ผ่าปริศนาคดี 3 ขวบจมน้ำดับ หายจากศูนย์เด็กเล็กศรีสะเกษ เจอเป็นศพในสระกลางทุ่งนา คล้าย ‘น้องชมพู่’ บ้านกกกอก

คดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.กรวิภา มณีวงษ์ หรือน้องอลิส วัย 3 ขวบ ที่ยังเป็นปริศนาแม้นจะผ่านมากว่า 3 อาทิตย์

ชวนให้นึกถึงคดีน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ แห่งบ้านกกกอก

คดีดังข้ามปีที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้สังคมได้ตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่ของสื่อในการนำเสนอข่าว

ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ต.คอนกาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ

น้องอลิส 3 ขวบจมน้ำสลด

ย้อนไปเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 14 มิถุนายน เกิดความวุ่นวายขึ้นภายใน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ ต.คอนกาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ เมื่อครูที่ดูแลเด็กๆ พบว่า ด.ญ.กรวิภา มณีวงษ์ หรือน้องอลิส วัย 3 ขวบ หายตัวไป เนื่องจากเจ้าตัวไม่มารับอุปกรณ์การนอนกลางวันที่วางเตรียมเอาไว้

ครู 2 คนรีบออกตามหา พร้อมแจ้งผู้ใหญ่บ้านประสานชาวบ้านใกล้เคียงออกช่วยกันตาม ผ่านไปเพียงไม่นานก็พบร่างไร้วิญญาณของน้องอลิส สภาพลอยน้ำอยู่บริเวณสระน้ำกลางทุ่งนา ทางทิศใต้ห่างจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ ประมาณ 600 เมตร โดยบริเวณขอบสระพบกางเกง รองเท้าและแพมเพิสของเด็กถูกถอดวางอยู่

ด.ญ.กรวิภา มณีวงษ์ หรือ น้องอลิส วัย 3 ขวบ

พ.ต.ท.วีระจักร์ จรรยากรณ์ รอง ผกก.สส.สภ.ยางชุมน้อย พ.ต.ท.ปัญญา โพธิขำ สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรยางชุมน้อย นำกำลังตำรวจและแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ ตรวจสอบชันสูตรพลิกศพ

เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย แต่ทั้งนายปริญญา มณีวงษ์ อายุ 26 ปี และ น.ส.พุทธมาลย์ นามจุมจัง อายุ 23 ปี พ่อและแม่ของเด็ก รวมทั้งญาติๆ ยังข้องใจในสาเหตุการตาย

เนื่องจากจุดที่พบศพห่างจากศูนย์มาก ทั้งระยะทางและเส้นทางก็ต้องผ่านทางชัน คลองชลประทานและทุ่งนา ไม่น่าที่เด็ก 3 ขวบจะเดินมาได้เอง รวมทั้งรองเท้าที่พบก็ไม่ใช่ของน้อง อีกทั้งนิสัยปกติของน้องจะไม่ชอบเดินไปไหนไกล ชอบให้อุ้มมากกว่า

เมื่อมีข้อสงสัย ตำรวจจึงนำศพส่งต่อให้โรงพยาบาลศรีสะเกษชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมสอบปากคำครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ ทั้ง 3 คน

พล.ต.ต.พิษณุ วัตถุ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ชี้แจงความคืบหน้าคดี

หลังเกิดเหตุสลด นายมุนินทร์ แก้วคำ นายก อบต.คอนกาม สั่งให้ปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ เป็นการชั่วคราว หรือจนกว่าคดีของน้องอลิสจะเสร็จสิ้น พร้อมให้การเยียวยาในเบื้องต้น โดยมอบเงินจากคณะครูที่เรี่ยไรกัน ส่วนทาง อบต.คอนกาม ให้การช่วยเหลือด้านการจัดงานศพจนเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางศาสนา พร้อมให้ปรับปรุงสภาพรั้วของศูนย์ที่ผุพังเสียหาย

ต่อมาวันที่ 17 มิถุนายน นพ.ชลวิทย์ หลาวทอง ผอ.โรงพยาบาลศรีสะเกษ พร้อมด้วย นพ.อังกูรย์ แก่นจำปา หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช แถลงข่าวผลการชันสูตรร่างของน้องอลิส ระบุว่าพบของเหลวภายในจมูก ปอดบวมน้ำ ในกระเพาะมีของเหลวปนอาหารย่อยบางส่วนซึ่งอาหารมีลักษณะเป็นเส้น

