ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 กรกฎาคม 2567 |
---|---|
ผู้เขียน | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ |
เผยแพร่ |
วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน 2525 ผมเดินทางถึง สภ.อ.เมืองกำแพงเพชร พบเพื่อนๆ ร่วมรุ่นของผมอยู่กันพร้อมหน้าทั้ง 5 คน คือ ร.ต.ต.ไพโรจน์ ขันธบุญ, ร.ต.ต.ธนู พูลสุข, ร.ต.ต.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, ร.ต.ต.ปัญญา สุขเอม และ ร.ต.ต.วินัย อ่อนสุวรรณกุล ผมดีใจและรู้สึกอบอุ่นใจมากที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเพื่อนๆ ทุกคน
ทั้งหมดผมคุ้นเคยสนิทสนมมากตั้งแต่เรียนมาด้วยกัน
เพื่อนๆ พาผมไปเข้าพักที่โรงแรมชากังราว และเมื่อผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย จึงเริ่มทำงานทันที โดยการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกของเพื่อน จึงพาไปพบกำนันถนอม ซึ่งเป็นกำนันตำบลหนองปลิงในเวลานั้น และเป็นตำบลที่ปรากฏอยู่ในบัตรประจำตัวประชาชนของนายชาลี นาทอง
เมื่อซักถามกำนันไม่นานนัก ความทุกข์ ความกังวลของผมที่มีมานานเกือบเดือน ก็ปลาสนาการหายไปชั่วพริบตา
คำถามที่ผมถามกำนันถนอม คือ บ้านเลขที่ 53 หมู่ที่ 1 ต.หนองปลิง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร อยู่ที่ไหน มีใครอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้
กำนันถนอมตอบผมว่า แต่เดิมมีบ้านเลขที่นี้อยู่ ปัจจุบันนี้ไม่มีแล้ว ถูกยกเลิกไป เพราะมีการขยายเขตเทศบาล จนครอบคลุมบริเวณบ้านเลขที่ 53 และบางส่วนของ ต.หนองปลิง เมื่อมีการมาขอทำบัตรประจำตัวประชาชน จึงได้สวมทับบ้านเลขที่เดิมที่ถูกยกเลิกไป คือบ้านหลังนี้
กำนันถนอมได้ตอบยืนยันว่ามีการแลกเปลี่ยนกันเป็นค่าตอบแทนในการทำบัตรประจำตัวประชาชนให้ในครั้งนี้ด้วย ไม่ใช่ทำฟรีๆ
ผมได้จัดทำบันทึกปากคำกำนันถนอม เป็นหลักฐานยืนยัน และสอบสวนผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ก็ได้ความทำนองเดียวกัน
เมื่อเสร็จสิ้นความสงสัยนี้แล้ว ผมก็มองเห็นจนทะลุปรุโปร่งถึงขบวนการทุจริตในการทำบัตรประชาชนให้กับคนต่างชาติ
ต่อจากนั้นเพื่อนของผม พาผมไปยังที่ว่าการอำเภอเมืองกำแพงเพชร ผมได้เข้าพบปลัดอำเภอเมือง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง คือ นายสมจิตร ศิรินทร์วงศ์ และนายกฤต บัวสรวง และคนอื่นๆ ที่มีหน้าที่ออกบัตรประจำตัวประชาชน
ปลัดอำเภอที่รับผิดชอบ ทราบเรื่องว่ามีการตรวจยึดบัตรประจำตัวประชาชนของนายชาลี นาทอง มาก่อนแล้ว โดยปลัดอำเภอบอกกับผมว่า ได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่ลงข่าวส่วนภูมิภาค จึงได้เตรียมเอกสารไว้ชี้แจงแล้ว
ปลัดอำเภอท่านนี้อายุมากแล้ว เหลือเวลาอีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณอายุราชการ
ผมจึงรับเอกสารทั้งหมดจากปลัดอำเภอ เพื่อรวบรวมไว้ในสำนวน พร้อมทั้งสอบปากคำปลัดอำเภอและเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ถ่ายรูป ออกเอกสาร ทุกคนต่างจำนนต่อหลักฐาน จนปลัดอำเภอพูดอะไรไม่ออก และยอมรับชะตากรรม
