33 ปี ชีวิตสีกากี (84) | ประสบการณ์ ‘ลบ’ กับ ‘ทหาร’

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

มีค่ายทหารเพิ่งจะมาตั้งที่จังหวัดระนองไม่นานนัก อยู่ที่ ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง ชื่อ ค่ายรัตนรังสรรค์ หรือ ร.25 พัน 2 เวลานั้น พ.ท.เฉลิมพล เจริญยิ่ง เป็นผู้บังคับกองพัน

ผมมีประสบการณ์กับทหารมากมายในขณะที่ผมทำหน้าที่เป็นนายร้อยเวรคดีอาญา ผมได้รับแจ้งว่า มีเหตุทะเลาะวิวาทวุ่นวายในบาร์เพลินใจ ให้รีบไประงับเหตุโดยด่วน

เมื่อได้รับแจ้ง ผมจึงรีบเดินทางไปพร้อมกับพลขับรถร้อยเวรเพียง 2 คนทันที เมื่อไปถึงมีนักเที่ยวจำนวนมากอยู่ในบาร์ส่งเสียงเอะอะวุ่นวายและมีการทุบตีทำร้ายกันเพราะแสงไฟมืดไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

ผมในชุดเครื่องแบบนายตำรวจเข้าเวรติดสายแดงยัดท็อปเรียบร้อย เห็นเหตุการณ์ดังนั้น ตัดสินใจต้องระงับเหตุวุ่นวายให้ได้ จึงร้องตะโกนให้คนคุมไฟฟ้า เปิดไฟ

สักครู่ไฟก็สว่างไปทั่ว ผมจึงสั่งให้ทุกคนหมอบราบไปกับพื้น ส่วนใหญ่หมอบไปตามที่ผมสั่ง แต่มีชายฉกรรจ์ 2-3 คน อยู่ในชุดฝึกทหารส่งเสียงโวยวายไม่ยอมหมอบ

เมื่อไม่ยอมทำตาม ผมตัดสินใจกระชากปืนออกจากซองปืนที่คาดไว้ที่ข้างเอวของผมทันที แล้วใช้เท้าที่สวมคอมแบตถีบตัวชายฉกรรจ์ในชุดฝึกทหารจนล้มกลิ้งไป

ผมส่องปากกระบอกปืนจ่อไปที่ตัวทหาร เมื่อเห็นผมเอาจริง ทุกคนจึงยอมตาม แล้วความสงบก็กลับคืนมา

ผมสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ภายในเสี้ยวนาที ถ้าปล่อยไว้จะลุกลามจนควบคุมไม่ได้ อาจวิวาทกันหนักและทำร้ายกันจนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตขึ้นได้

ผมรอชั่วครู่กำลังสายตรวจก็มาสมทบ แล้วจัดการไล่เรียงคนทำผิด เอาตัวไปดำเนินคดีต่อไป

ซึ่งคนก่อเรื่องก็คือทหาร

 

และในวันที่ผมเข้าร้อยเวรอีกจนได้ เกิดเหตุรถทัวร์ภูเก็ตท่องเที่ยว เดินทางนำผู้โดยสารจากภูเก็ตผ่านระนองเพื่อไปกรุงเทพฯ ชนรถจักรยานยนต์ที่มีจ่าทหารจาก ร.25 พัน 2 เมาและขับขี่ย้อนศร และจ่าเสียชีวิต

ผมได้สอบสวนมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่า จ่าทหารผู้ตาย ก่อนเกิดเหตุได้นั่งดื่มสุรากับเพื่อนจนเมา แล้วได้ขับขี่รถจักรยายนต์ย้อนเส้นทางจนชนกับรถทัวร์จากภูเก็ตท่องเที่ยว

คดีนี้น่าจะจบไปตามที่ผมสอบสวนได้ความเบื้องต้น แต่ทหารที่ค่ายไม่ยอม มีการรวมตัวกันทั้งค่าย โดยนายทหารเป็นผู้นำ จะไม่ให้รถทัวร์ภูเก็ตท่องเที่ยว ใช้เส้นทางผ่านหน้าค่ายเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยเด็ดขาด หากไม่ชดใช้ค่าปลงศพเป็นเงินถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท

