ถอดบทเรียนคดี ‘เสี่ยคลั่ง’ ยิง พ.ต.ท.ดับขณะชาร์จจับ ยธ.เตรียมถอนใบอนุญาต ป่วยจิตเวชครอบครองปืน

อาชญากรรม | อาชญา ข่าวสด

 

ถอดบทเรียนคดี ‘เสี่ยคลั่ง’

ยิง พ.ต.ท.ดับขณะชาร์จจับ

ยธ.เตรียมถอนใบอนุญาต

ป่วยจิตเวชครอบครองปืน

 

เหตุการณ์เสี่ยคลั่งจับลูกเป็นตัวประกัน ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสังคมต้องสูญเสียตำรวจน้ำดีไปอีกนาย

ต้นเหตุก็มาจากปัญหาผู้ป่วยโรคจิตเวช ที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสม จนอาการกำเริบก่อเหตุรุนแรง

ซ้ำยังมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง

พ.ต.ท.กิตต์ชนม์ จันยะรมย์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม เจรจากับเสี่ยคลั่ง

เสี่ยคลั่งยิงรอง ผกก.ดับ

ย้อนไปเมื่อเวลา 21.40 น. วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ต.ท.กิตต์ชนม์ จันยะรมย์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม ที่อยู่ระหว่างออกตรวจพื้นที่ รับแจ้งเหตุความรุนแรงในครอบครัว โดยผู้เป็นพ่อใช้อาวุธปืนกักขังเป็นตัวประกัน ภายในหมู่บ้านดี.เค. ซอย 2 (พระยามนธาตุราชศรีพิจิตร์) ถนนกาญจนาภิเษก แขวงคลองบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ จึงรีบนำกำลังสายตรวจเข้าระงับเหตุพร้อมด้วย ด.ต.ไชยวัฒน์ อัตโสภณวัฒนา ผบ.หมู่ ป.สน.ท่าข้าม

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น เลขที่ 45/258 พบชายอาการคลุ้มคลั่งทราบชื่อต่อมาคือ นายบุญมา วณิชพงศ์ธร หรือเฮียตุ้ง อายุ 49 ปี เสี่ยโรงพิมพ์ ใช้อาวุธปืนจับลูกแท้ๆ ของตัวเอง 2 คนเป็นตัวประกัน พ.ต.ท.กิตต์ชนม์พยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุใจเย็นลงโดยผู้ก่อเหตุก็พูดคุยอยู่ตรงบริเวณประตูทางออกของบ้าน จนมีท่าทางสงบลงบ้างแล้วแต่ไม่ยอมออกมาจากบ้าน

จังหวะที่สถานการณ์เริ่มเย็นลงบ้าง พ.ต.ท.กิตต์ชนม์ออกมายืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ บ้านพร้อมถอดเสื้อเกาะกันกระสุนที่ใส่อยู่ออก ต่อมามีจังหวะที่นายบุญมาเปิดประตูบ้านและกำลังเผลออยู่ พ.ต.ท.กิตต์ชนม์จึงอาศัยจังหวะพุ่งเข้าจะชาร์จจับกุม

แต่เป็นจังหวะที่ลูกสาวของผู้ก่อเหตุที่อยู่ในบ้านวิ่งหนีสวนออกมา จึงทำให้ พ.ต.ท.กิตต์ชนม์เสียหลักลื่นล้ม

ผู้ก่อเหตุจึงใช้อาวุธปืนยิงสวนเข้าที่หน้าอกของ พ.ต.ท.กิตต์ชนม์ จนฟุบลงกับพื้น ส่วน ด.ต.ไชยวัฒน์ก็ถูกสะเก็ดกระสุนกระเด็นใส่บาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนที่นายบุญมาผู้ก่อเหตุจะวิ่งหลบขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนบ้าน

หลังเกิดความผิดพลาดจนเจ้าหน้าที่ถูกยิงบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ อพปร.ที่อยู่ในเหตุการณ์รีบนำตัว พ.ต.ท.กิตต์ชนม์ส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

EODส่งหุ่นยนต์ตรวจการณ์เข้าตรวจสอบ

พ.ต.ท.ธรรญธร รัศมี สว. (สอบสวน) สน.ท่าข้าม รีบรายงานเหตุร้ายให้ พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม รับทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 หน่วยอรินทราช 26 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู

ลูกสาวของผู้ก่อเหตุ ที่บาดเจ็บถูกพ่อใช้อาวุธปืนตบเข้าที่บริเวณใบหน้า ให้ข้อมูลว่า พ่อมีอาวุธปืน 4 กระบอก คือ ขนาด .38, 9 ม.ม., 11 ม.ม. และปืนลูกซอง พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่งไว้ในครอบครอง ลูกสาวยังระบุด้วยว่า พ่อป่วยโรคจิตเวชแต่ขาดยาและไม่ได้รับการรักษามาประมาณ 1 ปี จนมีอาการคลุ้มคลั่งบ่อยครั้ง

ตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงให้ญาติๆ พยายามเกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัว เพราะไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียทั้งตัวผู้ก่อเหตุเองและฝ่ายเจ้าหน้าที่

แต่คำตอบที่ได้คือเสียงปืนที่ดังออกมาจากในอาคารเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่ต้องหาที่ปลอดภัยหลบพร้อมกันพื้นที่ไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปโดยเด็ดขาด

เมื่อการเจรจาไม่มีผลคืบหน้า ผ่านไปหลายชั่วโมงเจ้าหน้าที่ตัดสินใจยกระดับแรงกดดันขึ้นไปอีกขั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) หรืออรินทราช 26 ใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดแสง ยิงใส่เข้าไปในบ้านหวังให้นายบุญมาทนไม่ไหวยอมมอบตัวแต่โดยดี แต่นายบุญมายังยิงปืนสวนออกมาเช่นเดิม

ต่อมาเจ้าหน้าที่ประสานหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ส่ง EOD ROBOT เข้าสังเกตเพื่อประเมินสถานการณ์หากมีความจำเป็นต้องบุกเข้าจับกุม จนกระทั่งใกล้ตี 4 พบว่าเสียงทางฝั่งผู้ก่อเหตุเงียบไป แต่มีเสียงการยิงด้วยอาวุธปืนดังขึ้นมาอีก 1 นัด ไม่พบเสียงตอบกลับแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ใช้ระเบิดเสียง 3 ลูก ปาเข้าไปภายในบ้านแต่ไม่มีความเคลื่อนไหวจึงตัดสินใจนำกำลังเข้าตรวจสอบในอาคารจึงพบว่านายบุญมาเสียชีวิตอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้านโดยใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเข้าที่ศีรษะ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมพิธีศพ

ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ระบุว่านับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยได้ดูแลสิทธิประโยชน์เบื้องต้นให้กับครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จำนวน 4,577,210 บาท พร้อมปูนบำเหน็จความดีความชอบตอบแทนเป็นกรณีพิเศษ โดยขอเลื่อนเงินเดือนให้ 6 ขั้น ขอพระราชทานยศเป็น “พล.ต.อ.” รวมทั้งการจัดพิธีศพให้สมเกียรติ

ในส่วนของ ด.ต.ไชยวัฒน์ ที่ได้รับบาดเจ็บ ก็ได้ดูแลสิทธิประโยชน์เบื้องต้น จำนวน 33,000 บาท และจะได้ดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามหลักเกณฑ์อย่างเต็มที่

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ยังสั่งการให้ถอดบทเรียนและทบทวนยุทธวิธีการปฏิบัติจากกรณีดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก

รับศพ พ.ต.ท.กิตต์ชนม์ จันยะรมย์ ที่ รพ.ศิริราช

คุมเข้มอาวุธปืนในผู้ป่วยจิตเวช

ต่อมาวันที่ 22 กรกฎาคม ที่หน่วยนิติพยาธิ โรงพยาบาลศิริราช พ.ต.ท.หญิง ชนม์ณกานต์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.กองอัตรากำลัง สนง.กำลังพล ร.ต.ท.วันรัฐธ์ จันยะรมณ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.สำโรงใต้ ภรรยา และบุตรชายเดินทางมารับศพ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ หรือรองหรั่ง ด้วยความเศร้า

