ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 สิงหาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | เรื่องสั้น |
เผยแพร่ |
อาจไม่มีวันเข้าใจ | ภูริณัฐ พฤกษ์เนรมิตร
ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด 2024
เธอบอกว่า เดือนธันวาคมอาจเป็นช่วงเวลาแสนพิเศษของผมก็ได้ ตอนแรกไม่เชื่อ ตอนนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อ แต่เพราะเธอไม่เคยผิดพลาดเรื่องข้อมูลในอดีต นับเป็นความสามารถพิเศษของเธอ (บางคนเหมารวมว่า การจดจำอดีตเป็นความสามารถพิเศษของเพศหญิงด้วยซ้ำ) หลายครั้งที่ผมชอบจับโน่นมาผสมนี่ กลายเป็นความทรงจำที่สับสนปนเป ไม่มีทิศทางแน่นอน ก็ได้เธอคอยย้ำเตือนว่าเรื่องไหนจริงและเรื่องไหนมั่ว
เธอไล่เรียงว่า เดือนธันวาคมปีนี้ผมได้เริ่มงานครั้งแรกในชีวิต หลังจากพยายามโกหกตัวเองอยู่นานว่าที่ผ่านมารู้จักชีวิตมากพอแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นหลังฝันหวานสวยหรูในช่วงหลังจบ ป.โทก็คือการกลายเป็นคนตกงานอย่างเต็มตัว
หนังสือสักเล่มเคยบอกว่า เราอาจโตพอจะเข้าใจทุกเรื่อง แต่ก็อาจเด็กพอจะไม่เข้าใจอะไรเลย
เธอปลอบใจว่า ชีวิตมีท่วงทำนองเฉพาะตัว ไม่อยากให้ผมเอาชีวิตตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร ถ้อยคำมากมายที่คุกรุ่นในใจอยากพรั่งพรูออกมาโต้แย้งว่าเธอเองก็กำลังใช้ชีวิตตามบรรทัดฐานของผู้อื่น ซึ่งหากพูดออกไปเธอคงสงบปากสงบคำกับชีวิตของผมมากกว่านี้ ทว่า ความเกียจคร้านก็มากพอจะไม่ต่อความยาวสาวความยืด หากจะหาข้อดี อย่างน้อยผมก็ระงับเขม่าความรู้สึกไม่ให้เกรอะกรังในใจเรา
มีหลายอย่างมากพอให้ผมใช้เป็นข้ออ้างในการกลายเป็นคนตกงาน อย่างน้อยแค่บอกว่าหางานยากเพราะโรคระบาด บวกกับกับการบริหารงานที่ห่วยแตกของรัฐที่ส่งผลให้ทุกอย่างบิดเพี้ยนก็น่าจะเพียงพอต่อความเข้าใจอยู่ อย่างไรก็ตาม คำปลอบโยนก็ไม่อาจกลบทับความจริงที่ว่าผมเจ็บปวดกับความไร้ค่าของชีวิต หลายคืนที่ต้องใช้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ดับอารมณ์ผิดหวังในตัวเอง แฟนสาวไม่ชอบพฤติกรรมนี้เลยสักนิด
แต่เพราะเข้าใจเหตุผลมากพอ จึงยอมกลืนเก็บความหวังดีของตัวเองไว้ แล้วเฝ้ามองผมจึงจมจ่อมกับอารมณ์ ปล่อยให้แฟนหนุ่มทิ้งขว้างตนเองในความมืดมิด แหงนมองปลายทางอย่างว้าว้าง รู้ว่าตัวเองอยู่ข้างล่างแต่ไม่คิดจะพยายามขึ้นมาสักครั้ง ไม่แม้แต่จะคิด