และในที่สุด ผู้กำกับได้สั่งการให้ผมดำเนินการให้ ในทางคดีผมสั่งไม่ฟ้องผู้ขับรถทัวร์ เพราะไม่ใช่เป็นผู้ผิด

ในระหว่างที่ผมรับราชการอยู่ที่ระนอง มักจะมีเหตุทหารก่อเรื่องวุ่นวาย ให้น่าเบื่อหน่ายและเอือมระอา ทหารจะเป็นฝ่ายผิดเสมอ แต่เพราะถือว่ามีพวกมาก ยิ่งถ้าเกิดผิดใจกับตำรวจและเป็นคู่กรณีกัน ตำรวจจะตกเป็นเบี้ยล่าง

จนครั้งหนึ่ง ทหารนำกำลังมาล้อมโรงพัก สภ.อ.เมืองระนอง เพราะมีเรื่องกับตำรวจสายตรวจ กรณีที่ ส.ต.ศุภชัย บุญเนียม ถูกรถจักรยานยนต์รับจ้างทำร้ายร่างกาย แต่ข้อเท็จจริง ส.ต.ศุภชัยเข้าไปชกทำร้ายร่างกายเพื่อชิงเงินจากชาวพม่า

เมื่อมาล้อมโรงพัก ทหารเหล่านี้จะตะโกนด่าทอตำรวจด้วยถ้อยคำหยาบคาย ผมจำได้ว่า “ไอ้ตำรวจ หัวดอ”

และทุกครั้งตำรวจต้องยอมทหารอยู่ร่ำไป

 

ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมาย แต่ผมคิดว่าไม่จำเป็นที่จะขุดคุ้ย แม้แต่การขว้างระเบิดใส่วงรำวงในงานประจำปี ที่สนามกีฬาจังหวัดระนอง เพราะแย่งนางรำกัน จนมีคนเจ็บคนตายจำนวนมาก และขว้างซ้ำอีกครั้งเมื่อมีคนเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จำนวนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจึงมากกว่าครั้งแรก

ยังมีทหารกราดยิงวัยรุ่นจากหาดส้มแป้น ที่ร้านอาหารโต้รุ่งปั๊มน้ำมันเอสโซ่ จนเสียชีวิต ต่อมาชาวบ้านมาประท้วงที่ศาลากลางจังหวัดระนอง ให้ทหารชดใช้ ผมทราบว่า ทหารคนที่ยิงเป็นมือดีมือสังหาร (มือเก็บ) ของหน่วยด้วย

ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ที่ทหารก่อขึ้นจำกันไม่หวาดไม่ไหว ทุกครั้งที่เกิดเรื่อง ผู้ใหญ่ของจังหวัดทั้งหมดรู้สึกเกรงใจทหารมาก ไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น ทหารว่ายังไงก็ว่าตามนั้น

ผมรู้สึกเอือมระอา อึดอัดและเบื่อหน่ายมาก ภาวนาอย่าให้เจอเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับทหารเลย ในการแก้ปัญหาระหว่างทหารกับตำรวจ ใช้สารวัตรทหาร 4 นาย พร้อมรถยนต์ 1 คัน จัดตำรวจ 4 นายร่วมด้วย เพื่อตรวจร่วม

เมื่อมีนายทหารที่อาวุโสกว่าที่รู้จักกับตำรวจรุ่นพี่เข้ามาในพื้นที่ ตำรวจมักจะมีหน้าที่บริการจัดหาที่พัก และที่ขาดไม่ได้ คือ หาหญิงบริการให้ บริการขนาดนี้ ทหารยังพูดเชิงเยาะพร้อมให้ฉายาว่า “นตร.” หรือ นอ.ตอ.รอ.

