โครงเอ๋ยโครงสร้าง ที่พล่ามกันนักหนา

คำ ผกา

คำ ผกา

 

โครงเอ๋ยโครงสร้าง

ที่พล่ามกันนักหนา

 

หลังจากรอมาเกือบ 11 เดือน ในที่สุดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็มีความชัดเจนหลังจากนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ออกมาแถลงในวันที่ 24 กรกฎาคม

ซึ่งการแถลงของนายกฯ ก็เหมือนการตัดริบบิ้นโครงการอย่างเป็นทางการ

เพราะเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตเป็นงานที่เตรียมงานกันมาตลอดตั้งแต่ตั้งรัฐบาลเพราะเป็นโครงการที่ต้องทำงานร่วมกันหลายกระทรวง

ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลังที่ต้องดูเรื่องงบประมาณและกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงินและงบฯ ทั้งหมด

กระทรวงพานิชย์ที่ดูแลเรื่องร้านค้า

กระทรวงดีอีที่ต้องมาดูเรืองงานระบบดิจิทัลอันเป็นหัวใจของรัฐบาลนี้

และที่น่าตื่นเต้นคือโครงการนี้จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 1 สิงหาคม

ฉันจึงอยากเขียนถึงดิจิทัลวอลเล็ตอีกครั้งเพื่อใช้เป็นงานอ้างอิงต่อคำถามที่มีถึงโครงการนี้แม้ว่าจะเขียนและพูดถึงไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

 

หัวใจของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคืออะไร?

โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านสิทธิการใช้จ่าย 10,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขทางเวลาและพื้นที่

เงื่อนไขทางพื้นที่คือ ภายในอำเภอ เงื่อนไขทางเวลาคือ 6 เดือน

เหตุที่ต้องสร้างเงื่อนไขเพราะต้องการให้การเร่งให้เกิดการบริโภค การจับจ่ายที่เข้มข้นที่สุด

มาตรการกระตุ้นนี้เปรียบเหมือนการวิ่งผลัดสี่คูณร้อย วิ่งให้เร็ว และส่งไม้ต่อไปยังผู้วิ่งคนอื่นๆ ให้ได้เร็วที่สุด ยิ่งเร็ว ยิ่งแรง ยิ่งส่งแรงกระเพื่อมได้มาก

หลังจาก 6 เดือน จึงเข้าสู่เฟสของการวิ่งระยะกลางที่สิทธิการใช้จ่าย 10,000 นี้จะถูกเปลี่ยนมือไปอยู่ที่ร้านค้า และถูกใช้หมุนเวียนผ่านสิทธิในรูปแบบของบัญชี จำนวนเงินที่ได้รับมาจากการขายสินค้า และนำจำนวนเงินนี้ไปจับจ่ายต่อเนื่องจนกว่าจะมีการนำตัวเลขในบัญชีสุทธินี้ไปแลกเป็นเงินสดในท้ายที่สุด

และหากพวกเราทุกคนที่ปัจจุบันนี้แทบจะไม่ได้จับเงินสดกันอีกแล้ว จะเข้าใจทันทีว่า แต่ละวันๆ แม้จะไม่มีมีดิจิทัลวอลเล็ต เราจับเงินกันน้อยลงเรื่อยๆ

เช่น เมื่อได้รับเงินเดือนมาสามหมื่นบาท เราโอนไปผ่อนรถแปดพันบาท โอนจ่ายค่าเช่าคอนโดฯ หนึ่งหมื่นบาท โอนจ่ายค่าเน็ต น้ำ ไฟ สามพันบาท โอนจ่ายเงินกู้ กยศ. สองพันบาท เหลือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เจ็ดพันบาท

ในตัวเลขเจ็ดพันบาทนี้ ทุกครั้งที่เราจ่ายค่ารถ ค่าอาหาร ค่าขนม ค่ากาแฟ เติมน้ำมัน เรากดจ่ายผ่านแอพพ์ธนาคาร

สุดท้ายแล้วในแต่ละเดือน เราอาจมีการจับจ่ายผ่านเงินสดจริงๆ แทบจะไม่ถึงหนึ่งพันบาท

นั่นแปลว่าเงินเดือนสามหมื่นบาทของเรา เป็นตัวเลขในบัญชีที่มีกฎหมายรับรองสิทธิการใช้จ่ายรองรับ และมีเงินจริงในระบบแบ๊กอัพอยู่จริง