เธอย้อนกลับไปอีกว่า ธันวาคม 3 ปีที่แล้วระหว่างรอฉีดวัคซีนเข็มแรก จำได้ว่ากลิ่นน้ำหอมราคาถูกฉุนกึกตีกับกลิ่นโรงพยาบาลโชยเข้าจมูกจนรู้สึกแสบ รัฐใช้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใน อ.หาดใหญ่เป็นสถานที่รองรับผู้มาฉีดวัคซีนฟรี ผมต้องกระเสือกกระสนมาจากตรัง ทำเอกสารหลายฉบับขอผ่านทาง ไม่งั้นก็ต้องจ่ายเงินซื้อวัคซีนเอง กลิ่นมีไว้เพื่อดับความคลาคล่ำของผู้คน ทั้งคนสวมหมวก สวมฮู้ด สวมฮิญาบ และไม่สวมอะไรเลยแบบผม บางคนที่เดินสวนกันกลิ่นสาบโชยเหมือนไม่อาบน้ำมาหลายวัน เสียงซุบซิบจับคำไม่ได้มีมาไม่ขาดสาย ฟังคล้ายฝูงแมลงวันตอมอะไรสักอย่าง ความจริงผมไม่ควรนินทาพวกเขาแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องการวัคซีนป้องกันโรคทั้งนั้น
วันนั้นผมได้รับข้อความแสดงความยินดีที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมจากเพื่อนหลายคน หลายคนก็ไม่มั่นใจว่าเรียกเพื่อนได้หรือไม่ บางคนเพิ่งกดเพิ่มเพื่อนเข้ามาใหม่เพื่อแสดงความยินดี นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ ยอมรับว่าหลงระเริงกับมันนานพอจะลืมทุกอย่างรอบข้าง
รวมถึงเธอ
เธอไม่รู้หรอกว่า ที่ผ่านมาสิ่งที่ผมกำลังทำคืออะไร แต่งเรื่องขาย นักเขียนไส้แห้ง หรือกวีขี้เหล้า เหล่านั้นเป็นภาพจำที่ถูกพูดซ้ำบ่อยๆ ครั้นเมื่อผมคิดจะรวมกลุ่มกับเพื่อนเพื่อทำร้านหนังสือที่ขับเคลื่อนด้วยแรงใจและไฟฝันอย่างแรงกล้า เธอจึงเตือนว่า ชีวิตคู่มันไม่ได้ดื่มกินด้วยอุดมการณ์หรอกนะ เราคงไม่ทนถ้าเธอไม่มีอนาคต ตอนนั้นผมไม่เข้าใจ ตอนนี้ก็เหมือนจะยังเข้าใจไม่ครบถ้วน เธอพร้อมจะสนับสนุนผมในทุกเรื่อง แต่เมื่อไรก็ตามที่เป็นเรื่องมุมมองชีวิต เรามักมองทางคนละเส้นกันเสมอ นี่เป็นความขัดแย้งลึกๆ ในใจผม
ผมนั่งตอบข้อความในแชตพักใหญ่ก่อนจะนึกถึงเธอ โทร.ไปบอกข่าว เธอยินดีกว่าผมหลายเท่าตัวเมื่อรู้ว่าบางสิ่งที่ผมทำได้รับการยอมรับ “เธอเป็นคนเก่ง เชื่อเค้า เธอเก่งๆ เสมอ” เธอมักย้ำคำนี้ตลอด ฟังดูเหมือนคำชมเด็กน้อย แต่ก็ทำผมใจชื้นไม่เบา ในโมงยามที่ผมไม่สามารถตอบตัวเองได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ หรือเวลาที่เราทะเลาะกันเกี่ยวกับความคิดเห็นเรื่องอุดมการณ์ชีวิตของผม เธอจะคอยย้ำเตือนถ้อยคำเดิมทุกครั้ง “เธอเป็นคนเก่ง เชื่อเค้า” แม้จะมีคำว่า ‘แต่’ ตามหลังมาอธิบายให้เห็นสิ่งที่เรียกว่าชีวิตจริง แต่ผมมักปิดหูปิดตามเสมอ
บางคนบอกว่า คนบางประเภทได้รับบางอย่างจนเคยชิน แต่พวกเขาไม่ได้คิดย้อนไปว่าบางอย่างก็ควรได้รับสิ่งที่สมควรได้โดยไม่จำเป็นต้องร้องขอ
เหมือนกับวัคซีนที่ผมกำลังรอคิว… เหมือนกับความรักที่เธอก็คงรอคอย…
เธอจำได้ดีว่า ธันวาคม 2 ปีที่แล้ว ผมเรียนจบปริญญาโท โรคระบาดส่งผลกระทบยาวนานกว่าการเป็นเพียงโรคหวัดธรรมดาตามที่ใครสักคนประกาศ สังคมเข้าสู่สภาวะสงบ สงบเงียบ และรอคอยการจากไปอย่างสงบ
