ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
แม้ในเจเนอเชั่นที่ผ่านมาเก๋งเล็ก “เอ็มจี 3” จะไม่ได้สร้างยอดขาย หรือกระแสหวือหวามากนัก
แต่มาตอนนี้ค่ายเอ็มจี หมายมั่นปั้นมือกับรถรุ่นใหม่อย่างมาก
ด้วยเพราะเป็นโมเดลที่สร้างชื่อมาแล้วทั่วโลก เนื่องจากขุมพลังใหม่ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัด
แถมรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เรียกว่าแทบลืมโมเดลเก่าไปได้เลย เพราะพัฒนาขึ้นในทุกๆ ด้านนั่นเอง
ถือเป็นรถยนต์ไฮบริดเทคโนโลยีใหม่จากเอ็มจี ซึ่งเป็นโกลบอลโมเดลรุ่นที่ 2
รูปทรงแฮทช์แบ็ก 5 ประตู
ดีไซน์ไฟหน้า LED แบบใหม่ Hunter Eye Headlamp ดวงตานักล่า ที่ดูคมชัด และโฉบเฉี่ยว
กระจังหน้าแบบใหม่ ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว
เส้นสายการออกแบบรอบตัวถังเน้นความโค้งมน
ห้องโดยสารสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้ Modular Concept ที่ให้ความสำคัญกับ วัสดุที่มีคุณภาพ พร้อมการออกแบบคอนโซลที่เล่นระดับให้มีมิติ
เพิ่มความหรูหราด้วยภายในแบบทูโทนขาวสลับดำ ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยสีเปียโนแบล็ก
เน้นความสะดวกในการใช้สอย สำหรับทั้งคนขับและผู้โดยสาร
พวงมาลัยทรงแปลกตา ไม่กลมดิกเหมือนแต่ก่อน แต่ดูไฮเทคมากขึ้น พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น
หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว
หน้าจอกลางแบบดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว
เชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และกุญแจรีโมตอัจฉริยะแบบ Smart Key
เกียร์แบบแป้นทรงกลม หมุนไปมา
ด้วยความมิติตัวถังมีขนาดบิ๊กเบิ้มขึ้น ทำให้พื้นที่เหนือศีรษะ และพื้นที่วางขา มีมากขึ้นในทุกที่นั่ง
ห้องสัมภาระท้ายจุได้มากถึง 293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร
ขุมพลัง HYBRID+ พัฒนาเหนือขึ้นไปอีกขั้น เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรที่พัฒนาขึ้นใหม่จาก SAIC MOTOR CORPORATION ให้แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า รองรับน้ำมัน E20 รวมแรงม้าสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร
ทำงานผสานกับมอเตอร์ที่ใช้สร้างกระแสไฟได้สูงสุด 45 กิโลวัตต์
แบตเตอรี่ Lithium-Ion ความจุ 1.83 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้า EDU 3 ระดับ
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 8 วินาที
วิ่งไกลสุดถึง 800 กิโลเมตร ต่อน้ำมัน 1 ถัง
ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลัง Hybrid Transmission ด้วยเกียร์ไฟฟ้าแบบ E-AT ให้จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะสม ลดเสียงรบกวน และประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
ปรับโหมดควบคุมการขับขี่ได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Eco โหมด Standard และโหมด Sport
ทั้งยังมีระบบ KERS เหมือนในรถไฟฟ้า ที่สามารถปรับการใช้งานได้ 3 ระดับ
การขับขี่แบ่งเป็น 8 โหมดการทำงานหลักๆ
เริ่มจาก โหมดจอดหยุดนิ่ง-ระบบจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง (HV BATTERY) เพื่อทำให้ระบบปรับอากาศและระบบอื่นๆ ทำงานได้โดยที่เครื่องยนต์หยุดการทำงาน
โหมดวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนจนถึง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง-เมื่อออกตัวจากจุดหยุดนิ่งในช่วงความเร็ว 0-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน (Pure EV)
ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและเงียบเหมือนรถไฟฟ้า พร้อมอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ทันใจ
โหมดความเร็วที่วิ่งบนถนนที่มีการจราจรหนาแน่น-เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 30-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงความเร็วต่ำ ใช้งานในเมือง ระบบจะสลับไปยังโหมดระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid)
โดยเครื่องยนต์จะทำหน้าที่แค่เพียงปั่นไฟ และส่งกระแสไฟไปให้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนตัวรถ
ทำให้ได้ความรู้สึกนุ่มนวล ตอบสนองฉับไวแบบรถไฟฟ้า และรถมีความคล่องตัวมากขึ้น
โหมดความเร็ววิ่งในเมือง-เมื่อหากความเร็วไต่ระดับไปที่ 50-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โหมดระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงแรงบิดสูงอย่างต่อเนื่อง
เพราะเครื่องยนต์ยังทำหน้าที่เป็นตัวปั่นไฟช่วยให้มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อโดยตรงได้แบบรถไฟฟ้า
พร้อมส่งกระแสไฟส่วนเกินไปเก็บยังแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง
โหมดความเร็ววิ่งคงที่-เมื่อวิ่งด้วยความเร็วคงที่ในช่วงความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะสลับเป็นการใช้งานเครื่องยนต์ที่รอบความเร็วต่ำ โดยใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวเครื่องยนต์จะตัดต่อการทำงานผ่าน Hybrid Transmission มี 3 อัตราทดแบบอัตโนมัติ มาขับเคลื่อนที่ตัวล้อโดยตรง
ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารถแบบ Series Hybrid ทั่วไป ที่เครื่องยนต์ทำหน้าที่เพียงปั่นไฟอย่างเดียวตลอดเวลา
โหมดวิ่งทางไกล และเร่งแซง-เมื่อรถอยู่ในช่วงเร่งความเร็ว 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อต้องการเร่งแซง ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฮบริดจะทำงานร่วมกัน (Parallel Hybrid) อัตราเร่งที่ตอบสนองได้ในทันที
โหมดความเร็วสูง-เมื่อใช้ความเร็วสูงที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์จะทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยขณะที่รถขับเคลื่อนไประบบจะแบ่งกำลังส่วนที่เหลือจากเครื่องยนต์ไปหมุนเจเนอเรเตอร์ เพื่อปั่นไฟไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่
โหมดลดความเร็ว Regenerative – เมื่อผ่อนคันเร่งลดความเร็วลงมาในช่วง 120-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือช่วงขับขี่ลงทางชัน ระบบ HYBRID+ จะใช้มอเตอร์เป็นตัวหน่วงกำลัง ซึ่งจะทำหน้าที่ชาร์จไฟเป็นระบบ Energy Regeneration 3 ระดับ
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM
ครอบคลุมระบบความปลอดภัย ADAS เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 8 ระบบ
พร้อมระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System)
กล้องรอบคัน 360 องศา แบบ High Definition ฯลฯ
ส่วนสนนราคาจะเปิดในเดือนสิงหาคม พร้อมรายละเอียดอื่นๆ •
ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022