูหน้าวัด ศาลาท่าน้ำ และพระอุโบสถหลังใหม่

สร้างวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ เพื่อมอบให้ชาวสมุทรสาครที่ร่วมบริจาคเงินในการก่อสร้างทั้งหมด

ให้ความสำคัญกับการศึกษาของกุลบุตรและกุลธิดาของชาวบ้านในพื้นที่ จึงส่งเสริมและเป็นผู้อุปการะโรงเรียนเทศบาลวัดช่องลม (เปี่ยมวิทยาคม) ด้วยการจัดตั้งทุนการศึกษาประจำสำนักเรียน จัดส่งนักเรียนไปศึกษาต่อเพิ่มเติม จัดพิมพ์หลักสูตรทั้งบาลีและนักธรรมใช้ในสำนักเรียน ที่แพร่หลาย คือ หลักสูตรย่อนักธรรมตรี

นอกจากนี้ ยังบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ สร้างสะพานสาครบุรี สร้างถนนเชื่อมต่อระหว่าง ตำบลท่าจีน-ตำบลบางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

สร้างสถานีตำรวจภูธรชั่วคราว และโครงการสร้างสถานีอนามัย ต.ท่าฉลอม เป็นผู้อุปถัมภ์ในการปรับปรุงวัดใหญ่บ้านบ่อ เป็นผู้วางแผนผังการก่อสร้างวัดบางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

หลวงพ่อแก้ว สุวัณณโชโต

คุณงามความดีในการพัฒนาวัด ตลอดจนเสนาสนะอย่างต่อเนื่อง จนมีเจ้าอาวาสวัดต่างๆ เดินทางมาดูตัวอย่างการก่อสร้างที่วัดอยู่เสมอๆ

ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินทรงทอดพระกฐินต้น เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2508

โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ประดิษฐานที่หน้าบันพระอุโบสถ พระราชทานฉัตรขาว 9 ชั้น ตั้งสองข้างพระประธาน และพระราชทานนามวัดช่องลมให้ใหม่ว่า “วัดสุทธิวาตวราราม”

หลวงพ่อแก้วเคยเล่าว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินวัดช่องลมเป็นการส่วนพระองค์หลายครั้ง มีพระราชปฏิสันถารจนพลบค่ำ จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ หลังจากนั้นวัดช่องลมเริ่มเป็นที่รู้จักของชาวไทยทั้งประเทศ กรมการศาสนายกวัดช่องลมเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่นของประเทศไทย

ปกครองวัดเรื่อยมา กรำงานหนักมาตลอดชีวิต เริ่มเจ็บป่วยอาพาธ กระทั่งมรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อตอนเช้าตรู่วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2526 เวลา 04.45 น.

สิริอายุ 79 ปี พรรษา 59 •

 

โฟกัสพระเครื่อง | โคมคำ

[email protected]