ค่าน้ำค่าไฟในบ้านโบยตีให้ผมเริ่มใช้สมองมากกว่าหัวใจที่ร้อนรุ่ม เราต้องเจียดเงินจ่ายย้อนหลังหนึ่งเดือน บางครั้งเกือบสองเดือน และปล่อยเดือนปัจจุบันไว้กับโชคชะตา ความคิดจะเริ่มขายของที่บ้านกับพี่ชายจึงเริ่มต้น มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผมต้องหางานสักงานที่ไม่ผูกมัดตัวเอง ระหว่างกำลังรอสมัครงานมหาวิทยาลัย บางอย่างจะกระตุ้นเตือนให้ตระหนักว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญของชีวิต
การตกงาน
เธอเป็นคนแรกที่แย้งว่าไม่ดีหรอก ทำงานกับคนที่บ้านเต็มไปด้วยปัญหาจุกจิก เธอใช้ประสบการณ์ชีวิตของตัวเองมาบอกเล่า ขอดกลั่นความลำบากของความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานมาออกมาโน้มน้าวเพื่อให้ผมลองพิจารณาอีกรอบ แต่ก็อย่างเคย ผมไม่เข้าใจ และเริ่มเปิดร้านอาหารตามสั่งกับพี่ชาย
เธอเริ่มทำงานตั้งแต่ยังเด็ก ช่วงมัธยมปลายตอนเราเริ่มคบกัน เธอเป็นหญิงสาวหน้าออกแขก (ได้เชื้อมุสลิมมาจากฝั่งพ่อ) ผมหยักศกยาวกว่าติ่งหูเล็กน้อย ร่างเล็ก ผิวขาว น่ารัก ยิ้มสวย มีลักยิ้มขวาข้างเดียว กลิ่นตัวเธอหอมเหมือนน้ำยาซักผ้าเด็ก หอมอ่อน ออกหวานแต่บางเบา ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะการดึงดูดของเพศตรงข้าม กลิ่นตัวเธอ หรือเพราะความเห็นแก่ตัว ผมจึงไม่ปล่อยให้เธอหายไปไหน
เธอทำงานตั้งแต่ตอนนั้น (อาจก่อนหน้านั้น เพียงแต่ยังไม่รู้จักกัน) เป็นพนักงานร้านไอศกรีมในห้าง สวมกระโปรงสั้นจู๋ เสื้อรัดรูปลายทางเห็นทรวดทรงชัด หลายคนคิดที่ผมไปเฝ้าเพราะรัก หากแต่ความจริงคือผมหวงและห่วง หวงแฟนที่วันหนึ่งต้องเจอกับใครก็ไม่รู้ตั้งมากมาย เรื่องเล่าเกี่ยวกับหญิงสาวไปพบรักกับคนในที่ทำงานมากมายพอจะหวง และห่วงเธอที่ต้องเลิกงานดึกในวันที่มีการประชุมร้าน ต้องรอพี่ชายไม่ก็พี่สาวมารับกลับตอนสี่ทุ่ม บางครั้งก็ต้องอาศัยเพื่อนร่วมงานไปส่ง ทางก็เปลี่ยว แถมเธอยังไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมีความเป็นกุลสตรีเรียบร้อยขนาดนั้น แหกแข้งฉีกขาเป็นเรื่องปกติ จะนั่งจะลุกยิ่งไม่เคยสนใจว่าอะไรมันจะโชว์หราออก
ทั้งหมดก็เพื่อตัวผม เพื่อความรู้สึกของผม
ชีวิตเธอวนเวียนอยู่กับการทำงานไม่รู้จบ ทั้งกับคนนอกบ้าน คนในบ้าน คนรู้จัก กระทั่งถูกครหาว่าเป็น ‘เด็กฝาก’ ทั้งที่คนสัมภาษณ์เพิ่งรู้ว่าเธอเป็นพี่น้องของใครก็เมื่อหลังจากทำงานไปสักพักก็เคยมาแล้ว เธอเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า จนรู้จักสิ่งที่เรียกว่าชีวิตเร็วกว่าผมที่มัวแต่ค้นหาชีวิตผ่านหน้าหนังสือและคำบอกเล่าของผู้คน
