‘เห็น’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

กลางเดือนกรกฎาคม ผืนป่าถูกปกคลุมด้วยม่านฝน ช่วงเช้าไม่มีสายฝน แต่ป่าก็ถูกห่มด้วยสายหมอกหนา

สายๆ แดดจัดจ้า หลังเที่ยงท้องฟ้าเริ่มมีเมฆดำ จากนั้นสายฝนจะโปรยปรายไปจนกระทั่งพลบค่ำ

บางครั้ง ฝนจะตกไปตลอดทั้งคืน ที่จะเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงกบ, เขียด รวมทั้งอึ่งอ่าง ไม่มีดาวส่องประกายระยิบ

ไม่ว่าจะเป็นค่ำคืนซึ่งดวงจันทร์ทอแสง หรือเป็นคืนข้างแรม เราจะเห็นเพียงเมฆดำทะมึน

มองไม่เห็น แต่เราก็รู้ว่า หลังเมฆดำนั่น มีดวงจันทร์กำลังทอแสงนวล

ยามค่ำคืน เวลาส่วนใหญ่ต้องอยู่ใต้ผ้ายางกันฝน บริเวณที่นอน กองไฟ ที่เก็บเสบียง ต้องมีผ้ายางขึงไว้ด้านบน

สายฝนมาพร้อมกับแมลง ยุงมหาศาลคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น

กลางวัน ในซุ้มบังไพร หรือขณะเดินไปตามด่าน ไม่ว่าจะเป็นบนสันเขา ในหุบ ทุกครั้งที่หยุดพัก เราหลีกเลี่ยงฝูงยุงไปไม่พ้น

เป็นเวลาที่หมูป่า, กวาง ใช้ประโยชน์จากปลักเล็กปลักน้อยที่มีอยู่ทั่วไป พวกมันลงนอนคลุกโคลน หลังโคลนแห้งจะหุ้มตัวคล้ายเป็นเกราะ ช่วยป้องกันแมลงได้บ้าง

สำหรับสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลใด พวกมันปรับตัวได้เสมอ

 

แม้ว่าจะใช้เวลาทำงานอยู่ในป่าลึก พูดให้ถูกว่า อยู่ในบ้านของสัตว์ป่า และก็รู้ว่า ที่นี่มีประชากรสัตว์ป่ามาก ทั้งสัตว์กินพืช และสัตว์ผู้ทำหน้าที่ล่า

แต่ใช่ว่าจะพบเห็นตัวสัตว์ป่าได้ง่ายๆ ถึงจะเฝ้ารออยู่ในบริเวณที่คาดว่าสัตว์ป่าจะแวะเวียนมา

ทำงานกับสัตว์ป่า เวลาส่วนหนึ่งหมดไปกับการเฝ้ารอ

และพร้อมจะพบกับการรอที่ผิดหวัง

ไม่พบเจอตัว แต่มีสิ่งหนึ่งซึ่งไม่ว่าจะเดินไปบริเวณใด ตามด่านหรือเส้นทางที่สัตว์ป่าใช้สัญจร เราจะพบกับร่องรอยที่พวกมันทิ้งไว้ โดยเฉพาะรอยตีน

ร่องรอยต่างๆ บอกให้รู้ว่า ไม่พบเจอตัว ไม่ได้หมายความว่าไม่มี

 

รอยตีนที่พบตามด่าน จะมีอยู่สองประเภท คือ รอยตีนแบบกีบ ซึ่งเป็นของสัตว์กินพืช และรอยตีนแบบอุ้ง ซึ่งเป็นของสัตว์กินเนื้อหรือสัตว์ผู้ล่า หากมีความคุ้นเคย ก็จะรู้รายละเอียดของเจ้าของรอยบ้าง

ลักษณะของสัตว์สี่ขา ทั่วๆ ไปจะมีตีนหน้าใหญ่กว่าตีนหลัง เพราะขาหน้าต้องใช้รองรับน้ำหนักส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากกว่าส่วนสะโพก