แต่เงินสดที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ของเราจริงๆ มีแค่หนึ่งพันบาท

ถ้าจินตนาการเห็นภาพนี้จะเข้าใจและไม่มีคำถามว่าสุดท้ายการเอาดิจิทัลวอลเล็ตไปขึ้นเป็นเงินสดนั้น เอาไปขึ้นที่ไหน และรัฐจะมีเงินมาจ่ายให้เราหรือไม่?

ไม่นับว่าหัวใจของเรื่องนี้คือในแต่ละธุรกรรมการซื้อขายมีภาษีเกิดขึ้นเสมอคือภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสรรพสามิตที่ถูกจัดเก็บเป็นรายได้ของรัฐ

 

คําถามถัดมาทำไมต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ?

ตอบเป็นครั้งที่ล้านว่า การวิเคราะห์ปัญหาและทางออกเรื่องเศรษฐกิจสามารถทำได้ผ่านหลายเลนส์วิธีคิด

พรรคก้าวไกลอาจมองว่าต้นเหตุของปัญหาเศรษฐกิจในประเทศเกิดจากความไม่เป็นธรรมทางโครงสร้างการเมือง จึงมองว่าทางออกคือต้องทลายทุนผูกขาด ทุนเจ้าสัวที่เอี่ยวอยู่กับนักการเมือง พรรคการเมืองและอำนาจรัฐ

จากนั้นปฏิรูปที่ดิน เก็บภาษีมรดก ยึดที่ดินเอกชนที่รกร้างมาแจกประชาชน ทำน้ำประปาดื่มได้ เป็นโครงสร้างพื้นฐาน เปลี่ยนท่อประปาใหม่ทั้งประเทศ สร้างโนว์ฮาวการทำน้ำประปา ทำท่อประปา ลดรายจ่ายคนไทยไม่ต้องซื้อน้ำเจ้าสัวกิน

จากนั้นกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านหวยใบเสร็จ (ที่ไม่ชัดเจนว่ารายละเอียดโครงการเป็นอย่างไร คิดไปทำไปหรือไม่?) จากนั้นให้เบี้ยยังชีพคนชราเดือนละสามพันบาท เพื่อคนชราจะดูแลตัวเองได้ เอาเงินสามพันบาทนั้นไปจับจ่ายใช้สอย (แต่ไม่มีอะไรรับประกันว่าเงินนั้นจะถูกนำไปใช้จริง ไม่ถูกนำเป็นเก็บหรือนำไปใช้จ่ายในจุดที่ไม่ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ)

ซึ่งการวิเคราะห์เช่นนี้ไม่ผิด มันขึ้นอยู่กับว่าเราสมาทานแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์สำนักไหน การเมืองแบบไหน

 

ตรงกันข้าม พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เชื่อในสำนักคิดทางเศรษฐศาสตร์แบบเสรีนิยม

ซึ่งฐานคิดของเสรีนิยมคือ เชื่อมั่นในการเลือกของปัจเจกบุคคล ไม่เชื่อเรื่องการคิดแทนประชาชน

และสมาทานแนวคิดเรื่องการเพิ่มอำนาจให้กลไกตลาด พร้อมๆ กับการลดอำนาจการแทรกแซงของรัฐ

พร้อมๆ กับการดูแลประชาชนไม่ให้ถูกเบียดเบียนจากทุนและกลไกตลาดผ่านสวัสดิการโดยรัฐในเรื่องที่สำคัญ

คือการรักษาพยาบาล (บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่) และการออกมาตรการโอบอุ้มกลุ่มเปราะบางผ่านสิทธิการเข้าถึงแหล่งทุนและเงินกู้ ผ่านธนาคารในการกำกับดูแลของรัฐ

บนวิธีคิดเช่นนี้ การวิเคราะห์ปัญหาและทางออกของปัญหาแบบพรรคเพื่อไทยจึงใช้วิธีที่อิงอยู่กับกลไกตลาดเสรี

