ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 กรกฎาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | My Country Thailand |
ผู้เขียน | ณัฐพล ใจจริง |
เผยแพร่ |
My Country Thailand | ณัฐพล ใจจริง
‘กบฏไทยอิสสระ’
: กบฏต่อต้านรัฐบาลและโปรตะวันตกครั้งสงคราม (จบ)
รวบนักหนังสือช่วงต้นสงคราม
ไม่นานภายหลังที่ไทยร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นแล้ว เกิดเหตุการณ์ต่อต้านรัฐบาลและญี่ปุ่นทำให้คณะนักหนังสือพิมพ์จำนวนหนึ่งถูกจับในคดีกบฏไทยอิสสระเมื่อ 17 มกราคม 2485 ประกอบด้วย กุหลาบ สายประดิษฐ์ ขจร หัสจินดา เฉวียง เศวตะทัต ดำริห์ ปัทมะศิริ อำพัน บุญยพุทธิ์ ทิพย์ บุญยพุทธิ์ ม.ล.ฉอ้าน อิศรศักดิ์ อารีย์ ลีวีระ เล็ก ศิริสัมพันธ์ สะอาด ฉายะนันท์ สุรีย์ ทองวานิช และเทียน ประทีปเสน
กุหลาบถูกจับกุมเมื่อ 17 มกราคม และถูกคุมขังเป็นเวลาถึง 84 วัน แต่เขายืนกรานความบริสุทธิ์ต่อข้อกล่าวหา จวบจนตำรวจหมดอำนาจในการคุมตัว เขาจึงต้องปล่อยเป็นอิสระในที่สุด
ไม่แต่เพียงทางการจับกุมกุหลาบเท่านั้น แต่วันนั้นทางการยังจับนักหนังสือพิมพ์คนอื่นๆ ด้วย เช่น ร.ต.อ.สำรวย สุมาวงศ์ กองตำรวจสันติบาล สารวัตรกองที่ 2 ที่รับผิดชอบด้านการเมืองได้จับกุมดำริห์ ปัทมะศิริ ที่บ้านคลองเตยด้วยข้อหากบฏในและนอกพระราชอาณาจักรอีกด้วย ดำริห์ถูกสอบสวนและส่งฟ้องศาลทหาร ศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต (ดำริห์, 2505, 22)

อําพัน บุญยพุทธิ์ หนึ่งในนักหนังสือพิมพ์ที่ถูกจับกุมในครั้งนั้นบันทึกว่า ในช่วงต้นสงครามนั้น มีการโปรยใบปลิวต่อต้านรัฐบาลที่ร่วมมือกับญี่ปุ่น
หลวงอดุลเดชจรัส อธิบดีกรมตำรวจ ออกควานหากลุ่มนักหนังสือพิมพ์ที่เคยต่อต้านรัฐบาล ทั้งกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลทั่วไป และกลุ่มที่นิยมตะวันตก เช่น ใครเคยเขียนประวัติบุคคลสำคัญฝ่ายสัมพันธมิตรพิมพ์ออกเผยแพร่ แม้กระทั่งบางคนทำงานอยู่ในฝ่ายแปลข่าวของสถานทูตฝ่ายสัมพันธมิตร รวมถึงกลุ่มที่มีพฤติกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อนหน้าล้วนถูกจับกุมในครานั้นด้วย (ดำริห์, 2505, 22)
ในหนังสืองานศพของ ม.ล.ฉอ้าน อิศรศักดิ์ (2450-2496) บันทึกว่า “เมื่อต้นสงครามมหาเอเชียบูรพา ม.ล.ฉอ้านต้องถูกจับกุมด้วยข้อหาทางการเมืองว่าเปน ไทยอิสสระและต้องถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีพญาไทเปนเวลา 77 วันจึงได้รับการปลดปล่อยเปนอิสรภาพ” (ศรีอิศรานุสรณ์, 2497, ค)
และในคำนำของชีวิตต่อสู้ของวินสตัน เชอร์ชิล พิมพ์ครั้งที่ 2 (2493) นั้น ฉอ้านเล่าไว้ว่า “ชีวิตต่อสู้ของวินสตัน เชอร์ชิล” เผยแพร่เป็นตอนๆ ในหนังสือพิมพ์ไทยใหม่ (2483) ก่อนญี่ปุ่นบุก ต่อมาจัดพิมพ์เป็นเล่มครั้งแรกในปี 2483 ขายดีมาก ไม่นานก็ขายหมด (ฉอ้าน, 2493) ด้วยเป็นประวัติของผู้นำอังกฤษและพิมพ์จำหน่ายขายดีและนี่อาจเป็นเหตุให้เขาถูกกวาดจับไปด้วยโปรตะวันตกนั่นเอง

