เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่ามองผ่านดวงตาอันมากด้วยความมุ่งมั่นของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่ว่ามองผ่านดวงตาอันมากด้วยความไม่พอใจของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
จะสัมผัสได้ในความเจ็บปวด เนื่องจากมิได้ปรารถนา หากแต่จำเป็นต้องทำ จำเป็นต้องแสดงออก
คนหนึ่ง อาจอยู่ในฐานะ”บิดา”อันเปี่ยมด้วย”ห่วงใยลูก”
คนหนึ่ง อาจอยู่ในฐานะ”หลาน”รับรู้สายใยที่ผูกพันในทางส่วนตัวมายาวนานระหว่างรุ่นพ่อ
หมายความว่า แต่ละคนล้วนมี”รากฐาน”มีสายสัมพันธ์
แต่เมื่อสภาพการณ์ไหลเลื่อนเข้าไปอยู่ในพื้นที่ในทาง”การ เมือง” ย่อมมีผลประโยชน์เข้ามายึดโยงอยู่ด้วยระดับที่แตกต่างกันไป
หากตัดจากเรื่อง”ส่วนตัว”มองไปยังสายสัมพันธ์ในทางการเมืองก็จะค่อยๆเข้าใจ
ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้วงแห่งการเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี ไม่ว่าเรื่องที่พรรคเพื่อไทยมีพันธะและความผูกพันอยู่กับผู้สมัครของพรรค
ปมเงื่อนอยู่ที่ระหว่าง”ส่วนตัว”กับ”พรรค”ปัจจัยใดสำคัญ
มองผ่านโครงสร้างของพรรค การตัดสินใจของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นไปภายใต้กฎระเบียบอันกำหนดเอาไว้อย่างที่เรียกกันว่า”ข้อบังคับพรรค”
เมื่อ นายวัน อยู่บำรุง ละเมิดและมีพฤติการณ์ในทางตรงกันข้าม ก็ต้องมีการเตือนประเด็นอยู่ที่เมื่อเตือนแล้วผลที่ตามมาดำเนินไปอย่างไร
เหมือนกับจะเป็นการยอมรับ แต่ก็เป็นการยอมรับด้วยความไม่พอใจและทางเลือกของการลาออกของ นายวัน อยู่บำรุง คือการเดินไปเป็นสมาชิกอีกพรรคการเมืองหนึ่ง
เรื่องก็น่าจะจบอย่างเงียบๆที่ตรงนั้นเพราะพรรคการเมืองนั้นก็ร่วมอยู่ในรัฐบาลอันมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำสำคัญ แต่การณ์เด่นชัดว่าไม่จบ
พลันที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ออกโรง สภาพก็ดำเนินไปในทิศทางที่เรียกว่า รั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่
จะมองว่าเป็นความผิดพลาดของพรรคเพื่อไทยก็ได้ จะมองว่าเป็นความบุ่มบ่ามของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ได้ตลอดสองรายทางมีความเห็นร่วม มีความเห็นต่าง
สะท้อนความจำเป็นของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สะท้อนความจำเป็นของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่ว่าจะมองผ่านความเป็นสมาชิกพรรค ไม่ว่าจะมองผ่านหัวหน้าพรรค
กระนั้น ที่แน่นอนอย่างที่สุดก็คือ ทั้งหมดคือการเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดเป็นสัญญาณสะท้อนแนวโน้มใหม่การเมือง