แต่ผมชี้แจงต่อปลัดอำเภอว่า ผมเพียงแค่ทำหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน แล้วรายงานไปตามลำดับชั้น ผมไม่มีหน้าที่ในการดำเนินคดี เพราะสถานที่กระทำผิดเกิดขึ้น ไม่ใช่พื้นที่ที่ผมมีอำนาจ
ส่วนใครจะดำเนินคดี เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจหน้าที่จะสั่งการ
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผม ผมจะไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อนายชาลี ที่นำหลักฐานเท็จมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่อีกคดีหนึ่ง
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ผมมีความรู้สึกโล่งอก แต่ก็รู้สึกสงสารปลัดอำเภอและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ของที่ว่าการอำเภอเมืองกำแพงเพชรจริงๆ เพราะปลัดอำเภอมีอายุมากแล้ว
ด้วยความที่ผมสนิทคุ้นเคยกับเพื่อนที่กำแพงเพชรมากๆ จนดูเหมือนผมกลับไปร่วมทำงานกับเพื่อนๆ อีกครั้ง
ยิ่ง ร.ต.ต.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นักกีฬาว่ายน้ำด้วยกัน ในทีมว่ายน้ำเรียก ไอ้อ่ำ กันจนติดปาก ผมรู้จักไอ้อ่ำ ที่น่ารักของเพื่อนๆ ภาพนั้นยังติดตาผมมาจนทุกวันนี้
แต่ผมไม่รู้จักไอ้อ่ำในภาพของนักการเมือง ที่หลบหนีหายไปจากสังคมไทย
แล้วผมก็จากลาเพื่อนๆ ที่กำแพงเพชร กลับมาทำหน้าที่ต่อที่ สภ.อ.เมืองระนอง โดย ร.ต.ต.ไวพจน์ไปซื้อตั๋วรถทัวร์ของบริษัทถาวรฟาร์ม ซึ่งเป็นรถร่วม บ.ข.ส. ราคาค่าตั๋ว 125 บาท เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ให้ผม
สำหรับคดีของนายชาลี นาทอง นั้นเบื้องแรกทำเอาผมวิตกกังวลมาก แต่เมื่อสืบสวนเจาะลึกถึงต้นเหตุ ทุกอย่างก็กระจ่าง ผมได้รวบรวมพยานหลักฐานที่ได้มาทั้งหมด แล้วสรุปว่าเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิด และเป็นการกระทำในพื้นที่อื่น นำเสนอสารวัตรใหญ่ จากนั้นจึงได้เข้าพบผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ซึ่งได้ทำหนังสือส่งเอกสารทั้งหมดไปยังอธิบดีกรมตำรวจ เพื่อสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีนี้ได้ย้อนมาหาผมอีกครั้งเมื่อผมเป็นร้อยตำรวจโทแล้ว แต่ยังทำหน้าที่อยู่ที่เดิม ที่ สภ.อ.เมืองระนอง มีนายตำรวจยศร้อยตำรวจเอก จากกองปราบปราม เดินทางมาสอบปากคำผมอีกครั้ง โดยให้ยืนยันตามเอกสารที่ผมได้รวบรวมไว้ว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง
ภายหลังผมทราบมาว่า ทางกองปราบฯ ได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนในการทุจริตการทำบัตรประจำตัวประชาชนของนายชาลี นาทอง ทุกคน และปลัดอำเภอต้องมาติดคุกตอนแก่
เป็นผลจากการสืบสวนสอบสวนของผมในขณะที่เริ่มต้นใหม่ๆ และเดินทางไปไกลเกือบ 1,000 กิโลเมตร
