ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | จ๋าจ๊ะ วรรณคดี |
ผู้เขียน | ญาดา อารัมภีร |
เผยแพร่ |
คนไทยเชื่อกันว่า หญิงที่เป็นสาวพรหมจารี สาวพรหมจรรย์ สาวบริสุทธิ์ ยังไม่เคยร่วมประเวณี ทรวงอกย่อมเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย ตรงกันข้ามกับหญิงที่มีเจ้าของแล้ว ดังจะเห็นได้จาก “กฎหมายตราสามดวง ฉบับราชบัณฑิตยสถาน” เล่ม 1 มีข้อความว่า
“แลมันทำชู้แล้วมันทอดหญิงนั้นเสีย ท่านว่ามันทำให้ลูกหลานท่านนมบกอกพร่อง ให้ไหมชายผู้เลมิดพ่อแม่ผู้เถ้าผู้แก่นั้นโดยขนาฎ” (อักขรวิธีตามต้นฉบับ)
‘นมบกอกพร่อง’ เป็นสำนวนกฎหมายโบราณ ใช้เรียกหญิงที่ชายทำให้เสียความบริสุทธิ์แล้วทอดทิ้งไป นอกจากนี้ หญิงใดมีผัวแล้ว นมก็คล้อยลง
ไม่เต่งตึงเหมือนสาวบริสุทธิ์อีกต่อไป
สอดคล้องกับความหมายใน “อักขราภิธานศรับท์” ของหมอบรัดเลย์ สมัยรัชกาลที่ 5 อธิบายคำเหล่านี้ว่า
“นมคล้อย, ถันเคลื่อน, คือนมเคลื่อนลงจากปรกกะติ, ว่านมคล้อย คนหญิงมีผัวแล้วนมเคลื่อนลงนั้น” (อักขรวิธีตามต้นฉบับ)
‘นมคล้อย, ถันเคลื่อน’ และ ‘นมบกอกพร่อง’ เป็นผลมาจากหญิงเสียความบริสุทธิ์ให้แก่ชาย ทรวงอกที่เคยเต่งตึงจึงเปลี่ยนแปลงไป ยิ่งไปกว่านั้นความชราที่มาเยือนก็มีผลต่อสภาพนมเช่นเดียวกัน ดังที่ “อักขราภิธานศรับท์” ให้ความหมายว่า
“นมยาน, นมห้อย, คือนมหญิงห้อยลงยาวโตงเตงอยู่นั้น, แลนมหญิงลางคนยานน้อย ลางคนยานยาว”
กวีไทยใช้คำว่า ‘นมยาน’ บรรยายไว้ใน “โคลงโลกนิติ” บทที่ 343 ว่า
หัวล้านไป่รู้มัก มองกระจก
ผอมฝิ่นไป่อยากถก ถอดเสื้อ
นมยานไป่เปิดอก ออกที่ ประชุมนา
คนบาปไป่เอื้อเฟื้อ สดับถ้อยธรรมกระวี ฯ
ความหมายคือ คนหัวล้านไม่ชอบมองกระจก คนผอมแห้งเพราะสูบฝิ่นไม่อยากถอดเสื้อ หญิงนมยานไม่เปิดทรวงอกให้ใครๆ เห็นฉันใด คนบาปย่อมไม่อยากฟังคำสั่งสอนฉันนั้น
นอกจากนี้ ยังพบคำว่า ‘นมยาน’ เป็นระยะๆ ในเสภาเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” ดังตอนที่ขุนแผนฟ้องพันโชติ กำนันบ้าน ว่าตนแต่งงานอยู่กินกับนางวันทอง ต่อมาได้ไปราชการศึกที่เชียงทอง กลับมาพบเรือนหอขุนช้างปลูกแทนที่เรือนหอของตน
หลังจากพันโชติเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ขุนแผนฟังแล้ว ขุนแผนสงสารนางวันทอง ถ้าฟ้องร้องให้เป็นคดีความ เกรงว่านางจะอับอายขายหน้า จึงคิดขู่ขุนช้างให้กลัว ไม่กล้าใช้อิทธิพลและเงินทองย่ำยีใครอีกต่อไป
ขุนแผนให้พันโชติส่งคนไปตามตัวยายกลอย ยายสา และนางเทพทอง แม่ขุนช้าง (ซึ่งร่วมมือกันทำให้นางวันทองต้องแต่งงานกับขุนช้าง) มาสอบปากคำพร้อมๆ กัน
กวีบรรยายถึงสามหญิงชราที่รีบเดินงกๆ เงิ่นๆ มาเรือนขุนช้างอย่างตื่นตระหนก ดังนี้