หลังการทำงานผ่านไปแค่เกือบครึ่งเดือน ผมก็รู้ว่าการทำงานร่วมกับพี่ชายไม่ง่ายเหมือนคิด มันง่ายในแง่ของการพูดคุยหาจุดร่วม แต่ยากในเรื่องของการพยายามทำความเข้าใจกันว่าอะไรคือความต้องการแท้จริงจากงานที่กำลังทำ ผมอาจพูดเกินไปบ้าง แต่ยิ่งทำงานด้วยกันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนชายหนุ่มโรคโปลิโอกำลังแบกโลกทั้งใบไว้บนฝ่ามือลีบง่อย หรือหากนี่คือคำสาปของพระเจ้า ผมคงเป็นซิซีฟัสที่เป็นโรคขาดสารอาหาร สภาพจิตใจน่าสมเพชเกินยอมรับ ผมรู้สึกไร้ค่า-ไร้ตัวตน และยิ่งเมื่อเป็นงานที่ทำด้วยกันในบ้าน ผมยิ่งไม่สามารถแจกฟักแจกรวยให้พวกเขาได้ยินได้ เธอจึงต้องทนฟังคำบ่นด่าของผมอยู่ตลอด โดยเฉพาะช่วงกลับจากส่งอาหาร นั่นเป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมรู้สึกว่าตัวเองได้ปลดปล่อย บ้านทั้งบ้านดูหนักอึ้ง ไร้พื้นที่ของผมโดยสิ้นเชิง ผมชอบเวลาที่งานยุ่ง ไม่ก็ต้องไปส่งอาหารที่ไกลๆ อย่างน้อยผมจะได้มีเวลาระบายความในใจออกมามากขึ้น
ช่วงนั้นผมชอบเพลง ก่อนมะลิบาน มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะท่อนที่ว่า ‘ก็อยากให้ไฟแดงนานกว่านี้หน่อย เผื่อว่าจะได้ขายมาลัยให้หมด ถ้าหากว่าวันนี้มีไปเขียวบ่อย ก็คงขาดทุน ไม่มีใครอยากซื้อมะลิ บานๆ’
แม้จะเหนื่อยยากแค่ไหน แต่ลึกๆ ผมดื้อรั้นจะเอาชนะคำพูดของเธอ โดยไม่คิดว่าเธอจะต้องรับภาระหนักขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งเรื่องภาระทางบ้าน เรื่องชีวิตที่ยังรอการตัดสินใจ เรื่องสุขภาพที่ออดๆ แอดๆ จากอาการลองโควิด รวมเรื่องคาราคาซังอื่นๆ ที่ยังรอการแก้ไข ผมไม่เคยสนใจ เอาแต่ยัดเยียดความทุกข์ของตนเองเข้าไปเพิ่มในชีวิตเธอทุกวันๆ ไม่คิดว่าจิตใจของเธอตอนนี้คงมีสภาพไม่ต่างจากลูกโป่งใส่น้ำ รอวันแตกกระจาย
ข่าวประกาศครึกโครมให้เราใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน หลีกห่างการสัมผัสสัมพันธ์กันให้มากที่สุด ผมคิดว่าตัวเองก็ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐอย่างดีมาตลอด ขนาดทำงานก็ยังทำที่บ้านเลย เสียก็ตรงที่ลูกค้าร้านผมดันเชื่อฟังคำสั่งอย่างนั้นเหมือนกัน จึงพยายามหลีกห่างร้านของผมอยู่เรื่อยไป
แต่แล้วชีวิตก็บรรเลงมาสู่ช่วงสำคัญของเธอ ท่วงทำนองแสนสุข… ความสุขที่ผมไม่เคยมอบให้เธอได้เลยสักครั้ง… ความสุขจากการถูกรัก
ลูกหมาตัวหนึ่งที่ลุงหามาให้ ได้เปลี่ยนแปลงจังหวะชีวิตเธอ
มันเป็นหมาลูกผสมบางแก้วตัวเล็กดูอ่อนแอ ขนฟู หูตั้ง ปลายหูตั้งข้างงอข้าง หน้าสีน้ำตาล ปากดำ แต่รอบตาเป็นลายขาวเหมือนใส่แว่น ตัวขาวลายน้ำตาลสลับดำเหมือนสีเปื้อน สำคัญคือพุงลายจนบางครั้งแยกไม่ออกว่าเป็นลายท้องหรือแอบหนีไปเล่นแล้วเนื้อตัวสกปรก
ก่อนเจอกันเธอบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ก็ซื้อปลอกคอมีผ้าพันคอสีแดงเหมือนเคาบอยมาให้ เมื่อสวมลงไป เธอบอกว่า ความน่ารักมากเกินจะต้านทานไหว บางอย่างในใจตะโกนบอกว่า นี่คือลูกชายของฉัน และบางอย่างนั้นได้เร่งเร้าจากข้างใน ราวกับรู้ว่านี่คือความสุขในชีวิตที่เธอตามหามานาน
อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้รับความรัก
ทุกเช้าเย็นผมจะต้องวิดีโอคอลหาเธอดูลูกหมาไปขี้เยี่ยว ยาวนานเกือบปีจนมันเริ่มกลายเป็นหมาหนุ่ม ชีวิตเธอในเวลานั้นดูมีความสุขยิ่งกว่าหลายปีที่เราคบกัน
เธออวยหมาตัวนั้นยิ่งกว่าอะไรดี เห่าเสียงดังน่ารำคาญก็บอกว่าน่ารัก กอดหอมลูกชายทุกครั้งที่มีโอกาสแม้ว่าวันนั้นมันจะเลอะไปด้วยโคลนฝุ่นหรืออะไรที่ไปเกลือกกลิ้งมาก็ตาม ย้ำเสมอว่าลูกไม่เหม็นๆ ทั้งที่บางครั้งผมได้กลิ่นสาบหมาเปียกจากตัว แต่เธอกลับจับมันพลิกไปมาแล้วหอมซ้ำๆ เหมือนกำลังเล่นกับตุ๊กตา และแม้ฝนจะตกหรือแดดจะออก เธอก็พร้อมจะนั่งฟัดกับหมาพุงลายตัวนั้นเสมอ
กระทั่งท่วงทำนองได้เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง อย่างไม่ทันคาดคิด และเรียบง่าย
หมอบอกว่าน่าจะมีอาหารติดคอเพราะกินอาหารเร็วเกินไป แม้จะพยายามอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ ผมทำได้เพียงนำร่างของหมาพุงลายไปหาเธอที่ที่ทำงาน เธอร้องไห้จนเป็นลมล้มพับ พยายามประคองสติไว้แค่ไหนก็ไม่อาจเก็บซ่อนความเศร้าในสายตาได้เลย และเหมือนว่ายิ่งนานวันอาการจะยิ่งระบมหนัก
เธอกลายเป็นคนอมทุกข์ ไม่มีสิ่งใดในชีวิตจะกลายเป็นความสุขของเธออีกต่อไป
ตั้งแต่ไม่มีหมา เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราแปลกไป
ผมเข้าใจ เธอย้ำเสมอว่านี่คือลูกของเธอ เป็นความรักในรูปแบบที่ไม่เคยรู้สึกได้มาก่อน พลังงานบางอย่างทำให้เธอไม่อาจมีสมาธิกับสิ่งอื่น นอกจากลูกชาย
ความสัมพันธ์ของเราในตอนนั้นดีอย่างไม่น่าเชื่อ ตลอดเวลาที่คบกัน นี่เป็นช่วงเวลาเดียวที่แม้จะทะเลาะกันหนักแค่ไหน เธอจะไม่ยอมตัดสายผมไปเกิน 1 วัน ทั้งหมดเพราะลูกชายของเธอ
ทุกเช้า ผมจะต้องถ่ายคลิปหมาฉี่ให้เธอ คลิปละ 3 นาทีบ้าง 5 นาทีบ้าง และเธอจะเปิดดูมันอย่างรวดเร็วที่สุด (แม้ว่าเธอจะได้ชื่อว่าเป็นคนชอบดองแชตก็ตาม) พร้อมกับข้อความซ้ำๆ ว่า “ลูกน่าร้ากกก” อารมณ์บางอย่างส่งทอดมาถึงผม มวลความสุขที่เธอมีให้ลูกมากพอที่จะทำให้ทุกคนในบ้านผมเชื่อว่านี่คือลูกของเธอจริงๆ
กระทั่งวันหนึ่งหมาจากไป เธอตกอยู่ในห้วงยามความเศร้าไม่มีที่สิ้นสุด เธอแค่เสียดายที่มันยังไม่เคยไปน้ำตก ยังไม่เคยลงเล่นน้ำทะเล ยังไม่เคยฉลองวันเกิดร่วมกับเธอ ยังไม่ได้กินตับไก่ย่างที่มันชอบเป็นไม้สุดท้ายด้วยซ้ำ เธอกลัวว่าผมจะรักหมาตัวใหม่มากกว่า กลัวว่าทุกคนจะลืมลูกชาย และความกลัวนั้นก็มากพอจะทำให้เธอต้องเปิดดูคลิปหมาฉี่ซ้ำไปมาวันละหลายรอบ เพียงเพื่อไม่ให้ลูกชายเลือนหายไปจากความ ทรงจำรวดเร็วนัก แม้ผมจะยืนยันว่าไม่เคยลืมและพร้อมอยู่ร่วมกันในห้วงเวลาเศร้า แต่ก็ไม่อาจฉุดรั้งเธอจากอารมณ์นั้นได้