พ.ต.ท.หญิง จิราวรรณ ธัญญะเจริญ พี่สาวรองหรั่ง ที่เดินทางมารับศพด้วย ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่น้องชายเป็นคนดีมากๆ ดีจนไม่รู้ว่าคำไหนจะมาสิ้นสุดความดีได้ ภูมิใจในตัวน้องมากๆ เขารักงานและครอบครัวมาก ทุกวันจะต้องเปิดวิทยุสื่อสารเพื่อฟังเหตุ ขนาดเฝ้าแม่ที่ป่วยก็ยังฟังวิทยุตลอด ไม่ยอมแจ้งผู้บังคับบัญชา เขาอดทนได้ ทำงานมาหลายพื้นที่ ทั้งใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ภาคอีสาน ทำทุกตำแหน่งโดยไม่เกี่ยงงาน

“ที่ผ่านมา พ่อของเราปลูกฝังให้ทุกคนในครอบครัวเป็นตำรวจ เพราะเรามาจากครอบครัวคนจน หากได้เป็นตำรวจจะได้ไม่ถูกใครรังแก ทำให้อาชีพตำรวจเป็นสายเลือดของครอบครัวเรา อยากบอกน้องว่า น้องทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว ถึงจะไปเกิดชาติภพไหน น้องก็จะไม่อายใครในอาชีพที่น้องผ่านมา” พี่สาวรองหรั่งกล่าว

ขณะที่บรรยากาศการเคลื่อนศพ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ทั้ง 10 โรงพัก ตั้งขบวนเกียรติยศบริเวณด้านหน้าหน่วยนิติพยาธิ โรงพยาบาลศิริราช โดยมี พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 เป็นผู้นำขบวน เพื่อนำศพไปประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ วัดยางสุทธาราม

ครอบครัวเสี่ยคลั่งขอขมา

วันเดียวกันที่ วัดยางสุทธาราม แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และผู้บังคับบัญชาระดับสูง ให้การต้อนรับ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจกับภรรยาและลูกชายของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์

ก่อนที่จะเดินทางกลับนายเศรษฐาได้เรียก พล.ต.ท.สำราญขึ้นไปหารือบนรถเป็นการส่วนตัวประมาณ 5 นาที ก่อนลงจากรถมาพูดคุยกับ พล.ต.ท.ธิติ พร้อมกำชับเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งต้องมีความปลอดภัยสูงสุด ก่อนที่จะเดินทางกลับในทันที และไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ภรรยาและลูก 3 คนของนายบุญมา หรือเฮียตุ้ง ผู้ก่อเหตุ ได้มาเคารพศพ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ พร้อมนำพวงหรีดมาร่วมแสดงความอาลัย ก่อนเข้าไปกราบขอขมากับครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์

ซึ่งทาง พ.ต.ท.หญิง ชนม์ณกานต์ ภรรยาของรองหรั่ง ระบุว่าไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไรเพราะอีกฝ่ายก็สูญเสียพ่อไปเหมือนกัน

อาคารพานิชย์ที่เกิดเหตุ

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยภายหลังมาร่วมไว้อาลัย พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ที่วัดยางสุทธาวาสว่า สำหรับขั้นตอนการเยียวยาครอบครัว พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายตามปกติ ส่วนการเยียวยาตามขั้นตอนของตำรวจจะเป็นอีกส่วนหนึ่ง

ทั้งนี้ ตนต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต เนื่องจาก พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมากความสามารถ และเคยไปปฏิบัติหน้าที่ยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสียกำลังสำคัญของประเทศไป โดยขณะนี้ครอบครัว พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ยังมีกำลังใจที่ดี

พ.ต.อ.ทวีกล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยจิตเวชหลังจากนี้จะต้องมีการยกระดับแนวทางการป้องกัน เนื่องจากภายในประเทศมีผู้ป่วยจิตเวชค่อนข้างสูง แม้แต่ในสภาก็ยังมีหลายคนยอมรับว่าป่วยในลักษณะนี้เช่นกัน เรื่องผู้ป่วยจิตเวชครอบครองอาวุธปืนนั้น ควรต้องมีความจำเป็นในเรื่องของกฎหมาย อาจจะต้องยกเลิกใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนในทันที

การครอบครองอาวุธปืนของผู้ป่วยจิตเวช นับเป็นประเด็นใหม่ที่สังคมต้องร่วมกับขบคิดหาแนวทางป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียเช่นนี้อีก