“ฝ่ายว่ายายกลอยพลอยตกใจ พลัดตกบันไดเดินขาเฉ
นมยานฟัดพุงยุ่งหยำเป เง้ขึ้นบนเรือนท่านเทพทอง
ยายสาตาไม่ดูกระดานต่อ ขอไปทีอีพ่อพลัดตกล่อง
โก้งโค้งลากขานัยน์ตาพอง ค่อยย่องขึ้นไปให้ขัดนัก
เทพทองว่าเป็นไรท่านยายสา เจ็บขาม่อยเมินกระทงเหินหัก
สายแล้วไปเถิดพเยิดพยัก เบาหนักเป็นอย่างไรจะได้รู้
ฉวยคว้าผ้าห่มปกนมยาน รีบไปให้การเถิดเหวยสู
ข้าไทตามหลังมาพรั่งพรู แลดูหน้ากันงกงันมา”
ความรีบร้อนลนลานของยายกลอย ยายสา และนางเทพทองสะท้อนผ่านท่าทีของแต่ละคน ยายกลอยตื่นกลัวจนพลัดตกบันไดเดินเป๋ไปเป๋มา ทำให้นมที่ยาวยานนั้นแกว่งกระทบพุงตัวเอง ยายสาเดินไม่มองทางเลยพลัดตกล่องจนขาลากเดินกระย่องกระแย่ง
ส่วนนางเทพทองรีบ ‘ฉวยคว้าผ้าห่มปกนมยาน’ คือคว้าผ้ามาปิดนมของตนขณะรีบไปให้ปากคำ
นอกจากคำว่า ‘นมยาน’ ที่กวีใช้บรรยายหญิงสูงวัย ยังพบสำนวน ‘นมยานกลิ้งอก’ ตอนที่นางบุษบาเล่าเรื่องพลายงามเข้าหานางศรีมาลา เมื่อพระพิจิตรรู้เรื่องฉาวของลูกสาวจึงกล่าวแก่เมียว่า
“ถ้าต่อว่าต่อขานพานอื้อฉาว จะรานร้าวถึงขุนแผนไม่พอที่
เขาก็ยังซื่อตรงคงภักดี เรานี้เป็นผู้ใหญ่อย่าใจเบา
จะขึ้นชื่อลือเสียงศรีมาลา ว่าคบชู้สู่หาขายหน้าเขา
เป็นนมยานกลิ้งชกอกของเรา ทำเฉยเลยเถิดเจ้าอย่าแพร่งพราย”
‘นมยานกลิ้งอก’ ในที่นี้เป็นสำนวนมีความหมายว่า ตัดไม่ขาด ปัดไม่พ้นตัว เนื่องจากตกอยู่ในฐานะจำเป็นจำยอม อยู่ในสภาพเดือดร้อนลำบากใจ ไม่มีทางหลีกเลี่ยง ฉะนั้น พระพิจิตรจึงเตือนนางบุษบาว่าอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ เพราะมีแต่จะขายหน้า
อีกตอนหนึ่งนั้นเมื่อขุนช้างต้องโทษประหารตามคำสั่งสมเด็จพระพันวษา นางวันทองก็ไปอ้อนวอนขอร้องให้พระไวยช่วย
“วันทองจึงว่าพ่อทูนเกล้า ทุกข์แม่เทียมเท่าจะเป็นผี
เหลียวไม่เห็นใครในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยชีวีให้รอดตาย
เห็นแต่ดวงใจพระไวยแม่ ที่จะแก้ทุกข์ร้อนให้ผ่อนหาย
เจ้าขุนช้างคนคดประทษร้าย เพราะเช่นนั้นอันตรายจึงถึงตัว
เหมือนนมยานกลิ้งอกแม่หมกไหม้ ถึงชั่วดีเขาก็ได้มาเป็นผัว
ครั้นจะนิ่งให้ตายอายติดตัว จะเชิดชื่อลือชั่วทั่วกัลปา”
สำนวน ‘นมยานกลิ้งอก’ หมายความว่า เป็นภาระจำใจอยู่กับตัว ตัดไม่ได้ตัดไม่ขาด ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ หรือสลัดตัดทิ้งไปได้ แม้ขุนช้างจะเลวทรามแค่ไหนก็ตาม ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นผัวของนางวันทอง นางจะดูดายปล่อยให้ตายโดยไม่ช่วยเหลือมิได้
จะ ‘นมคุณภาพ’ หรือ ‘นมหมดอายุ’ ดีคนละแบบ •
จ๋าจ๊ะ วรรณคดี | ญาดา อารัมภีร
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022