มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิต มอบที่ทำกิน ยกระดับที่อยู่อาศัย เฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.10 ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

รายงานพิเศษ

 

มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิต มอบที่ทำกิน ยกระดับที่อยู่อาศัย

เฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.10

ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

 

ปัญหาการขาดแคลนพื้นที่ทำกินในประเทศไทยเชื่อมโยงกับปัญหาความยากจนอย่างลึกซึ้งและมีผลกระทบต่อกันในหลายด้าน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ เกิดปัญหาหนี้สินเรื้อรัง บางส่วนต้องย้ายถิ่นฐานเข้ามาในเมือง แต่กลับพบกับปัญหาใหม่ เช่น การแข่งขันที่สูงขึ้นสำหรับงานที่มีอยู่จำกัด เกิดสภาพการทำงานที่ไม่เป็นธรรม กลายเป็นวงจรความยากจนใหม่ที่เกิดขึ้นในเมืองแทนชนบท

อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องที่ดินและเอกสารสิทธินั้น มีความเกี่ยวพันกับหลายหน่วยงาน จำเป็นต้องมีนโยบายที่รอบคอบและยั่งยืน เพื่อให้เกษตรกรสามารถมีที่ดินทำกินเพียงพอและมีรายได้ที่มั่นคง ช่วยลดความยากจนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้มีการเสนอมาตรการและนโยบายหลายประการเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในประเทศไทย โดยเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนและการสร้างความเท่าเทียมในการถือครองที่ดิน มีการบูรณาการร่วมกันจัดสรรที่ดินที่รัฐถือครองอยู่ เช่น ที่ดินราชพัสดุและที่ดินของกองทัพ ให้กับเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการถือครองที่ดิน

โดยเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในความครอบครองของกระทรวงกลาโหม บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน นพ.1400 ในพื้นที่ ต.นาทราย อ.นครพนม จ.นครพนม ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็น 1 ใน 10 โครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ในนามรัฐบาล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมพิธีฯ ณ หอประชุมมรุกขนคร โรงเรียนนครพนมวิทยาคม

การมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้กับผู้เช่าในครั้งนี้ เป็นจำนวนผู้เช่า 60 ราย 67 แปลง โดยเป็นสัญญาเช่าเพื่อประกอบการเกษตร ซึ่งเนื้อที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 661 ไร่ เป็นสัญญาเช่าเพื่อประกอบการเกษตรในอัตราค่าเช่าผ่อนปรนเนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ อัตราเช่า 20 บาทต่อไร่/ปี และหากเกิน 50 ไร่ อัตราเช่า 30 บาทต่อไร่/ปี โดยมีสัญญาเช่าครั้งละ 3 ปี

รัฐบาล ย้ำ มุ่งสร้างความมั่นคงด้านที่ทำกิน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนผู้เช่าที่ราชพัสดุ ว่า ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ได้รับสิทธิการเช่าที่ราชพัสดุ รู้สึกเป็นเกียรติ และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาร่วมพิธีมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ ตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยเฉลิมพระเกียรติฯ นโยบายดังกล่าวเป็นการสร้างความมั่นคง ด้านที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน เพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้นโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการสร้างโอกาส และความเสมอภาคทางสังคม โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ

“ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อไป ด้วยการบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินในการทำมาหากินได้อย่างแท้จริง เพราะถ้าไม่มีที่ดินทำกิน แม้พืชผลดี ราคาตลาดดี แต่ไม่สามารถปลูกพืชได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 72,000 ไร่ในโครงการพระราชดำริถือเป็นที่ดินที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้มีส่วนร่วมในการทำให้พวกท่านมีที่ดินทำกิน อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีรายได้ที่สมบูรณ์แบบ” นายเศรษฐา ระบุ

ทั้งนี้ ในการจัดหาที่ดินซึ่งเป็นพื้นที่ของเหล่าทัพ รัฐบาลได้ดำเนินในการจัดสรรให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น โดยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มอบสัญญาที่ราชพัสดุให้กับผู้เช่าที่ราชพัสดุตามโครงการ “หนองวัวซอโมเดล” จ.อุดรธานี กว่า 9,000 ไร่

ยกระดับที่อยู่อาศัยผู้ยากไร้-ผู้สูงอายุ เพื่อคุณภาพชีวิต

ในการลงพื้นที่ จ.นครพนมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เดินทางมาที่บ้านนาคำกลาง อ.เมืองนครพนม เป็นหนึ่งในพื้นที่ดำเนินงานซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ และคนพิการ ตามโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งทาง กอ.รมน. ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กำหนดเป้าหมายจำนวน 20 หลัง โดยมีชุดช่างของหน่วยทหารในพื้นที่ ได้แก่ มณฑลทหารบทที่ 210 และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 22 ร่วมกับชุมชน ดำเนินการซ่อมแซมบ้าน ในวันนี้ ได้นำร่องส่งมอบบ้านที่ซ่อมแซมแล้วเสร็จ จำนวน 6 หลัง เป็นบ้านผู้พิการ 3 หลัง และบ้านผู้ยากไร้ 3 หลัง

สำหรับเงื่อนไขสวัสดิการ “ซ่อมบ้านผู้สูงอายุ” ที่รัฐจะจัดสรรงบประมาณไม่เกิน 40,000 บาท เพื่อสนับสนุนค่าวัสดุสำหรับซ่อมบ้าน ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในหลักเกณฑ์คือต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป, มีฐานะครอบครัวยากจน และสภาพที่อยู่อาศัยทรุดโทรม

อย่างไรก็ตาม โครงการซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ จำนวน 720 หลัง และซ่อมแซมบ้านผู้พิการ จำนวน 720 หลัง มีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และสร้างการเข้าถึงการบริการของภาครัฐ ในการแก้ไขความยากจน และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ยากไร้และผู้พิการบนพื้นฐานของความพอดีและพอประมาณอย่างมีเหตุมีผล ตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567