และเชื่อในอำนาจและสิทธิของปัจเจกบุคคลว่า เมื่อพวกเขาได้รับสิทธิในการใช้จ่ายหนึ่งหมื่นบาท

รัฐจะแทรกแซงเท่าที่จำเป็น จะไม่ไปกำกับดูแลว่าประชาชนจะเอาเงินไปซื้อชานมไข่มุก ผงชูรส อาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย บลา บลา

ไม่ได้มานั่งรังแครังคัดว่า ร้านไหนทุนใหญ่ ร้านไหนทุนเจ้าสัว เพราะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่โครงการบีบไข่เจ้าสัว

จากนั้นก็มองผลของโครงการนี้ว่าจะเพิ่มเม็ดเงินในตลาดการบริโภคภายในจากรายย่อยสู่รายใหญ่ สู่การจ้างงาน สู่ศักยภาพการผลิตหรือ productivity ตามศักยภาพที่แท้จริง ไม่ใช่ต่ำกว่าศักยภาพอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้

และจะนำไปสู่ความสามารถในการจัดเก็บภาษีของรัฐบาล (ที่ทุกวันนี้ประเทศไทยเก็บได้ต่ำกว่าทุกประเทศที่มีขนาดและศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกัน)

และสุดท้ายนำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น เม็ดเงินมากขึ้น ขนาดของจีดีพีที่สูงขึ้น เมื่อเม็ดเงินมากขึ้น จีดีพีโตขึ้น รัฐก็สามารถนำเงินนั้นมาทำสวัสดิการให้ประชาชนมากขึ้น ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ดึงดูดเม็ดเงินใหม่ๆ จากแหล่งเงินใหม่ๆ มาอยู่ในประเทศมากขึ้น มีการจ้างงานมากขึ้น

จากนั้นสิ่งที่เรียกว่าการเปลี่ยนผ่านจากประเทศเศรษฐกิจแบบเก่า ล้าหลัง ก็จะปรับเปลี่ยนไปสู่ประเทศที่มีเศรษฐกิจของโลกใหม่

ที่ไม่ใช่วนๆ อยู่กับการส่งออก สิ่งทอ ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์แบบเก่าๆ เพราะเศรษฐกิจของโลกอนาคตที่รอเราอยู่เป็นเรื่องพลังงานสะอาด สิ่งแวดล้อม สภาวะอากาศที่เปลี่ยนไป การใช้เอไอในทุกอุตสาหกรรม

การเกษตรที่ทำน้อย ใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อย แรงงานน้อย แต่ได้ผลมาก

 

และสำหรับฉัน นี่คือนิยามของคำว่าประเทศที่ได้รับการพัฒนา ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งไม่ได้แปลว่ามันถูกทั้งหมด หรือมันการันตีผลลัพธ์ที่งดงาม

แต่อย่างน้อยมันชัดเจนว่า เวลาเราดู หรือวิจารณ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล เราเห็นภาพใหญ่ของการมองเศรษฐกิจทั้งหมด

เราเห็นว่าเขาสมาทานสำนักคิดทางเศรษฐศาสตร์แบบใด และทำไมเขาเลือกทำโครงการนี้ไม่ทำโครงการนั้น

และเราจะเลิกหมกมุ่นกับคำถามโง่ๆ เช่น ทำไมให้ซื้อของในเซเว่น? ทำไมเอื้อทุนใหญ่? ทำไมไม่แจกเป็นเงินสด? คิดได้แต่เรื่องแจกเงิน? ทำไมให้ทุกคน? ทำไมไม่ให้แต่คนจน? ดึงดันจะทำ กลัวเสียหน้าล่ะสิ? จะเสียวินัยการเงินการคลัง? รัฐบาลสร้างหนี้ชั่วลูกชั่วหลาน ฯลฯ

นอกจากกระตุ้นแศรษฐกิจแบบเร็วและแรงด้วยการกำหนดเงื่อนไขทางเวลาและพื้นที่ ผลเชิงโครงสร้างระยะยาวของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคือ การเปลี่ยนโครงสร้างประเทศ ระบบราชการ และชีวิตของประชาชนจากระบบอะนาล็อกไปสู่ระบบดิจิทัลขนานใหญ่

