ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 สิงหาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
‘MINI’ ที่ไม่ใช่ ‘MINI’ อีกต่อไป
‘เอสอีใหม่’ สวยสยบ-ไฮเทคแน่นๆ
กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากเมื่อ “มินิ” (MINI) เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 3 รุ่นหลัก 4 รุ่นย่อย
ในชื่อมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่
มินิ คันทรีแมน เอสอี ใหม่
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน ใหม่
และมินิ เอซแมน เอสอี ใหม่
ที่ฮือฮาเพราะนอกจากใช้พลังไฟฟ้าแล้ว รูปทรงและการตกแต่งภายนอก-ภายใน ดูว้าวมาก
รวมถึงขนาดตัวถังที่บิ๊กเบิ้มขึ้น จนแทบจะลืมชื่อมินิไปได้เลย
แต่ด้วยสัมปทานที่ค่อนข้างจำกัด บวกกับเนื้อหาที่มีเยอะพอสมควร
จึงขอจัดหนักๆ แค่รุ่นตัวขายหลัก คือ “เอสอี ใหม่” เจเนอเรชั่นที่ 5
ออกแบบโดยดีไซน์ดีเอ็นเอดั้งเดิมของมินิ ผสมผสานเข้านวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 100%
ภายนอกแบบ 3 ประตู เน้นความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ และยังคงนิยามความเรียบงานแต่ทรงเสน่ห์
เอกลักษณ์ดั้งเดิมอย่าง ส่วนหน้ารถที่สั้น ฐานล้อยาว และล้อขนาดใหญ่ ยังมีอยู่ครบ
กระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมโฉมใหม่ที่ขับเน้นความสปอร์ตจากกรอบสีเงิน Vibrant Silver
ไฟหน้าทรงกลมอีกหนึ่งเอกลักษณ์ประจำตัของการออกแบบในรุ่นหลังๆ มีโหมดไฟซิกเนเจอร์ให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Classic, Favoured และ JCW
ด้านข้างตัวถังไม่มีแถบสีดำ เข้าคู่กับตัวถังที่เพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.28
มือจับประตูกลมกลืนกับพื้นผิวของตัวรถ เช่นเดียวกับซุ้มล้อและขอบด้านข้างรถที่เสมอกับผิวตัวถังรอบคัน ทำให้รถดูมีขนาดใหญ่ขึ้น
ด้านท้ายสวยสะอาดตา คาดกลางด้วยแถบสีดำแนวนอนบริเวณกึ่งกลางฝากระโปรงท้าย
ล้อใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิลขนาด 18 นิ้วแบบ Slide spoke ดีไซน์ทูโทน
ห้องโดยสารออกแบบโดยคำนึงถึงความเรียบง่าย
แผงหน้าปัด แผงประตู และฝาปิดช่องเก็บของต่างๆ ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 90%
เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตดูหรูหราและนุ่มสบาย ด้วย Vescin สีน้ำเงิน Nightshade วัสดุหนังสังเคราะห์แบบใหม่นำมาใช้แทนหนัง
แผงคอนโซลหุ้มด้วยผ้าถักลายตารางแบบทูโทน
พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น
ไม่มีเรือนไมล์ที่ด้านหน้า แต่ปรับเป็นระบบ Head-up Display
เด่นสุดต้องยกให้จอแสดงผลหน้าจอ MINI Interaction Unit เอกลักษณ์ตั้งแต่ปี 1959 ทรงกลมขนาดใหญ่ที่แผงคอนโซลด้านหน้า
เป็นจอแสดงผล OLED ความละเอียดสูง เป็นครั้งแรกของวงการยานยนต์
ใช้งานสะดวกสบายในแบบฉบับที่ไม่ต่างจากการใช้สมาร์ตโฟน
ติดตั้ง MINI Experience ฟีเจอร์ใหม่ปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่ และเติมสีสันให้กับทุกเส้นทางได้ตามใจชอบ
ส่วนบนของหน้าจอจะเป็นพื้นที่แสดงข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น ความเร็วรถ และสถานะแบตเตอรี่
ส่วนที่เหลือปรับเปลี่ยนให้แสดงข้อมูลการนำทาง เพลงและความบันเทิงอื่นๆ รวมถึงฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อต่างๆ
มี 7 โหมดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นโหมดขับขี่ของตัวรถ เสียงจำลองที่ช่วยเสริมบรรยากาศการขับขี่ และสีสันจากหน้าจอรวมทั้งระบบไฟภายในห้องโดยสาร