ทิพย์ บุญยพุทธิ์ เพื่อนนักหนังสือพิมพ์ที่ถูกจับในคดีเดียวกัน เขียนอาลัยให้ฉอ้านไว้ว่า “ข้าพเจ้าได้พบว่า ม.ล.ฉอ้านประสบเคราะห์กรรมอย่างเดียวกับข้าพเจ้าทั้งๆ ที่ทำงานในสำนักงานหนังสือพิมพ์ที่ห่างกัน…ได้ถูกตำรวจจับมาขังในคดีเดียวกันเมื่อระหว่างมหาสงครามเอเชียบูรพา คดีนั้นคือไทยอิสสระ แต่ ม.ล.ฉอ้านถูกขังอยู่ 3 เดือนก็ได้รับการปลดปล่อยพร้อมกับคุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ แต่ข้าพเจ้าได้รับการพักผ่อนอยู่ในห้องขังต่อไปอีก 3 เดือนจนล่ำสันขาวผ่องเป็นแตงร่มใบ” (ศรีอิศรานุสรณ์, 2497,76)
ดำริห์ ปัทมะศิริ (2449-2505) นักหนังสือพิมพ์อีกคนที่ถูกจับกุม เขาเคยเป็นรองประธานของคณะเลือดไทย ที่สร้างมติมหาชนสนับสนุนรัฐบาลครั้งเหตุการณ์สงครามอินโดจีน (2483-2484) และทำหน้าที่เขียนแถลงการณ์และข้อเขียนของคณะฯ ทุกชิ้น แต่เขาก็ถูกจับกุมเมื่อรวมงานกับหนังสือพิมพ์ไท เมื่อ 5 มกราคม 2485 ถูกจับและถูกศาลทหารตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ฐานกบฏในและนอกพระราชอาณาจักร ต่อมาเขาได้รับนิรโทษกรรมเมื่อสงครามจบสิ้นลง (ดำริห์, 2505, 2-3) เขาเคยเขียนหนังสือสำคัญที่ผู้นำ (2482) เป็นการวิจารณ์รัฐบาล
ภายหลังที่ญี่ปุ่นบุกแล้ว ดำริห์นั้นไม่พอใจการเปลี่ยนแปลงนโยบายเป็นกลางที่เคยประกาศกลายมาเป็นเข้าญี่ปุ่นของรัฐบาลมาก เขาจึงรวบรวมสมัครพรรคพวก เช่น อำพัน บุญยพุทธิ์ ทิพย์ บุญยพุทธิ์ และบุญเลอ เจริญพิภพ เช่น ออกหนังสือพิมพ์ไท เป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่มุ่งรายงานข่าวสงครามที่เข้าข้างตะวันตกโจมตีรัฐบาล ประกอบกับในใบปลิว “เล่นงานญี่ปุ่นและรัฐบาล” ถูกแจกจ่ายทุกคืน ทำให้ตำรวจเพ่งเล็งมาที่ดำริห์และพวก (ดำริห์, 24)
อำพันเห็นว่าการสอบสวนตำรวจเพ่งเล็งว่าดำริห์และพวกทำการต่อต้านรัฐบาลด้วยนิยมพระยาทรงสุรเดช และรัฐบาลกล่าวหาพวกเขาเป็นกบฏ (ดำริห์, 25)
อำพันเห็นว่านักหนังสือพิมพ์กลุ่มแรกที่ถูกจับเป็นผู้ต่อต้านรัฐบาลทั่วไป เช่น กุหลาบ ด้วยเขามักเขียนบทความคัดค้านรัฐบาลอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจมตี “นายมั่นนายคง” ผู้ที่สนับสนุนโฆษณาให้รัฐบาล
กลุ่มที่สองคือพวกโปรตะวันตก เช่น ม.ล.ฉอ้าน อิศรศักดิ์ ผู้เขียนหนังสือวินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีอังกฤษครั้งนั้น ชะเอม อันตรเสน อดีตนักหนังสือพิมพ์ที่เคยทำงานฝ่ายข่าวให้สถานทูตอังกฤษ
ส่วนพวกที่สาม เช่น ดำริห์ อำพัน บุญยพุทธิ์ ทิพย์ บุญยพุทธิ์ สะอาด ฉายะนันท์ เทียน ประทีปเสน และอารีย์ ลีวีระ อันเป็นคณะเลือดไทย ซึ่งเป็นผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองสนับสนุนไทยในครั้งสงครามอินโดจีน
และอาจมีกลุ่มที่สี่ คือ สุรีย์ ทองวานิช ซึ่งตำรวจมองว่าเป็นกลุ่มอื่นๆ หลังจากจับกุมแล้วถูกส่งตัวไปให้ พ.ต.ต.ขุนจำนงรักษา (ทองอยู่ มัณยัษเฐียร) (2444-2503) ร.ต.อ.นิรันดร์ ชัยนาม และ ร.ต.อ.โพยม จันทรัคคะ สอบสวนก่อน (ดำริห์, 2505, 23)