การดิจิทัลไลซ์ระบบราชการ ระบบคลาวด์ของงานเอกสารของราชการที่เราบ่นๆ กันเรื่องงานเอกสาร งานกระดาษงานที่ต้องการลายเซ็นการยืนยันตัวตนห้าร้อยอย่างในระบบราชการอันเป็นที่มาของการคอร์รัปชั่น การเรียกเก็บใต้โต๊ะ การจ่ายเงินเพื่อลัดคิว หรือการแกล้งเดินเรื่องให้ช้าเพื่อเรียกสินบน การออกใบสั่ง การปรับ การลงโทษ ฯลฯ

เหล่านี้คืองานที่ซ่อนอยู่ในการดึงคนอย่างน้อยห้าสิบล้านคนเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลและเข้าสู่ระบบพื้นฐานของการปฏิรูปงานเอกสารแบบราชการทั้งหมดให้อยู่ในฐานข้อมูลที่ต่อไปนี้เราจะใช้ร่วมกัน ไม่ใช่ติดต่อห้าหน่วยงานต้องถ่ายเอกสารห้าสิบชุดซ้ำๆ และยื่นซ้ำๆ

ปัญหาที่บ่นๆ กันเรื่องความซ้ำซ้อนของงานเอกสารก็จะเริ่มได้จากตรงนี้

ยังไม่นับว่านี่จะเป็นการดึงคนเข้าสู่ระบบภาษีอย่างเป็นทางการครั้งใหญ่ที่ไม่ได้แปลว่าทุกคนที่เข้าสู่ระบบภาษีต้องจ่ายภาษี

แต่การที่เราเข้าสู่ระบบภาษี มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ เช่น เราอาจเป็นผู้มีสิทธิได้ภาษีคืน เป็นผู้ได้รับการยกเว้นภาษี เป็นผู้ได้รับการลดหย่อนภาษีจากการมีบุตร จากการเลี้ยงดูพ่อแม่ที่ชรา จากการเป็นผู้บริจาคเงินให้พรรคการเมือง

 

การปฏิรูปงานราชการไปสู่ระบบดิจิทัลโดยพร้อมเพรียงกัน ยังทำให้พลเมืองอย่างเราสามารถใช้สิทธิประกันสังคม สิทธิบัตรทอง สิทธิการกู้ กยศ. สิทธิของกองทุนการออมแห่งชาติ สิทธิประโยชน์ผู้สูงอายุ คนพิการ

เราสามารถติดตามได้ว่าเงินประกันสังคมทุกๆ เดือนที่เราจ่าย ตอนนี้อยู่ที่ไหน มีเท่าไหร่ เมื่อเราเกษียณเราจะมีเงินเก็บเท่าไหร่

เด็กอายุสิบห้าปีขึ้นไป จะเช็กสิทธิการอยู่ในกองทุนการออมแห่งชาติได้ เริ่มออมเงินเพื่อเป็นการเกษียณอายุของตัวเองได้เลย

และในอนาคตอาจนำไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตร ตราสารหนี้

ซึ่งถ้าชาวบ้านชาวช่องสามารถเข้าถึงการลงทุนเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย ผลที่ตามมาในระยะยาวคือการลดความเหลื่อมล้ำในเรื่องความสามารถในการเข้าถึงการลงทุนและการออม อันเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ใหญ่มากในสังคมไทยมาช้านาน

และสิ่งนี้แหละที่ปัญญาชนชาวเน็ตมักบ่นกันว่า ทำไมสอนเรื่องการเงินให้เด็กในโรงเรียน ทำไมคนไทยไม่มีความรู้เรื่อง financial literacy

คนที่คิดว่าตัวเองเป็นหัวก้าวหน้าสุดแสนจะลิเบอรัลในเมืองไทย แท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้ก้าวหน้าหรือเสรีนิยมประชาธิปไตยอะไรเลย

พวกเขาคืออวตารความคิดของอีลีตลูกอีช่างสอน ชอบคิดแทนชาวบ้าน ชอบคิดว่าคนอื่นโง่ ทุกอย่างจะพัฒนาได้ก็ต่อเมื่อจับคนโง่บ้าป่าเถื่อนมา สอน สอน สอน และสอน