คำเต็มคือ นายตำรวจจัดหารู เป็นประสบการณ์ตรงๆ ของผมและเจอบ่อยครั้ง ซึ่งบางคนไม่เคยเจอ ไม่มีประสบการณ์แบบนี้ จึงพูดไม่ได้

ยังมีนายทหารยศนายร้อย แค่ไม่กี่คนทำตัวเป็นขาใหญ่ในพื้นที่ ชอบสร้างปัญหาให้กับตำรวจสายตรวจเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เคารพกฎหมาย กูใหญ่และถูกเสมอ ไม่เข้าใจทหารเขาดูแลกันยังไง ทำไมไม่จัดการ

ผมคิดว่าในระดับประเทศคงไม่ต่างกัน

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับทหาร ยังมีเรื่องให้พูดอีกมาก เมื่อผมเติบโตขึ้นไป เห็นนายทหารทำงานกัน บางคนน่าจะเป็นนักเขียนมากกว่า เพราะเขียนบรรยายเหตุการณ์ได้เหมือนพนมเทียน เขียนเป็นคุ้งเป็นแคว พอปฏิบัติจริง เหลวไหลหาสาระไม่ได้เลย

พูดอย่างเยอะ แต่ทำจริงคนละเรื่อง ไม่จริงเหมือนที่พูด แล้วผมจะเสนอต่อไป

 

เมื่อผมกลับมาเข้าเวร ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2526 เวลา 22.00 น. จ.ส.ต.ผัน ยอดระบำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต.หงาว กับพวก ได้จับกุมนายสุชาติ ชุมสมุย ได้ที่หมู่ที่ 2 ต.หงาว อ.เมือง จ.ระนอง พร้อมของกลาง วัตถุระเบิดและอาวุธปืน ส่งตัวมาให้ผมดำเนินคดีในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุระเบิดที่ใช้ในราชการสงครามไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

เมื่อสอบสวนเสร็จสิ้นและได้รับผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง ผมจึงสรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหาเสนออัยการ

ศาลจังหวัดระนอง มีคำพิพากษา จำเลยผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จำคุก 2 ปี ฐานมีเครื่องกระสุนปืน (ระเบิด) จำคุก 6 ปี

ฐานมีอาวุธปืน จำเลยรับสารภาพ คงจำคุก 1 ปี

ฐานมีวัตถุระเบิด จำเลยรับสารภาพชั้นจับกุม ลดโทษหนึ่งในสี่ คงจำคุก 4 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 5 ปี 6 เดือน ของกลางริบ

 

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2526 เวลา 11.45 น. พ.ต.ท.วีระ ปานจันทร์ สวญ.สภ.อ.เมืองระนอง กับพวกได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา มี

1. นายมงคล หรืออ้วน เทพารักษ์

2. นายสอีด หรือเดช เล่สำ

3. นายมานิตย์ หรือนุช พันชั่ง

4. นายจักรพงศ์ หรือจักร มณีรัตน์

5. นายถนอมศักดิ์ หรือชุย แซ่เฮ้ง

ในความผิดฐานปล้นทรัพย์ กระทำการอันเป็นซ่องโจรเพื่อปล้นทรัพย์ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

มีผู้เสียหาย คือ นายพิสิษฐ์ แย้มสุคนธ์

เหตุเกิดระหว่างวันที่ 25-26 กรกฎาคม 2526 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน ที่ ต.เขานิเวศน์ และ ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง

คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์มีโทษสูงและผมใช้เวลาสอบสวนภายใน 17 วันก็สรุปส่งสำนวนให้อัยการ

ศาลจังหวัดะนอง มีคำพิพากษา จำเลยทั้ง 5 ผิด ป.อาญา มาตรา 210 วรรค 2 จำคุกคนละ 4 ปี

จำเลยที่ 1, 2, 3 ผิดมาตรา 340 วรรค 2, 340 ตรี จำคุกคนละ 24 ปี

จำเลยที่ 4, 5 ผิดมาตรา 340 วรรค 2, 86 จำคุกคนละ 12 ปี

จำเลยที่ 1, 3 ผิดฐานมีอาวุธปืน จำคุกคนละ 2 ปี ฐานพกพาคนละ 2 ปี

รวมจำคุก จำเลยที่ 1 32 ปี

จำเลยที่ 2 28 ปี

จำเลยที่ 3 32 ปี

จำเลยที่ 4, 5 คนละ 10 ปี

จำเลยที่ 1-5 รับสารภาพ ลดโทษให้หนึ่งในสี่

คงจำคุกจำเลยที่ 1,3 คนละ 24 ปี

จำเลยที่ 2 21 ปี

จำเลยที่ 4, 5 คนละ 12 ปี

ริบอาวุธปืน กระสุนปืน ซองปืน และอาวุธปืนทำด้วยไม้ของกลาง