ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 กรกฎาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว |
ผู้เขียน | มุกดา สุวรรณชาติ |
เผยแพร่ |
แม้การเลือก ส.ว.จะมีการประกาศรับรองผลไปก่อน 200 คน แต่ร่องรอยของการจัดตั้ง การทรยศหักหลัง คดโกง ทำให้มีคนนำเรื่องการทุจริตไปฟ้องร้องต่อองค์กร และศาลที่เกี่ยวข้อง
คนที่ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ อยากจะเป็น ส.ว.แบบเลือกกันเองเพราะคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ ตามที่ กกต.ประกาศ มีจำนวนนับหมื่นได้หลั่งไหลเข้าไปสมัคร แต่บทเรียนที่ได้รับจริงกลับไม่เป็นไปแบบที่คิดไว้
หลายคนจึงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ การเมืองแบบเลือกกันเอง คือจะต้องไปหากลุ่มสังกัด หาพรรคพวก เพื่อจะไปหาคะแนน โดยยอมเข้าร่วมกับกลุ่มต่างๆ มีบางคนหลงเข้าไปในกลุ่มจัดตั้งใหญ่ และก็ได้รับรู้ถึงกระบวนการที่ทำผิดกฎหมาย เพื่อจะได้รวมกลุ่ม ส.ว.จำนวนมากในครั้งนี้
นี่ไม่ใช่การวิเคราะห์ แต่เป็นเรื่องเล่า ซึ่งวันนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อบุคคล และสถานะที่เกี่ยวข้องได้ เพราะกำลังจะเป็นคดีในอนาคตอันใกล้นี้ และ…เรื่องอื่นๆ ทำนองเดียวกันนี้…คงจะมีคนนำมาเสนอและฟ้องร้องเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก
หลงเข้าไปในกลุ่มจัดตั้งใหญ่
ทีมงานขอสมมุติชื่อผู้สมัคร ส.ว.คนนี้ว่า “คุณไสว” ซึ่งเป็นคนพอมีชื่อเสียงอยู่ในต่างจังหวัด ทำงานธุรกิจทั้งส่วนตัวและช่วยงานสังคม แต่พอลงสมัครในระดับอำเภอก็รู้ว่ามีการปะทะกันของกลุ่มการเมืองในพื้นที่ถึง 3 กลุ่ม แต่เขาก็สามารถเอาตัวรอดมาได้แบบหวุดหวิด ผ่านอำเภอเข้าไปและก็ผ่านระดับจังหวัดเข้ามาสู่ระดับประเทศ
พอเข้ามาถึงระดับประเทศก็รู้ว่าตัวเขามีโอกาสน้อยเพราะการเลือกระดับนี้จะต้องมีคนที่สนับสนุน เนื่องจากกติกาบังคับไว้ว่าผู้สมัคร 1 คนสามารถเลือกคนในกลุ่มอาชีพเดียวกัน 10 คน การหากลุ่ม 10 คนจึงเป็นเรื่องจำเป็น
ขณะที่กำลังวิ่งหากลุ่มและจับกลุ่มเล็กๆ กันอยู่นั้น พอดีมีคนที่รู้จัก ตั้งแต่อยู่ต่างจังหวัดเห็นว่าเขามีโปรไฟล์ดี จึงมาชวนไปสังกัดกลุ่มการเมืองใหญ่ โดยยืนยันว่าเข้ามาอยู่กลุ่มนี้แล้วได้เป็น ส.ว.แน่นอน จากนั้นก็พาไปแนะนำตัวให้กับกลุ่ม ส.ว.ที่อยู่ในสายอาชีพเดียวกัน
ภาพโดยรวมของกลุ่มนี้เดิมมี 10 คน แต่ถูกตัดออกไป 2 คนเนื่องจากเห็นว่าเป็นคนที่สังกัดอยู่กับกลุ่มการเมืองอื่น นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่มาชวนเขาเข้ากลุ่ม แต่ทั้งกลุ่มก็มีศักยภาพ หัวหน้ากลุ่มก็เป็นผู้ที่พอมีชื่อเสียงเชื่อถือได้ ทำให้เชื่อได้ว่าจะสามารถผ่านรอบแรก อยู่ใน 40 คนแน่นอน