ในระหว่างวันที่ 16-30 กันยายน 2525 สารวัตรใหญ่ได้มีคำสั่งให้ผมไปทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ประจำป้อมอาคารพาณิชย์ รับผิดชอบบริเวณถนนสายท่าเมือง สะพานปลา อาคารพาณิชย์ และบริเวณแพใหม่ ด้านหลังมีตรอกซอกซอยจำนวนมาก เป็นแหล่งชุมชนที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด คดีลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ เกิดขึ้นถี่มาก โดยมีตำรวจประจำ 3-4 นาย นายตำรวจที่จบมาใหม่จะสับเปลี่ยนกันมารับผิดชอบป้อมนี้ เป็นการฝึกการทำหน้าที่ให้ครบทุกด้าน
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2525 ร.ต.ต.อนุชน ชามาตย์ กับ ร.ต.ต.นริศ สุนทรโรจน์ ได้นำรถยนต์กระบะ ดัทสัน สีขาว ของ ร.ต.อ.ชม หนูแป้นน้อย เพื่อพาผู้เสียหายไปตามจับคนร้าย ที่บ้านทุ่งคา ต.หาดส้มแป้น แต่ด้วยเหตุที่มีฝนตก สภาพถนนขึ้นลงตามไหล่เขาและลื่น จึงเกิดอุบัติเหตุ รถพลิกคว่ำ พังยับเยิน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเรื่องที่เศร้ามาก
และผมยังได้รับคำสั่งให้ไปประจำที่ สภ.ต.ราชกรูด ในช่วงท้ายๆ เดือนกันยายน 2525 เพื่อดูแลรับผิดชอบป้อมตำรวจที่บริเวณสามแยกราชกรูด เส้นทางที่ไป อ.กะเปอร์ จ.ระนอง และแยกไป กิ่ง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร
วันที่ 1 ตุลาคม 2525 เป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ ผมได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนในปีแรก จำนวน 1 ขั้น เป็น ร.ต.ต.ขั้น 4 รับเงินเดือน เดือนละ 2,905 บาท
วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2525 วันแห่งการสูญเสียของ สภ.อ.เมืองระนอง เช้าวันนั้น บรรดานายตำรวจได้เดินทางไปจวนผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เพื่อส่งนายพร อุดมพงษ์ ที่ได้ย้ายไปรับราชการที่อื่นต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองคนใหม่คือ นายสาคร เปลี่ยนอำไพ หลังจากเสร็จพิธี ผมได้เดินทางเข้าเรือนจำจังหวัดระนอง เพื่อสอบสวนบันทึกปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม จนเสร็จสิ้นเรียบร้อย ตอนพักเที่ยงได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านสมบูรณ์โภชนา ร้านอาหารอร่อยในตลาดระนอง ที่รสชาติอาหารแซบซาบซ่าถึงใจ
แล้วผมได้เดินทางไปศาลจังหวัดระนอง เพื่อฝากขังผู้ต้องหา จนเวลาประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง ได้พบผู้พิพากษาท่านโสภณ ซึ่งเป็นเวรฝากขัง เสร็จธุระจากศาล จึงกลับมายังโรงพัก
พ.ต.ต.เฉลิม ฉับพลัน สวป. ได้สั่งการให้ผมฝึกตำรวจในเวลาบ่ายสี่โมง ผมจึงมีเวลาเหลือกลับไปอาบน้ำที่บ้านพัก แล้วย้อนกลับมาโรงพักอีกครั้งประมาณบ่ายสามโมงเศษ
ที่ด้านหน้าชั้นบนของโรงพักจะเป็นมุข ยื่นออกมาเป็นห้องทำงาน ส่วนบริเวณด้านล่างใต้มุขเป็นที่โล่ง และมีเสาปูน 4 ต้น ระหว่างเสาปูนมีโต๊ะเก้าอี้หินขัดตั้งวางไว้เป็นสถานที่จัดให้คนทั่วไปนั่งพักได้
ผมเห็นมีคนหลายคนนั่งอยู่ บริเวณโต๊ะเก้าอี้นั้น มีตำรวจหลายนาย รวมทั้ง สวป.อยู่ในบริเวณนั้นด้วย
ผมไม่ได้เอะใจอะไรเลยและไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นมาได้ในวันธรรมดาๆ แบบนี้
