เดือดไม่หยุด-สมรภูมิ ‘รถ EV’ ‘ZEEKR X’ – ‘NETA X’ ร่วมศึก

สันติ จิรพรพนิต

หยุดไม่อยู่จริงๆ สมรภูมิตลาดรถไฟฟ้า หรืออีวี บ้านเรา

เพราะที่ผ่านมามีแบรนด์จีน และอื่นๆ เปิดตัวใส่กันต่อเนื่อง

ล่าสุดมีอีก 2 รุ่นที่อวดโฉมในช่วงกลางเดือน และปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

เริ่มจาก “ZEEKR X” พรีเมียม คอมแพค เอสยูวี

และ “NETA X” เอสยูวีไฟฟ้า รุ่นย่อมลงมา

โดยเฉพาะค่ายเนต้า ถือว่ามาแรงแซงโค้งสุด เพราะกวาดยอดขายไปไม่น้อยจากแผนการตลาดลดราคา รุ่นเก่า หรือสต๊อกเก่า

ช่วงเปิดตัว “NETA X” หั่นราคารุ่น “NETA V” และ “NETA V II” ลงคันละกว่า 1 แสนบาท

คาดว่าศึกถล่มราคาของกลุ่มรถอีวีจากจีน น่าจะยังอยู่อีกพักใหญ่

เริ่มกันที่ ZEEKR X แบรนด์น้องใหม่จากแดนมังกร

ที่แม้จะเปิดบริกษัทมาแค่ 4 ปี แต่ด้วยการวางตำแหน่งเป็นรถระดับพรีเมียม

บวกกับการออกแบบ และเทคโนโลยีเด็ดๆ ทำให้กวาดยอดขายและส่งวออกกว่า 240,000 คัน

รุ่นแรกที่เข้ามาทำตลาดบ้านเรา เน้นความเรียบง่าย ความหรูหรา และโปร่งโล่ง

ไฟหน้าแบบ Full-LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED

หลังคากระจก Panoramic Glass Roof

กระจกมองข้างแบบไร้กรอบ

ที่จับประตูแบบ Hidden Capacitive Sensing Door Handles ช่องชาร์จไฟที่เรียบสนิทไปกับตัวรถ

ห้องโดยสารเรียบหรู ตกแต่งด้วยสีโรสโกลด์

เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง และระบบระบายอากาศ

หน้าจอแสดงข้อมูล 8.8 นิ้ว พร้อมแสดงผลที่จำเป็นบนกระจกหน้า

หน้าจอกลางระบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว มาพร้อมกับชิพ 8155 จาก Qualcomm Snapdragon ประมวลผลอย่างรวดเร็ว

รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอย ออโต รวมถึงระบบนำทางเนวิเกเตอร์

ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย

ขุมพลังมี 2 แบบให้เลือก

รุ่น Standard ใช้มอเตอร์เดี่ยว ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 272 แรงม้า ระยะทางในการขับขี่ต่อการชาร์จเต็ม 100% อยู่ที่ 540 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC

และรุ่นแฟล็กชิพ มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 428 แรงม้า ระยะทางการขับขี่เมื่อชาร์จเต็ม 100% อยู่ที่ 470 กิโลเมตร

รุ่นแฟล็กชิพติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมประกอบด้วยล้อแบบ Forged Wheel ขนาด 20 นิ้ว

หน้าจอ AR HUD ขนาดใหญ่ 24.3 นิ้ว

ไฟ Ambient Light

และระบบเสียงรอบทิศทางจากลำโพงยามาฮ่า 13 ตำแหน่ง

ระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ZEEKR AD) ด้วยกล้องความละเอียดสูง 5 ตัว

เรดาร์ความยาวคลื่น 5 มิลลิเมตร และเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว

ระบบรักษาตำแหน่งในเลน (LCC)

ระบบแจ้งเตือนวัตถุในจุดบอด (BSD)

ระบบแสดงภาพรอบตัวรถ (AVM) เป็นต้น

พิเศษยิ่งขึ้นกับ Lightning Switch Intelligent AWD System ระบบปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่แบบ AWD ในรุ่น Flagship

รุ่น Standard ราคา 1.199 ล้านบาท

ส่วนรุ่นแฟล็กชิพ ราคา 1.349 ล้านบาท

ขณะที่ “NETA X” หน้าตาภายนอกแตกต่างจากรุ่น V อย่างชัดเจน ดูหรูหรามากขึ้น

ไฟหน้าแบบ Projector LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ และไฟ Follow Me Home

ไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน แบบ LED เช่นเดียวกับไฟท้าย

มิติตัวถังขนาดใหญ่ (กว้าง x ยาว x สูง) 1,860 x 4,619 x 1,628 ม.ม. ฐานล้อยาว 2,770 ม.ม. ทำให้ภายในกว้างขวางมากขึ้น

ภายในเด่นสุดสุดกับสีอิฐ ดูหรูหรามากๆ

พวงมาลัยหุ้มหนักพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น ปรับระดับ 4 ทิศทาง

มาตรวัดแบบดิจิทัล ขนาด 8.9 นิ้ว

เบาะนั่งปรับได้ถึง 6 ทิศทาง พร้อมวัสดุบุนุ่มห้องโดยสารถึง 80% ของพื้นที่

หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา

รวมไปถึงระบบควบคุมรถยนต์ผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ (NETA App) ช่องเชื่อมต่อ USB / Type-C และแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย

พร้อมฟังก์ชั่น V2L (Vehicle-to-Load) จ่ายกำลังไฟได้ สูงถึง 3.3 กิโลวัตต์

สามารถดึงพลังงานจากรถยนต์ไปใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก

หน้าจอความละเอียดสูง ขนาด 15.6 นิ้ว สามารถเข้าถึงระบบนําทางแบบออนไลน์ การสตรีมมิ่งเพลง และการเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับระบบรถยนต์

ระบบสั่งการด้วยเสียง รวมไปถึงระบบควบคุมรถยนต์ผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ (NETA App) ตรวจสอบสถานะแบบเรียลไทม์

มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย NETA X รุ่น Comfort มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออนขนาด 51.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 401 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)

และรุ่น Smart จับคู่กับแบตเตอรี่ ขนาด 62 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)

ทั้ง 2 บล็อกให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตัน-เมตร

ความเร็งสูงสุด 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลา 9.5 วินาที

ระบบช่วงล่างด้านหน้า แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลัง Multi-link

จุดเด่นเน้นการขับขี่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0

ติดตั้งเซ็นเซอร์รอบคัน และเรดาห์รวม 11 จุด

รองรับระบบควบคุมความเร็วในการขับขี่ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะย่านความเร็วสูง (ICA) และความเร็วต่ำ (TJA)

ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน อาทิ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน และระบบช่วยเปลี่ยนเลนพร้อมระบบตรวจจุดอับสายตา

ระบบเตือนรถคันหน้าออกตัว

ระบบเบรกฉุกเฉิน

ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ ฯลฯ

รุ่น Comfort ราคา 739,000 บาท

รุ่น Smart ราคา 799,000 บาท •

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]