ตอนนี้ เธอรู้สึกดีขึ้นแล้ว แต่น้ำตายังไหลทุกครั้งที่พูดถึง ราวกับภาพความสุขของหมาขี้เล่นตัวนั้นยังคงปรากฏอยู่ตรงหน้า ก่อนวันเกิดไม่กี่วัน เธอบอกว่าถ้าจะขอพรได้สักข้อ เธออยากให้ลูกชายกลับมา มาเป็นเด็กน้อยที่ ‘น่าร้ากกก’ อีกครั้ง ผมทำได้เพียงย้ำว่าทุกอย่างผ่านไปแล้ว มันได้ผ่านไปแล้ว
วันนี้วันเกิดเธอ ไม่สิ ชั่วโมงก่อนยังเป็นวันเกิดเธอ ผมนึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไร เพียงอยากบอกว่าเธอจะมีเราอยู่เคียงข้างเสมอ นึกขึ้นได้ เธอเคยบอกว่าชอบอ่านโพสต์เก่าๆ ที่ผมเขียนถึง (แม้จะมีอยู่น้อยนิดก็ตาม) มันได้บันทึกช่วงเวลาเหล่านั้นไว้ตลอดกาล ผมจึงอยากให้มันบันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยเช่นกัน อยากบอกเธอว่าผมก็รักลูกของเธอเช่นกัน ผมมีความสุขทุกครั้งที่เธอมีความสุข และทุกข์ใจเสมอที่เห็นเธอเศร้า
สุขสันต์วันเกิดนะครับ
ความสัมพันธ์ของเรากลายเป็นช่องว่างซึ่งบังเอิญสอดคล้องกับนโยบายรัฐที่ให้เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลเพื่อลดการแพร่เชื้อ
เรื่องเชื้อโรคได้ผลไหมไม่แน่ใจ แต่ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราเข้าขั้นวิกฤต
ในวันเกิดของเธอ สิ่งเดียวที่เธอขอให้ผมทำไม่ใช่การมอบของขวัญอะไรใหญ่โต แค่อยากให้ผมโพสต์แสดงความยินดี แสดงออกว่ายังไม่ลืมวันสำคัญของเธอ แต่ก็เช่นเคย หลายครั้งผมลืม บางทีอาจต้องบอกว่าผมไม่ใส่ใจมันมากกว่า เราเคยทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้ง ผมไม่เห็นความจำเป็นของการแสดงออกในโซเชียลมีเดีย ให้ใครก็ไม่รู้มาดูว่าเราคือคนรัก และไม่เคยเข้าใจว่าทำไมจะต้องยินดีขนาดนั้นกับแค่วันที่เราได้ลืมตามาดูโลกครั้งแรก ก็แค่วันๆ หนึ่งในอีกไม่รู้กี่วันของชีวิต วันนี้ก็เกือบไป
ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนอีกต่อไป เมื่อเราอยู่ท่ามกลางความปกติใหม่ที่ยังคงยากลำบากเหมือนเดิม
ผมโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กให้เธอ เพื่อบันทึกเรื่องราวบางอย่างที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ แม้ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงรักหมาตัวหนึ่งได้ขนาดนั้น ถึงขั้นที่กลัวว่าผมจะรักหมาตัวอื่นมากกว่าลูกชาย
ตอนนั้นผมเริ่มเห็นแล้วว่าความสงบแบบที่รัฐต้องการไม่สามารถให้เงินมาจ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ การขายของก็ดูยิ่งย่ำแย่ไปอีกเมื่อมีข่าวว่าจะปิดจังหวัดอีกรอบ ผมจึงคิดได้ว่า ต้องรีบหางานให้เร็วที่สุดโดยที่ไม่รบกวนห้วงยามความโศกเศร้าของเธออีกต่อไป