และกว่าจะถึงเวลาฝึกตำรวจ สี่โมงเย็น จึงมีเวลาเหลือ และผมมีอาการเพลียนิดๆ จึงขึ้นไปห้องพนักงานสอบสวนบนชั้นสอง เพื่อแอบงีบ แล้วหลับไปโดยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวใหญ่โต ข้างล่างด้านหน้าโรงพักวุ่นวายกันมาก
มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ด้านหน้าบริเวณโต๊ะเก้าอี้หินขัดแบบเงียบๆ เซื่องๆ ไม่มีใครจะคิดว่า ผู้ชายคนนี้มีปัญหาทางสุขภาพจิต สมัยนั้นเขาจะเรียกว่า คนบ้า สมัยนี้อาจจะเรียกว่าป่วยด้วยโรคจิตเวช จะถูกหรือผิดผมไม่มั่นใจ
แล้วผู้ชายคนนี้ทราบชื่อในภายหลังว่าชื่อ นายประมวล บัวหลวง อายุ 29 ปี เป็นชาวบ้านจาก อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เห็น พ.ต.ต.เฉลิม ฉับพลัน สวป.พกปืนโดยเหน็บอาวุธปืนไว้ที่ข้างเอว ซึ่งอาวุธปืนอยู่ในซองปืน ถ้า สวป.ดันซองปืนให้สุดจะทำให้สลักซองปืนล็อกกับเข็มขัด การแย่งเอาอาวุธปืนของผู้ชายคนนี้ก็จะไม่ง่าย
แต่เป็นเพราะ สวป.มักจะคาสลักซองปืนไว้กึ่งกลางเส้นเข็มขัด สลักจึงไม่ล็อกติดกับเข็มขัดโดยอัตโนมัติ
นายประมวลทำตัวเป็นคนร้ายในทันทีพร้อมกับตรงเข้าไปแย่งอาวุธปืนได้ แล้วกระชากออกมา อาวุธปืนจึงหลุดออกจากเอวของ สวป.ได้อย่างง่ายดาย
ผมเห็น สวป.พกปืนในลักษณะแบบนี้เป็นประจำ เพราะสะดวกเวลาเข้าห้องน้ำ เมื่อปลดเข้าปลดออก ทำได้ง่าย
คนร้ายได้อาวุธปืนและดึงออกจากซองปืนทันที พร้อมกับคว้าตัว สวป.แล้วล็อกตัว สวป.ไว้ เอาปืนของ สวป.ที่คว้ามาได้จ่อเข้าที่ศีรษะทันที
เหตุการณ์คงจะฉุกละหุกและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตำรวจที่อยู่กันหลายนายในบริเวณนั้นจึงทำอะไรเพื่อช่วยเหลือ สวป.ไม่ได้ และเมื่อคนร้ายมีแล้วใช้อาวุธปืนจี้ที่ศีรษะของ สวป. ทุกคนคงจะกังวล หากผิดพลาด ความสูญเสียที่ทุกคนไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นได้
คนร้ายได้ร้องขอให้จัดรถยนต์กระบะ 1 คันพร้อมพลขับ ซึ่งคนที่ทำหน้าที่เป็นพลขับ คือ ด.ต.บำรุง ทิพย์หนู
รายละเอียดของเหตุการณ์ผมมาทราบเมื่อตื่นขึ้นมา ตำรวจเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
และในระหว่างนั้นได้ทราบข่าวทางวิทยุแจ้งมาว่า คนร้ายได้ถูกยิงเสียชีวิตแล้วที่ ต.ราชกรูด ห่างจากตัวเมืองไป 26 กิโลเมตร และพร้อมๆ กับข่าวเศร้า คนร้ายก็ได้ยิง สวป.เสียชีวิตด้วย เวลานั้นมีตำรวจจำนวนมากติดตามคนร้ายที่จี้บังคับตัว สวป.อยู่บนรถกระบะ
เหตุการณ์เช่นนี้ได้ช็อกความรู้สึกผมมาก เพราะผมเคารพนับถือ สวป.เฉลิม ฉับพลัน มากๆ มีรายละเอียดเพิ่มเติมมาว่า เหตุที่ สวป.เสียชีวิต เพราะเมื่อเดินทางไปถึง ต.ราชกรูด สวป.ตัดสินใจแย่งอาวุธปืนจากคนร้ายแต่ก็พลาด ถูกคนร้ายยิงที่หน้าอก และมือซ้าย รวม 4 นัด
เมื่อเหตุการณ์พลิกผันเช่นนั้น ตำรวจที่ติดตามไป จึงยิงคนร้ายเสียชีวิตทันที ในเวลาต่อมาจึงนำร่างของ สวป.มายังโรงพยาบาลระนอง เป็นความสูญเสียที่น่าสะพรึง เศร้าสลดเสียใจ
เป็นบทเรียนที่เกิดจากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022