สัตว์ผู้ล่า มีรอยตีนแบบอุ้งก็จริง แต่มีข้อแตกต่างระหว่างกลุ่มหมา และกลุ่มเสือ

เสือเดินอย่างไม่ส่งเสียงได้เพราะมันสามารถหดเล็บเข้าซอง รอยตีนเสือจึงไม่มีรอยเล็บ

ส่วนรอยตีนหมาไน และหมาจิ้งจอก จะมีรอยเล็บ

แค่รอยตีน ความแตกต่างระหว่างเสือกับหมา ก็ปรากฏให้เห็น

เสือโคร่ง – การสเปรย์ หรือพ่นฉี่ไว้ตามต้นไม้ริมด่าน คือการสื่อสารอย่างหนึ่งที่เสือใช้

วิธีการล่าของหมากับเสือก็แตกต่าง หมาไนใช้วิธี “หมาหมู่” วิ่งไล่เหยื่อ เข้าล้อม กระโดดกัด และเริ่มต้นกินตั้งแต่เหยื่อยังไม่สิ้นใจ

ส่วนเสือ ล่าเพียงลำพัง ใช้วิธีดักซุ่ม ย่องเข้าหา กระโจนเข้าตะปบในระยะใกล้

อีกทั้งเมื่อฆ่าเหยื่อได้ เสือจะลากไปจากตรงนั้น บางครั้งเป็นระยะทางไกลๆ ก่อนลงมือกิน

เสือใช้ซากเหยื่ออย่างคุ้มค่า สอง-สามวันก็จะลากย้ายที่ เหตุผลหนึ่งคือ ขยับซากเพื่อให้หนอนร่วงหล่นไปบ้าง ซากจะไม่โทรมเร็วนัก

หลายครั้ง ผมเดินเข้าไปใกล้ซาก เสียงขู่คำรามคือสิ่งที่เสือใช้ต้อนรับ

การลงมือแต่ละครั้งของเสือไม่ง่าย ต้องใช้พละกำลังมาก

และการล่าแต่ละครั้งนั้น เสือพบกับความสำเร็จ น้อยกว่าความล้มเหลว

 

ครั้งนี้ แคมป์ของเราอยู่บนตลิ่งทางฝั่งขวาลำห้วยถ้ายืนหันหน้าไปทางทิศเหนือ

ตลิ่งสูงจากพื้นน้ำราว 50 เมตร จึงมองเห็นแนวโค้งลำห้วยกว้างไกล

ผืนทรายริมลำห้วย เยื้องไปทางทิศตะวันตกมีรอยตีนสัตว์ป่าย่ำไว้เป็นเทือก ดูเหมือนว่าพวกมันจะใช้ตรงนั้นเป็นจุดข้ามน้ำ รอยช้างกว้าง ขนาดลงไปนั่งได้ ผืนทรายนุ่ม ขยายออก ทำให้รอยตีนสัตว์ป่าดูใหญ่โตกว่าความเป็นจริง

มีรอยตีนเสือโคร่งเดินเลาะเลียบลำห้วยขึ้นไปทางทิศเหนือ

ส่วนใหญ่แล้วมักจะพบรอยตีนเสือเดินอยู่ตัวเดียว

ลูกเสือจะอยู่กับแม่ราวๆ สองปี ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาของการเรียนรู้ มันจะไปไหนมาไหนด้วยกัน

อายุครบสองปี ลูกเสือจะแยกออกไป และแม่เสือก็ถึงเวลาผสมพันธุ์ครั้งใหม่

 

หลายครั้ง พบเจอรอยตีนเสือแม่-ลูก เดินไปพร้อมๆ กัน ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่พวกมันมี ความอบอุ่นที่จะอยู่กับพวกมันเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ

แต่เมื่อพบรอยตีนเสือซึ่งเดินอยู่ตัวเดียว ก็ไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ

วิถีของเสือ นั่นคือการอยู่เพียงลำพัง

รอยตีนกดลึกลงบนพื้นอย่างมั่นคง บอกได้เพียงว่า นี่เป็นเสือซึ่งเติบโตเต็มวัยแล้ว

รอยตีนย่อมไม่ได้บอกให้รู้ว่า ในป่ากว้างนั้น อ้างว้างเพียงใด

ในความเป็นเสือ นี่ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีใคร “เห็น”

ชีวิตจริงๆ ของเสือ ยากกว่าในตำนาน หรือเรื่องเล่าที่คนพูดถึงพวกมัน… •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