เช้าวันต่อมาหญิงสาวได้อ่านข้อความ หลั่งน้ำตาหยดลงหน้าจอโทรศัพท์ ขอบคุณผมที่ยังคงทำให้รู้สึกว่าลูกชายยังคงมีชีวิตอยู่เสมอ ขอบคุณที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊กเพราะเธอจะได้เจอข้อความนี้ในทุกปี และลูกชายจะคงอยู่ในความทรงจำของเธอตลอดไป เธอยิ้มกว้าง ใบหน้าเปื้อนน้ำตา ขอบคุณทุกสิ่งที่ผมทำให้ แม้มันจะเป็นเพียงข้อความไม่กี่บรรทัดที่ผมแอบโกงโดยนำเอาเรื่องสะเทือนใจของเธอมาโพสต์ แต่ผมกลับไม่สามารถหาคำตอบกับรอยยิ้มนี้ของเธอได้เลย
สิ่งที่เธอรอคอย สิ่งที่ผมไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วย
ความรัก
เธอเล่าซ้ำอีกรอบว่า ธันวาคมที่ผ่านมาผมได้ทำงานที่ต้องการสมใจอยาก ทุกอย่างกะทันหันไปหมด บทจะยากก็ยากเหลือทน บทจะง่ายก็ง่ายจนชวนประหลาดใจ ผมคิดถึงคำพูดของเธอ บางทีธันวาคมอาจเป็นช่วงเวลาพิเศษของผมก็เป็นได้
โรคระบาดไม่ได้หายไปจากเรา เพียงแต่ไม่มีผลอีกต่อไป ผู้คนเริ่มตอบได้แล้วว่า การอยู่บ้านไม่ได้รู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์ และการกินข้าวร่วมกันของกลุ่มคนตกงานไม่ได้เป็นมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดในโลก หากแต่มันน่าสังเวชเหลือจะกระเดือกข้าวลงคอ
ชีวิตผมอาจกำลังเริ่มต้น แต่บางชีวิตหล่นหายไประหว่างนโยบายกำลังทำงานอย่างเต็มที่
เธอคอยจัดแจงทุกอย่างที่ผมควรจะมี สั่งของทางออนไลน์ให้ส่งมาที่ทำงาน จดรายชื่อข้าวของเครื่องใช้ที่ควรมี รวมถึงเน้นย้ำว่าให้เตรียมหน้ากากอนามัยให้มากพอ ปัญหาฝุ่นควันกำลังทำร้ายผู้คนในเมือง (จะเรียกมันว่าปัญหาใหม่หรือเก่าดีนะ) ได้แค่หวังว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้ผมตกงานอีกครั้ง
เธอก็ยังคงเป็นเธออยู่เสมอ หญิงสาวที่ยังคงรักผู้อื่นมากกว่าตัวเอง
อีกเกือบครึ่งปีจะถึงวันเกิดของเธอ ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะเข้าใจเธอมากแค่ไหนแล้ว เวลาที่เราคบกันมาก็กลายเป็นเลขสองหลัก ผมยังคงจำกลิ่นน้ำยาซักผ้าเด็กของเธอได้ดี และยิ่งคิดถึงเสมอในเวลาที่ต้องเผชิญความมืดของบางค่ำคืน กลิ่นหอมอ่อนจากโชยรินเข้ามา ผมหวิวใจพิลึก
มีหลายอย่างในชีวิตที่เราไม่มีวันเข้าใจ คนกลุ่มหนึ่งอ้างสิทธิ์ในการได้รับความเคารพนับถือ ภายหลังอ้างตัวว่าแก้ปัญหาโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อสังคมที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศได้ เขาประกาศกร้าวว่า ‘เราชนะแล้ว’ หากแต่เราก็ยังคงใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ไม่มีวิถีใหม่ ไม่มีความมั่นคง และเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ไม่มีคนตอบ
รวมถึงอีกหลายอย่างเกี่ยวกับเธอที่ผมอาจไม่มีวันเข้าใจไปตลอดชีวิต
แต่อย่างน้อยผมก็ยังยินดีเสมอที่มีเธอให้รัก และได้รับความรักจากเธอเหมือนอย่างที่เป็นมา…
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022