ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐประกาศถอนตัวจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครต และหันไปสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีของเขาให้เป็นตัวแทนพรรคเพื่อชิงชัยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐผู้เป็นตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน
ทำให้สปอตไลต์ฉายไปที่ตัวของนางแฮร์ริสทันทีแม้ว่าเธอจะยังไม่ได้เป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตอย่างเป็นทางการ และต้องรอกันจนถึงการประชุมใหญ่ของพรรคในวันที่ 7 สิงหาคมนี้
นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะทำความรู้จักกับแฮร์ริสในเส้นทางจากผู้หญิงธรรมดาสู่การเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐ
คามาลา เดวี แฮร์ริส เกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ปี 1964 ที่เมืองโอ๊กแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
พ่อของเธอ นายโดนัลด์ แฮร์ริส เป็นชาวจาเมกาที่อพยพมาอยู่ในประเทศสหรัฐเพื่อศึกษาในคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์
ส่วนแม่ของเธอคือนางชยามาลา โกปาลัน แฮร์ริส เป็นผู้อพยพมาจากทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาเอกในสาขาโภชนาการและต่อมไร้ท่อวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์
ทั้งสองได้พบรักกันที่มหาวิทยาลัยระหว่างเข้าร่วมขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง
แต่ต่อมาได้หย่าร้างกันเมื่อตอนที่นางแฮร์ริสและน้องสาวยังเด็ก
นางแฮร์ริสศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 1982 และจบการศึกษาในชั้นปริญญาตรีในคณะรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์
ก่อนที่จะกลับมาศึกษาในคณะนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เฮสติงส์ และดำรงตำแหน่งเป็นรองอัยการเขตของอลาเมด้าเคาน์ตี้ของเมืองโอ๊กแลนด์อยู่นาน 3 ปี
ก่อนที่จะได้รับเลือกให้เป็นอัยการเขตของนครซานฟรานซิสโกในปี 2004
หน้าที่การงานของเธอเติบโตขึ้นนับจากนั้นจนเป็นชาวอเมริกันผิวดำ ผู้หญิง และเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย
ซึ่งการดำรงตำแหน่งนี้เองทำให้เธอได้รู้จักกับนายโบ ไบเดน ลูกชายของนายโจ ไบเดน ซึ่งขณะนั้นโบดำรงตำแหน่งเป็นอัยการสูงสุดของรัฐเดลาแวร์
เส้นทางสายการเมืองของแฮร์ริสเริ่มต้นขึ้นจากการลงสมัครเป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2015 โดยประธานาธิบดีบารัก โอบามา และรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้การรับรองเธอในการลงชิงตำแหน่ง
จนท้ายที่สุดเธอก็ได้ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเธอเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกของรัฐและเป็นคนที่สองในประวัติศาสตร์สหรัฐที่ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ในปี 2019 เธอได้ลงหาเสียงเพื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งในการดีเบตขั้นต้น นางแฮร์ริสต้องเจอกับรองประธานาธิบดีไบเดน
แต่ไบเดนกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่าเขาประทับใจในแนวทางการดวลดีเบตของแฮร์ริสมาก ทำให้ไบเดนตัดสินใจเลือกแฮร์ริสลงชิงชัยเลือกตั้งในฐานะรองประธานาธิบดีของเขา
ท้ายที่สุดในวันที่ 20 มกราคม ปี 2021 แฮร์ริสได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่เป็นผู้หญิง คนผิวดำ และชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียใต้
แฮร์ริสมีจุดยืนคัดค้านโทษประหารชีวิตมาตลอดตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งอัยการ เธอให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานสะอาดมาโดยตลอดอาชีพการทำงาน
รองประธานาธิบดีแฮร์ริสยังสนับสนุนการขยายการผลิตพลังงานลมนอกชายฝั่งและพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ต่างจากทรัมป์ที่มีจุดยืนสนับสนุนการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลและโจมตีพลังงานหมุนเวียน
แฮร์ริสยังเคยเตือนถึงภัยคุกคามจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ อีกด้วย
นักวิเคราะห์ยังคาดว่าแฮร์ริสจะยังคงดำเนินนโยบายต่างประเทศไม่ต่างจากไบเดนมากนักในเรื่องสงครามยูเครน ความสัมพันธ์กับจีนและอิหร่าน แต่อาจมีท่าทีแข็งกร้าวขึ้นกับอิสราเอล
คงเห็นแล้วว่าแฮร์ริสมีประสบการณ์การทำงานไม่น้อยและเป็นตัวเต็งในการถูกเลือกเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังมาแรงสุดสุด
การเปลี่ยนตัวจากไบเดนวัย 81 ปีเป็นนางแฮร์ริสวัย 59 ปี ก็ถือเป็นการแก้เกมเพื่อลบข้อครหาเรื่องอายุของไบเดน
รวมถึงเป็นการเปลี่ยนตัวเอาผู้สมัครที่สดใหม่กว่าลงสนามสู้กับคู่แข่งสุดหินอย่างทรัมป์
แต่เธอก็ต้องเจองานหนักอยู่ไม่น้อยเมื่อเธอมีเวลาในการหาเสียงเลือกตั้งเพียง 4 เดือนเท่านั้น
แฮร์ริสจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่สูสีกับทรัมป์หรือแม้แต่เบียดเอาชนะทรัมป์ในการเลือกตั้งได้หรือไม่
เวลาเท่านั้นที่จะตอบได้
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022