จากนั้นก็คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงประเทศและสังคมผ่านการแก้กฎหมาย แก้กฎ แก้กติกา

ซึ่งก็ไม่ผิด แต่พวกเขามักลืมมิติของการเรียนรู้ผ่านปฏิบัติการจริงในชีวิตประจำวัน อันเกิดจากการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี หรือการสร้างแรงจูงใจผ่านผลประโยชน์ที่จะได้รับ หรือแม้แต่การออกแบบมาตรการโครงการที่กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและการเรียนรู้ใหม่ๆ

โดยไม่จำเป็นต้องจับคนมานั่งเรียนหรือส่งคนไปเปิดคลาสสอนอย่างเดียว

 

แม้แต่การปฏิรูปการศึกษาก็เช่นกัน ที่คนก้าวหน้าพูดเรื่องการปฏิรูปในกระดาษ ในกฎหมาย การทลายรื้อโครงสร้าง แต่ในวิธีคิดแบบพรรคเพื่อไทยคือไปทำให้คนเข้าถึงอินเตอร์เน็ต สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ใหม่เป็นทางเลือก สนับสนุนอาชีพที่มากับซอฟต์เพาเวอร์ ส่งคนไปเป็นพลเมืองโลก ปลดพันธนาการของผู้คนออกจากการศึกษาในระบบ

ขณะเดียวกันก็เก็บการศึกษาในระบบเอาไว้เป็นทางเลือกให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่งแล้ว ปล่อยให้เกิดการแข่งขัน บังคับให้การศึกษาในระบบต้องปรับตัวเองในท้ายที่สุด

ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่ เกิดขึ้นเมื่อไหร่

แต่เขาเชื่อว่า ทางนี้มันไม่ต้องไปชนมาก

ที่สำคัญวิธีคิดแบบพรรคเพื่อไทยคือไม่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศ เปลี่ยนแปลงสังคมเกิดจากการนำของรัฐ

แต่เกิดจากการออกแบบระบบนิเวศน์บางอย่างให้สังคมขยับจนเกิดการเปลี่ยนแปลงจากพลังของพลเมืองและสังคมเองในที่สุด

ในขณะที่เราฟังวิสัยทัศน์แบบพรรคก้าวไกล เราจะเห็นว่าเขาที่บอกว่าห้วก้าวหน้ากลับเชื่อว่าสังคมจะเปลี่ยนได้จากการนำของรัฐ และเริ่มที่การเปลี่ยนระบบจากข้างบนลงมาข้างล่าง และมีแนวโน้มจะมองว่าประชาชนโง่และอ่อนแอ ถูกซื้อได้ ถูกหลอกได้

 

คําถามที่ถามกันไม่รู้จบเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอีกคำถามคือ เอื้อนายทุนหรือไม่?Ž

คำตอบคือ การไม่มีดิจิทัลวอลเล็ตก็ไม่ได้ทำให้นายทุนรวยขึ้นหรือจนลง ในทางกลับกัน การมีดิจิทัลวอลเล็ตทำให้คนห้าสิบล้านคนกลายเป็นพลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีร้านค้า ผู้ประกอบการรายย่อยได้ประโยยชน์จากโครงการนี้แน่นอน

คนไม่มีสมาร์ตโฟน ลงทะเบียนได้หรือไม่?

คำตอบคือลงได้โดยใช้บัตรประชาชน

โครงการนี้จะทำให้คนห้าสิบล้านคนเข้าสู่โครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลเลยหรือไม่?

คำตอบคือ ถ้าทำได้สามสิบล้านคนจากห้าสิบล้านคนก็ถือว่าทำได้เกินครึ่งทาง และดีกว่าที่จะไม่ทำหรือไม่เริ่มเลย

ทำไมไม่ให้เอาไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า? คำตอบคือ ก็เอาดิจิทัลวอลเล็ตไปซื้ออย่างอื่นที่ปกติใช้เงินสด แล้วเอาเงินสดไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า โอเคนะ?

โครงการนี้ทำมาเพื่อให้นักการเมืองคอร์รัปชั่น?