ตามร่างกายไม่พบบาดแผลและร่องรอยการทำร้ายตามร่างกาย และผลของการตรวจอวัยวะเพศ ไม่พบร่องรอยการฉีดขาดของเยื่อพรหมจรรรย์

ซึ่งทางแพทย์ก็ให้ผลสรุปเบื้องต้นว่า น้องเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจขณะจมน้ำ

การเสียชีวิตลักษณะนี้ คือ น้องยังมีชีวิตอยู่ขณะจมน้ำ เพราะมีการสำลักเอาน้ำเข้าไปในปอด ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนจะมีคนไปพบ

ด้านพ่อของน้องอลิส เปิดเผยหลังฟังผลการแถลงว่า ผลการชันสูตรขัดแย้งกับความคิดของตน ไม่เหมือนกับที่ตนสงสัย ซึ่งตนจะส่งร่างของน้องไปตรวจที่โรงพยาบาลตำรวจต่อไป และถ้าผลเป็นอย่างไร ตนก็จะหมดข้อสงสัยในจุดนี้

คดีของน้องอลิสกลายเป็นข่าวดังขึ้นมา สื่อมวลชนทั้งทีวีต่างส่งทีมข่าวลงพื้นที่เกาะติดการคลี่คลายคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สัมภาษณ์ครอบครัวผู้เสียชีวิต ชาวบ้าน เพื่อนำข่าวมาเสนอในแง่มุมต่างๆ การวิเคราะห์ปะติดปะต่อภาพจากกล้องวงจรปิด สร้างเป็นข้อสันนิฐานมากมาย

ทำเอาบรรยากาศแทบไม่ต่างกับคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบแห่งบ้านกกกอก ที่เสียชีวิตที่ป่าภูเหล็กไฟ ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร

พฐ.วัดระยะจากศูนย์ฯ-สระน้ำที่พบศพ

แจ้งข้อหา 3 ครูทำโดยประมาท

ในส่วนของคดี พล.ต.ต.พิษณุ วัตถุ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เผยว่า ได้แจ้งข้อหา “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” กับครูศูนย์เด็กเล็กฯ ทั้ง 3 คน มี ครูปูเป้ ครูน้อย และครูหนุ่ย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ตัดประเด็นตามที่สื่อมีการเสนอข่าวออกไป ว่ามีคนพาเด็กไปหรือไม่

เรื่องนี้เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและได้หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม แต่ข้อหาที่แจ้งไปแล้วนั้น เป็นการแจ้งข้อหาในส่วนที่พบพยานหลักฐานแล้ว ก็คือการปล่อยให้เด็กออกจากการดูแลของครู ซึ่งเป็นเด็กอายุเพียง 3 ขวบ โดยเฉพาะการขึ้นชื่อว่าศูนย์เด็กเล็ก เพราะฉะนั้น เด็กไม่ควรคลาดสายตาไปไหนมาไหนได้ แต่ถ้าเด็กออกไปแล้วเกิดการเสียชีวิตก็คือเรื่องของความประมาทของครู

แนวทางการสอบสวนขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสำรวจพื้นที่โดยรอบบริเวณที่เกิดเหตุ และตอนนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่าจะมีคนพาเด็กไป ซึ่งต้องรอผลประกอบทางนิติเวชวิทยากับทางโรงพยาบาลตำรวจ และการตรวจผลดีเอ็นเอของรองเท้าและแพมเพิส ที่ได้นำส่งตรวจแล้ว อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อนำมาประมวลผล แต่แนวทางสืบสวนก็ยังไม่หยุด ซึ่งตนได้สั่งการให้ทำการสอบสวนขยายวงกว้างขึ้น

ส่วนข้อที่ว่าเด็กเดินไปเองหรือไม่นั้น ได้รับรายงานว่า ระยะทางจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ ไปจนถึงสระน้ำที่เกิดเหตุ ตำรวจได้ไปวัดระยะทางแล้ว มีระยะทางเพียง 470 เมตรเท่านั้น และจุดสะพานไม้ที่มีการข้ามไปข้ามมานั้น จากการสอบสวนพบว่าบริเวณดังกล่าวมีเด็กไปเล่นอยู่เป็นประจำ

