ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 กรกฎาคม 2567 |
---|---|
เผยแพร่ |
การรุกต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ยศเมื่อเดือนตุลาคม 2551) ยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในประเทศ
นั่นเห็นได้จาก
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ออก “หมายจับ” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกฉบับ
นับเป็นหมายจับฉบับที่ 4
เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มาศาลในวันพิจารณาครั้งแรกคดีการทุจริตออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท
อีก 1 วันต่อมาในวันที่ 16 ตุลาคม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้รับคำร้องในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ร่ำรวยผิดปกติจำนวน 7.6 หมื่นล้านบาทเป็นของแผ่นดิน
นายเศกสรรค์ บางสมบูรณ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ระบุว่า
คดีนี้เป็นคดีแพ่ง ไม่มีความผิดต้องรับโทษทางอาญาสามารถดำเนินขบวนพิจารณาคดีโดยไม่ต้องมีตัวจำเลยมาศาล
ขณะเดียวกัน สถานการณ์การขว้างระเบิดก็มากด้วยความซับซ้อน
เห็นได้จากเวลา 23.30 น. ของวันที่ 20 ตุลาคม คนร้ายได้โยนระเบิดเข้าไปในบ้าน นายอักขราธร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ณ ย่านลาดพร้าว
เส้นทาง “ข่าว” เน้นว่า
เป็นการขว้างระเบิดก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะอ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาภิเษกที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภริยาตกเป็นจำเลย
ต่อมาคืนวันที่ 30 ตุลาคม ได้เกิดเหตุร้ายขึ้นหลายครั้ง
โดยเวลา 00.30 น. คนร้ายขว้างระเบิดใส่บ้านพัก นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ย่านถนนปรีดี พนมยงค์ ทำให้บ้านเสียหายเล็กน้อย ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
เวลา 03.20 น. คนร้ายขว้างระเบิดที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ตรงข้ามสำนักปลัดบัญชีกองทัพบก
ส่งผลให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้รับบาดเจ็บ 10 ราย
เวลา 04.00 น. มีเสียงปืน 10 นัดดังมาจากถนนพิษณุโลกด้านประตูหลังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ ห่างจากบริเวณแยกสวนมิสกวันไปราว 50 เมตร
รุ่งเช้าพบผู้เสียชีวิต 1 ราย แต่ไม่ใช่ผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ช่วงเวลาใกล้เคียงกันนี้ที่เชียงใหม่เกิดเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ของ นายเทิดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา เจ้าของสถานีวิทยุชุมชน “วิหค เรดิโอ” ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชียงใหม่
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม มีผู้ขับรถยนต์เข้าไปขว้างระเบิดควันเข้าใส่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์
เป้าหมายยังเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ความน่าสนใจอยู่ที่การอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตการซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ที่ดินรัชดาภิเษกมีจำนวน 33 ไร่ มูลค่า 772 ล้านบาท
โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 1 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 2
ศาลพิพากษาว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 100 อนุ 3 วรรค 3 ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี
ส่วนความผิดฐานอื่นและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
และให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาบังคับตามคำพิพากษา
ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ศาลยกฟ้องและให้เพิกถอนหมายจับ และไม่สั่งริบที่ดินพิพาทและเงินที่ใช้ในการประมูล
สายตาจึงมองไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เมื่อรับทราบคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 21 ตุลาคม
เบื้องต้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ที่อังกฤษ
“ได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วถึงผลการตัดสิน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ใช้หลักกฎหมายมาเป็นหลักฐาน แต่เป็นเรื่องการเมือง”
ต่อมาในวันที่ 1 พฤศจิกายน ก็มีการเคลื่อนไหว “ใหญ่” ทางการเมือง
เมื่อรายการ “ความจริงวันนี้” ซึ่งเป็นรายการที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (NBT) ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง
ได้จัดรายการสัญจรขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน มีประชาชนสวมเสื้อแดง เดินทางมาร่วมกว่า 70,000 คน
รวมทั้ง ส.ส.พรรคพลังประชาชนก็สวมเสื้อแดงมาร่วมรับฟังการปราศรัย
ขณะที่ในคืนวันที่ 31 ตุลาคม รับทราบกันว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีพร้อมกับภรรยา นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พักผ่อนเป็นการส่วนตัวที่บ้านพักกรีนวัลเลย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
กระทั่งเวลา 20.30 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ ขึ้นเวทีเกริ่นนำก่อนที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินจากฮ่องกงเข้ามายังที่ชุมนุมชัดถ้อยชัดคำ
“คิดถึงทุกคนแต่ยังกลับประเทศไทยไม่ได้เพราะถูกสั่งจำคุก 2 ปี
ผมและครอบครัวถูกทำร้าย ไม่ว่าจะเป็นการอายัดทรัพย์ การสั่งจำคุก การตั้งข้อหาทั้งครอบครัว ทำให้ครอบครัวต้องแตกฉานซ่านเซ็น อดีตนายกรัฐมนตรีที่เคยได้รับความยอมรับ ได้เสียงถล่มทลาย 2 ครั้ง
ชนะเลือกตั้งท่วมท้น 377 เสียงเป็นประวัติการณ์ แต่ถูกลอบฆ่า ถูกปฏิวัติ มีการใช้กระบวนการยุติความเป็นธรรมต่อผม
ไม่มีใครที่จะเอาผมกลับประเทศไทยได้นอกจากพระบารมีที่จะทรงพระเมตตา
หรือไม่ก็ด้วยพลังของพี่น้องประชาชนเท่านั้น การปฏิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ทำให้ประเทศไทยเสียหาย
ขอเรียกร้องพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหาร”
การ “โฟนอิน” จากฮ่องกงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แสดงให้เห็นถึงการพยายามโต้กลับ หลังจากถูกรุกไล่อย่างต่อเนื่องในทางการเมือง
รุกไล่โดย “เด็ดหัว” คนในรัฐบาลและในสภาผู้แทนราษฎร
ไม่ว่าจะเป็น นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ไม่ว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัฐ ประธานสภาผู้แทนราษฎร
และที่สุดคือการรุกไล่ไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผ่านกระบวนการทางศาลตั้งแต่การออกหมายจับ และการอ่านคำพิพากษาจำคุก
ส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องเดินทางไปต่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากย้อนกลับมาภายหลังการเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 พรรคพลังประชาชนได้ชัยชนะและจัดตั้งรัฐบาลโดยมี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี
และนี่ย่อมเป็น “สัญญาณ” ในการตอบโต้
ตอบโต้ไปยัง “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ตอบโต้ไปยัง “เครือข่าย” ที่แม้มิได้เป็น “รัฐบาล” แต่ยึดกุมครองกลไกแห่ง “อำนาจรัฐ”
สัญญาณนี้ยิ่งเพิ่มความร้อนแรงให้กับสถานการณ์เดือนพฤศจิกายน 2551
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022