 

ดิจิทัลวอลเล็ตไม่มีการโอนเงิน ไม่มีการประมูล ไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ทุกๆ ธุรกรรมสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ทั้งหมด โปร่งใสกว่าทุกๆ โครงการของรัฐที่เคยมีประวัติศาสตร์ชาติไทยแน่ๆ

ฉันไม่ได้บอกว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโครงการที่ดีที่สุดในโลก รัฐบาลฉลาด จีเนียส วิเศษเลิศเลอ

แต่อยากให้เข้าใจวิธีคิดของโครงการและโปรดรู้ว่า มันใช้เงินเพียงห้าแสนล้านหรือสี่แสนห้าหมื่นล้าน และใช้แค่หนึ่งครั้ง ไม่มีภาระผูกพันใดๆ ตามมา และห้าแสนล้านนั้นคิดเป็นสัดส่วนของงบประมาณแผ่นดินทั้งหมดก็เป็นสัดส่วนที่น้อยนิดกระจิ๊บกระจ้อยมาก

และหากมองเรื่องผลของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระยะยาวนี่เป็นการลงมุนที่คุ้มค่าเหมือนลงทุนเปลี่ยนหลังคามุงสังกะสีเป็นกระเบื้องซีเมนต์มาตรฐาน สวยงาม ฝนตกไม่รั่ว เสียงไม่ดัง ไม่ร้อน คุณภาพชีวิตคนในบ้านดีขึ้น ในอนาคตอาจมีความสามารถไปซื้อ ไปสร้างบ้านใหม่

การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การเมือง ระบบราชการอันเกิดจากการนับหนึ่งนำพาพลเมืองเข้าสู่ระบบริหารราชการแบบดิจิทัลนี้จะเกิดสัมฤทธิผลช้าหรือเร็ว จะเกิดขึ้นในสี่ปี แปดปีข้างหน้า หรือไม่มีใครรู้ และไม่ควรการันตี รัฐบาลใหม่อาจทำได้ดีกว่านี้ หรือทำได้แย่กว่านี้ นี่คือธรรมชาติของการเมืองระบอบประชาธิปไตยที่เราอยู่ภายใต้รัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งที่ใช้อำนาจแทนเราสี่ปี

แนวทางการพัฒนาประเทศและพัฒนาสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจบนวิธีคิดแบบรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยก็เช่นกัน เมื่อเขาเป็นรัฐบาลเขาก็ทำในแบบที่เขาเชื่อ ถ้าเราไม่เชื่อ ไม่เห็นด้วยกับเขา สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ วิจารณ์ไปพร้อมๆ กับทำใจว่าเราไม่ใช่เสียงข้างมาก

ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าวันนี้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลแล้วทำหวยใบเสร็จ แจกเงินคนแก่สามพันบาททุกเดือน ฉันไม่เห็นด้วยแต่ฉันก็ต้องทำใจว่า เขาเป็นรัฐบาล เขามีสิทธิทำในแบบที่เขาเห็นว่าดี พร้อมๆ กับนั่งวิพากษ์วิจารณ์ ทำงานทางความคิดไปเรื่อยๆ

แต่อย่าลืมว่าการทำงานทางความคิด การวิจารณ์ ก็ต้องช่วยกันวิจารณ์ให้ตรงประเด็น ไม่ใช่วิจารณ์เพื่อให้โครงการมันล้ม เพื่อความสะใจของเรา หรือมองการเมืองเป็นเรื่องของความสะใจ ความอยากสมน้ำหน้า ถ้าไม่ใช่พรรคที่ฉันเชียร์ ฉันอยากเห็นรัฐบาลล้มเหลวแล้วฉันมีความสุข

ย้ำอีกครั้ง ดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ใช่การแจกเงิน แต่เป็นการยืมมือประชาชนห้าสิบล้านคนมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านสิทธิการใช้จ่าย และเป็นแพลตฟอร์มเพื่อ transform หรือเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจและการบริหารระบบราชการแบบดิจิทัล

ย้ำว่านี่คือการนับหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศหลังจากที่เคยถูกล้มจากโครงการเปลี่ยนโครงสร้างประเทศผ่านระบบโลจิสติกส์ด้วยโครงการ Thailand 2020 มาแล้ว

หวังว่าเราจะไม่ทำลายโอกาสของประเทศซ้ำซาก