จับผู้นำชาวจีนกรณีไทยอิสสระ
ควรบันทึกด้วยว่า ช่วงเวลานั้นชุมชนจีนในไทยฝ่ายนิยมเจียงไคเช็กมีการต่อต้านสงครามจีนญี่ปุ่น (2480) และต่อต้านญี่ปุ่นเมื่อขึ้นไทยได้แล้วด้วย แต่ไม่นานจากนั้น ตันเกงชวนและแต้จือปิง (จือปิง เตชะไพบูลย์) และพรรคพวกราว 100 คน มุ่งหน้าไปทางภาคเหนือเพื่อลี้ภัยไปยังยูนนาน แต่พวกเขาไปได้เพียงเชียงใหม่เท่านั้น ด้วยเส้นทางถูกทหารญี่ปุ่นยึดครองได้ พวกเขาจึงกลับมายังพระนคร (เชาวน์ พงษ์พิชิต, 2553,190)
การต่อต้านญี่ปุ่นภายหลังที่ไทยยินยอมให้กองทัพญี่ปุ่นผ่านทัพนั้นทำให้รัฐบาลจับกุมผู้นำชาวจีนในกรณีไทยอิสสระด้วย เช่น ตันเกงชวน นายกสมาคมคนแต้จิ๋ว ขุนเศรษฐภักดี เลี่ยวฮึงโพ้ว อั่งกำเท้ง อั่งเทียงสิ่ว และนักข่าวคนไทยโดยตำรวจไทย เมื่อ 17 มกราคม ผู้นำชาวจีนถูกตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ต่อมาพวกเขาได้รับการปล่อยตัวเมื่อสงครามสิ้นสุดลง (มูราชิมา, 2541, 135)
ความพยายามต่อต้านญี่ปุ่นของกลุ่มก๊กมินตั๋งในไทย แต่ถูกรัฐบาลไทยจับกุม ทั้งที่พวกเขาเป็นคนจีนสัญชาติไทยในข้อหาไทยอิสสระ แต่หนังสือพิมพ์ใต้ดินนั้นดำเนินการโดยตั้งเล้ง (พูล โบราณวงศ์) สมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์สยาม
คดีไทยอิสสระ มีผู้ต้องหาชาวจีน เช่น ตันเกงชวน (ชวน ตันธนะ) เลี่ยวกงโพ้ว (ขุนเศรษฐภักดี) เลี่ยวฮึงโพ้ว อั่งกำเท้ง อั่งเทียงสิ่ว (เทียน อังสนันท์) แต้กวงเส็ง (สุรีย์ ทองวานิช) พัวแซ ตั้งเจี๊ยบเอ็ง และตั้งเล้ง (พูล โบราณวงศ์) ในข้อหากบฏในพระราชอาณาจักร ทยอยถูกจับตั้งแต่ 17 กุมภาพันธ์-11 เมษายน 2485 (เชาวน์, 191-192)

ต่อมารัฐบาลจึงทราบว่าใบปลิวไทยอิสสระนี้จัดทำโดยคณะคอมมิวนิสต์สยามในช่วงเดือนมกราคม 2485 โดยตำรวจจับเล้ง โบราณวงศ์ ได้ในขณะจัดทำใบปลิวใบที่สอง (กุหลาบ สายประดิษฐ์, 2544, 8)
ในหมู่ผู้ถูกจับกุมมีตั้งเล้ง หรือเฉินถิงฟัง หรือพูล โบราณวงศ์ อายุ 19 ปี เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์สยามเป็นผู้จัดพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทยอิสสระขึ้น เขาถูกจับกุมพร้อมหลักฐานเป็นใบปลิวและอุปกรณ์การพิมพ์ เขายอมรับว่าเป็นผู้จัดทำหนังสือพิมพ์ต่อต้านญี่ปุ่น แต่ไม่ยอมรับว่าการต่อต้านญี่ปุ่นเป็นความผิด (เชาวน์, 194)
มูราชิมาเห็นว่า การจับกุมกรณีไทยอิสสระนี้เป็นเรื่องความจำเป็นทางการเมืองของรัฐบาลจอมพล ป. ด้วยฝ่ายไทยต้องการปราบปรามกลุ่มต่อต้านรัฐบาลจอมพล ป.มากกว่า (มูราชิมา, 2541, 136)
ต่อมาเหล่านักหนังสือพิมพ์ไทยถูกทยอยปล่อยตัวอย่างผู้ไร้มลทิน แต่พวกเขาต้องสิ้นอิสรภาพไปชั่วเวลาหนึ่ง ยกเว้นดำริห์ ปัทมะศิริ และสุรีย์ ทองวานิช ที่ศาลให้จำคุกตลอดชีวิต (กุหลาบ, 2544, 8) ส่วนผู้นำชาวจีน ตันเกงชวน-นายกสมาคมคนแต้จิ๋ว ขุนเศรษฐภักดี เลี่ยวฮึงโพ้ว อั่งกำเท้ง อั่งเทียงสิ่ว ถูกตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ได้รับการปล่อยตัวพร้อมดำริห์และสุรีย์เมื่อสงครามสิ้นสุดลง (มูราชิมา, 2541,135)


สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022