ก่อนวันเลือกเขาไปประชุมที่สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมหลายร้อยคน ในขณะที่กำลังดำเนินการประชุมและแนะนำตัวอยู่นั้นก็มีโทรศัพท์เข้ามาเรียกเขาว่าไม่ต้องประชุมแล้ว ให้รีบเดินทางไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ เพราะจะต้องไปพบบุคคลสำคัญที่เป็นแกน และคนที่เป็นกำลังในการเลือกจริงๆ ที่นั่น การประชุมที่สถาบันแห่งนั้นเป็นแค่การแสดงโชว์เท่านั้นเอง
ไม่ทันเป็น ส.ว.ก็ต้องเขียนใบลาออกแล้ว
ไสว…รีบเดินทางไปโรงแรมที่นัดพบทันที ไปถึงก็พบนักการเมืองบางคน และก็ได้พูดคุยเนื้อหาสำคัญกัน มีการยืนยันว่าเขาจะได้เป็น ส.ว.ตัวจริง 1 ใน 10 คนของกลุ่มอาชีพนี้
แต่จะต้องทำตามเงื่อนไข
ข้อแรก ก็คือ จะต้องเลือกบุคคลตามโพยที่กำหนดเท่านั้น
ผู้ที่แจกโพยยืนยันว่าถ้าเขาไม่เลือกตามที่กำหนด ผู้ที่ควบคุมดูแลจะรู้ทันที เนื่องจากเขาจะถ่าย Video บัตรทุกใบที่ถูกอ่านคะแนน (ผ่านกล้องวงจรปิดที่ถ่ายทอด) และการเรียงลำดับหมายเลขจะไม่เหมือนกันทุกโพย สามารถบ่งชี้ว่าบัตรใบนี้เป็นของใคร เพราะเขามีผู้ที่ทำซอฟต์แวร์แบบละเอียดให้ แต่ผลสุดท้ายแล้วคะแนนรวมจะเป็นไปตามที่ผู้วางแผนกำหนดไว้ว่าให้คนไหนได้คะแนนเท่าไร
ข้อสอง ก็คือ ต้องเขียนใบลาออกจาก ส.ว.ไว้ล่วงหน้า จึงมีการเรียกพยานซึ่งเขารู้จักมานั่งฟังและรับรู้คำสัญญา
เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องเขียนใบลาออกล่วงหน้า ตามที่พวกนั้นบอก แต่นั่นก็คล้ายกับสัญญา เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนพวกนี้จะมีความสามารถแค่ไหน หัวหน้าใหญ่เป็นใคร?
ที่โรงแรมแห่งนั้น เป็นแค่จุดหนึ่งที่ใช้เก็บตัวผู้สมัคร ที่อยู่ในสายจัดตั้งของบางจังหวัด และก็ไม่รู้ว่าแต่ละคนได้รับคำมั่นสัญญาอย่างไร ส่วนจังหวัดอื่นก็อยู่โรงแรมอื่นๆ
แจกเสื้อเหลืองให้ใส่ เป็นเสื้อทีม
เช้ามืดตอน 04:00 น. มีการปลุกขึ้นมาแล้วแจกเสื้อเหลืองให้ใส่ และคืน ส.ว.3 ที่ต้องใช้ประกอบการเลือกกันเองรอบแรกภาคเช้าให้กับทุกคน จากนั้นนำไปขึ้นรถตู้หลายคัน มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ
ทุกคนก็ได้รับแจกโพย ให้เลือกตามโพยที่ให้ไปอย่างเคร่งครัด ไม่ต้องกังวลเพราะคนอื่นจะเลือกเราเอง
ไสว…ทำตามที่ตกลง แม้จะเห็นว่าในโพยนั้นไม่มีเบอร์ของตัวเองเลยก็ตาม แต่เขามั่นใจว่าคงมีคนอื่นเลือกเขา (ตามข่าวที่เขารู้มาตอนตี 2 มีการปรับโพยครั้งสุดท้ายอีกเล็กน้อย)
เขาไม่สามารถจำชื่อบุคคล กลุ่มอาชีพเดียวกันในโพยที่แจกได้นอกจากจำเบอร์ แต่สังเกตว่าอยู่คนละภาคด้วยซ้ำ
ข้อสังเกตอีกอย่างก็คือคนที่ใส่เสื้อเหลืองสามารถเดินไปเดินมา ทำให้หัวหน้าทีมประสานงานได้ทั่ว เพราะใส่เสื้อเหลืองเหมือนกรรมการและมีผู้สมัครบางคนมีสิทธิพิเศษสามารถหอบแฟ้มขนาดใหญ่เข้าไปในห้องลงคะแนนได้
และผลก็ออกมาตามที่แจ้งไว้ เขาได้คะแนนสูงพอสมควร อยู่ใน top ten ของ 150 คน ดังนั้น เขาจึงติดรอบ 40 คนแรกอย่างสบาย เขารู้สึกว่าความฝันใกล้เป็นจริงแล้ว ในช่วงเย็นเขาคงได้รับเลือกจากกลุ่มอาชีพอื่นตอนเลือกไขว้…ตามสัญญา
รอบสุดท้ายใครเป็น ส.ว. คนจัดตั้งกำหนด
