เผยแพร่ |
---|
การปรากฏขึ้นของ”โพล” ไม่เพียงสร้างความกังขา หากแต่ก่อให้เกิดความประหลาดใจตามมา
ไม่ว่าจะเป็น”นิด้าโพล” ไม่ว่าจะเป็น”สวนดุสิตโพล”
ยิ่งเมื่อตามมาด้วย”สถาบันพระปกเกล้า โพล” ประสานเข้ากับ”ศรีปทุมโพล” ประสานเข้ากับ “ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ โพล” ยิ่งทำให้หมดความตื่นเต้น
เนื่องจากดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือ คะแนนและความนิยมเป็นของพรรคก้าวไกลอันดับ 1 และตามมาด้วยพรรคเพื่อไทย
นั่นอาจเพราะคะแนนและความเห็นอกเห็นใจเนื่องจากรู้สึกว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้รับความเป็นธรรม ได้รับเลือกมาเป็นอันดับ 1 แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล
แต่ในท่ามกลางคะแนนที่มาเป็นอันดับ 1 ต่อคำถามที่ว่าหากมีการเลือกตั้งจะเลือกพรรคการเมืองใดที่สุ่มตัวอย่างเทให้กับพรรคก้าวไกลอย่างคึกคักและหนักแน่น
แต่ต่อคำถามที่ว่า “ในเรื่องการแก้ปัญหาท้องถิ่นประชาชนเชื่อมั่นกับพรรคการเมืองใดมากที่สุด”
เมื่อคำตอบเป็น”พรรคก้าวไกล”จึงก่อคำถาม ความสงสัยขึ้น
อาจเป็นคำถามของ”สวนดุสิตโพล” อาจเป็นคำถามในเรื่องของความเชื่อมั่นในทางการเมือง
เมื่อเชื่อมั่นพรรคก้าวไกล ก็เชื่อมั่นนโยบายพรรคก้าวไกล
แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าเป็นการแก้ปัญหา”ท้องถิ่น”มิได้เป็นปัญหา”รัฐบาล” และอยู่ที่ว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล หรือแม้กระทั่งคณะก้าวหน้าก็มิได้กุมการบริหาร”ท้องถิ่น”
ถามว่าความเชื่อมั่นมาจากรากฐานอะไรจึงเทให้กับพรรคก้าวไกลถึงร้อยละ 52.53 ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้เพียงร้อยละ 19.79 ขณะที่พรรคพลังประชารัฐได้เพียงร้อยละ 17.30 น.
คำถามนี้จึงมิได้มาแต่จากพรรคเพื่อไทย มิได้มาแต่จากพรรคพลังประชารัฐ หากแต่น่าจะมาจากพรรคภูมิใจไทย หากแต่น่าจะมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ หากแต่น่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์ หากแต่น่าจะมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา
หรือแม้กระทั่งภายในพรรคก้าวไกลเองก็น่าจะมี”คำถาม”
จุดที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากยืนยันให้เห็นว่าคะแนนและความนิยมต่อพรรคก้าวไกลมิได้มาจากความสงสาร
เนื่องจากเรื่องของ”นโยบาย” เป็นเรื่องของ”หลักการ”
หากเป็นไปตามที่ปรากฏตามโพลย่อมหมายความว่าจุดแข็งทางการเมืองอันพรรคไทยรักไทยเคยริเริ่มและประสบความสำเร็จได้ผันมาเป็นจุดแข็งของพรรคก้าวไกลแล้ว
แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีรากฐานมาจากพรรคพลังประชาชนและมีรากฐานมาจากพรรคไทยรักไทยก็ตาม