โหมดมาตรฐาน “Core Mode” ห้องโดยสารจะได้รับการตกแต่งด้วยหน้าจอและไฟในโทนสี Laguna ที่เป็นหนึ่งในสีประจำตัวของมินิ
การขับขี่โหมด Comfort และเสียงจำลองแบบมาตรฐานที่ทั้งผู้ขับขี่และบุคคลภายนอกจะได้ยินไปด้วยกัน
“Go-Kart Mode” จะเปลี่ยนชุดสีหน้าจอเป็นสีดำ Anthracite ผสมกับสีแดง และระบบไฟ ambient light สีแดง
“Green Mode” เป็นโหมดการขับขี่แบบมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อเพิ่มระยะทางการขับขี่ ขณะที่หน้าจอและระบบไฟส่องสว่างจะมาในสีเขียว
นอกจาก 3 โหมดหลักนี้ MINI Interaction Unit ยังมาพร้อมกับบุคลิกและลูกเล่นอีก 4 โหมด เช่น การซิงก์แสงไฟภายในกับภาพปกอัลบั้มของเพลงที่กำลังเล่น ฯลฯ
ด้านล่างของหน้าจอ MINI Interaction Unit เป็นแผงควบคุม Toggle Bar ดีไซน์ใหม่ อีกหนึ่งองค์ประกอบที่หวนคืนมาจากมินิรุ่นคลาสสิค
Toggle Bar ช่วยให้ เข้าถึงฟังก์ชั่นสำคัญต่างๆ ในการขับขี่ได้อย่างสะดวก ทั้งเบรกมือ สวิตช์เลือกเกียร์
สวิตช์หมุนสตาร์ต/ดับเครื่อง สวิตช์สลับโหมด MINI Experience
รวมถึงเกียร์ที่เป็นปุ่มเล็กๆ ก็รวมไปตรงนี้ด้วย
อีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ คือผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ MINI Intelligent Personal Assistant ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทย
เพียงออกเสียงเรียกว่า “Hey MINI!” หรือจะเลือกกดปุ่มสั่งการด้วยเสียงบนพวงมาลัย
ทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่พัฒนาด้วยมือของทีมงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บนพื้นฐานของ Android Open Source Project (AOSP)
สามารถทำงานร่วมกับฟังก์ชั่นอื่นๆ ได้หลากหลาย เช่น เชื่อมต่อกับแพ็กเกจ MINI Navigation ขณะขับขี่เพื่อช่วยนำทางด้วยระบบคลาวด์ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายแบบ 5 G ในตัว
สามารถแสดงภาพสามมิติเพื่อช่วยนำทางผ่านจุดเลี้ยวที่ซับซ้อนได้
ขุมกำลังระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ส่งกำลัง 160 กิโลวัตต์ หรือ218 แรงม้า และแรงบิด 330 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.7 วินาที
แบตเตอรี่แรงดันสูง 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
ระยะทางวิ่งสูงสุด 402 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ต่อการชาร์จเต็ม
รองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์
ชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ในเวลาเพียงไม่ถึง 30 นาที
ตัวช่วยการขับขี่และความปลอดภัย อัดมาแน้นๆ อาทิ ระบบจอดรถอัตโนมัติ Parking Assistant พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
มีฟีเจอร์กุญแจรถดิจิทัล MINI Digital Key Plus เปลี่ยนสมาร์ตโฟนและสมาร์ตวอตช์ให้เป็นกุญแจรถ
สามารถเปิดใช้งาน Welcome Light ได้โดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของรถอยู่ในระยะ 3 เมตรจากตัวรถ
ปลดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเดินเข้ามาในระยะ 1.5 เมตร
รวมไปถึงการสตาร์ตเครื่องยนต์ เมื่อนั่งอยู่ในตำแหน่งพร้อมจะออกเดินทาง
สามารถส่งต่อ Digital Key ให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวได้
“มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่” ราคา 1,699,000 บาท พร้อมแพ็กเกจ MSI Standard
ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจ
มินิ คันทรีแมน เอสอี ใหม่ ราคา 3,399,000 บาท
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน ใหม่ ราคา 3,999,000 บาท •
ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022