ตอนกลางวัน กกต.แจกข้าวเฉพาะคนที่สอบติดรอบแรก ส่วนคนที่สอบตกต้องกลับบ้านไป ช่วงพักยังมีช่องว่าง ที่จะมีการเดินพบปะพูดคุย เขาไม่แน่ใจว่าช่วงนี้ได้มีการเปลี่ยนโพยอะไรหรือไม่ แต่ที่เขาไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ถึงเวลาเลือกรอบ 2 หลังจากจับสลากแบ่งกลุ่มแล้ว มีมติของ กกต.ออกมาว่าห้ามนำเอกสาร ส.ว.3 เล่มตอนเช้าเข้าไปในห้องเลือกตั้ง (ซึ่งมีคนส่วนใหญ่จดโพยหมายเลขไว้) ให้ใช้ ส.ว.3 ที่แจกให้ตอนบ่ายเท่านั้น แต่ละสายมี 160 คน ที่ต้องนำไปพิจารณาก่อนเลือก
แต่ยังไม่ทันที่ กกต.จะมาเรียกเก็บ ส.ว.3 เล่มเก่า ก็มีเสียงประกาศทางลำโพงดังขึ้นมาว่าห้ามนำ ส.ว.3 เล่มเก่าเข้าไปในห้องเลือกตั้ง จากห้องใดห้องหนึ่งก็ไม่รู้ ความชุลมุนเกิดขึ้นพอสมควร คนส่วนหนึ่งรีบฉีกที่จดไว้ บางคนก็รีบคัดลอกใส่เศษกระดาษ
เสียงประกาศคือการเตือนล่วงหน้าให้เตรียมตัวได้ทัน
คนที่เป็นหัวหน้าทีมจัดตั้งในแต่ละห้องต้องคอยบอกว่าให้เจ้าหน้าที่เดินผ่านไปก่อนแล้วค่อยลอกโพย บางคนก็ไม่ฟังฉีกกระดาษที่จดไว้
(กลุ่มคนพวกนี้จำไม่ได้ถ้าไม่มีโพยให้เพราะเขาจะต้องเลือกคน 20 คนจาก 160 คนที่ไม่รู้จัก ถ้าไปถามคนเหล่านี้ว่าเลือกใครไปบ้าง เขาจะไม่รู้เพราะเขามีหน้าที่จำแต่เบอร์)
ช่วงเวลา 1 ชั่วโมงที่ให้พิจารณา ก่อนเลือก จึงมีการเดินเข้าห้องน้ำและขอคะแนนเสียงกัน แลกกันภายในแต่ละสาย ก, ข, ค, ง แต่สำหรับกลุ่มที่มีจัดตั้งไม่ต้องทำอะไรมาก นั่งนิ่งๆ และเขียนเบอร์ไปตามโพย
ในที่สุด ส.ว.ส่วนหนึ่งก็เกิดขึ้นจากเศษกระดาษโพย ส่วนประวัติ 5 บรรทัดไม่ต้องอ่านก็ได้
โกง…ยิ่งกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เมื่อถึงตอนนับคะแนน ไสว…รู้สึกแปลกใจที่คะแนนของเขาแทบไม่มี เมื่อนับ 4 กลุ่มอาชีพในสายนี้ ควรจะมีคนมาลงคะแนนตามจัดตั้งให้เกือบ 80 คน แต่เมื่อผ่านไป 3 กลุ่มอาชีพก็ยังได้ไม่ถึง 5 คะแนน เขาก็พอรู้ตัวว่าโดนหลอกแล้ว พอนับคะแนนกลุ่มอาชีพสุดท้ายได้ไม่ถึง 10 คะแนนจริงๆ แถมเป็นคะแนนที่วิ่งขอมาเอง
จากรอบแรกซึ่งอยู่ใน Top Ten ทำไมอยู่ดีๆ คะแนนก็หายไป คิดได้อย่างเดียวก็คือถูกหลอก เขาไม่ได้อยู่ในโพยตัวจริง
หันไปมองเพื่อนๆ ในกลุ่มอาชีพเดียวกันที่สอบตกเหมือนกันทุกคนก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนทำ พวกเขาเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ที่มีหน้าที่มาลงคะแนนเหมือนกัน และก็หวังว่าจะได้เป็น ส.ว. แต่ก็สอบตก
ในสภาพที่งุนงงและเสียใจ…ไสวมองเห็นอดีตนายกฯ สมชายซึ่งอดนอนมาทั้งคืนมีอาการคล้ายจะเป็นลม จึงเอายาดมไปให้ นายกฯ สมชายคงไม่คิดว่าตัวเองจะได้คะแนนในรอบสุดท้ายนี้ไม่ถึง 5 คะแนน
ไสว…ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ายังไง เขาก็ได้คะแนนมากกว่านายกฯ สมชาย
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกทีละคน แต่นี่มันหลอกลวงคนจำนวนมาก และยังแสดงละครตบตาคนดูทั้งประเทศ แบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022