และในวันที่เกิดเหตุก็มีเด็กไปเล่นอยู่บริเวณนั้นเหมือนกัน คาดว่าเด็กก็มีสิทธิ์ที่จะข้ามทางไปได้เช่นเดียวกัน จากที่ดูข้อมูล หากเด็กข้ามทางมาแล้วก็จะมีร่องชลประทานซึ่งไม่มีน้ำ และเมื่อผ่านจุดนี้ไปก็จะเป็นทางเดินคันนา ถ้ามองทั่วไปก็คือ คนสามารถเดินเที่ยวได้ตามปกติ และไม่ได้เป็นหญ้ารกถึงขนาดที่เด็กจะไม่สามารถเดินไปได้

ส่วนประเด็นที่จะมีคนพาเด็กไปหรือไม่ ทางตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นนี้ทิ้ง และจะทำการสืบสวนต่อไปเพื่อเคลียร์ประเด็นนี้ให้จบ ซึ่งขอดูผลตรวจทางวิทยาศาสตร์และผลพิสูจน์ดีเอ็นเอต่างๆ นำมาประกอบ เพราะพยานต่างๆ ที่ได้มา สู้นิติวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ซึ่งตอนนี้จากพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีในตอนนี้ ยังไม่พบว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรม

ด้านนายปริญญา พ่อของน้องอลิส ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่มีคนอุ้มน้องอลิสไปว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะถ้ามีคนอุ้มน้องอลิสไป น้องต้องร้องเพราะน้องไม่ให้คนไม่รู้จักอุ้ม และถ้ามีคนอุ้มน้องไปจริง ทำไมไม่บอกแต่แรก ตนเชื่อว่าต้องมีคนเสี้ยมให้เด็กพูดออกมาเพื่อเบี่ยงประเด็น

ส่วนข้อสันนิฐานที่ว่าลูกสาวไปล้างมือในห้องน้ำแล้วหน้าทิ่มจมน้ำ แล้วมีคนนำร่างน้องไปทิ้งที่สระน้ำ ตรงนี้เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ ซึ่งก็มีข่าวว่าเด็กนักเรียนรายหนึ่งเล่าให้ผู้ปกครองฟังว่าเห็นน้องหน้าทิ่มลงไปในแท็งก์น้ำในส้วม ก่อนเดินมานอนสำลักกลางห้อง เพราะยังไงตนก็ไม่เชื่อว่าน้องจะสามารถเดินไปได้ไกลขนาดนี้ แต่ก็เป็นแค่เพียงการสันนิษฐานเท่านั้น

ขณะที่ด้านการชดเชยเยียวยา ทางครอบครัวน้องอลิส เรียกค่าเสียหายจากครูทั้ง 3 คนและ อบต.คอนกาม ในฐานะผู้บังคับบัญชาและผู้ดูแลศูนย์เด็กเล็กฯ เป็นเงิน 15 ล้านบาท ทำให้ยังไม่สามารถพูดคุยเจรจาตกลงกันได้

นิมนต์พระทำพิธีเรียกวิญญาณสระล้ำที่พบร่าง

ต่อมาวันที่ 26 มิถุนายน พล.ต.ต.หญิงธิติมา ธรรเมศรานาท์ ผบก.ศพฐ.3 และ พ.ต.อ.เทอดไทย สุขไทย รอง ผบก.ศพฐ.3 และเจ้าหน้าที่ ศพฐ.จังหวัดศรีสะเกษ ลงพื้นที่ตรวจสอบภายในศูนย์ บริเวณรอบนอก พร้อมกับเดินเท้าวัดระยะทางโดยใช้ล้อวัดระยะทางในการวัด เริ่มต้นจากศูนย์ไปยังจุดที่พบรองเท้า กางเกง แพมเพิสเด็ก ที่ใกล้กับจุดที่น้องอลิสจมน้ำเสียชีวิต เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมและตรวจสอบระยะทางการเกิดเหตุที่แท้จริง

โดยเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างดินจำนวน 4 จุดพร้อมขอให้ครูทั้ง 3 คนนำรองเท้าที่ใส่วันเกิดเหตุส่งให้ตรวจสอบว่ามีเศษดินตรงกันหรือไม่ เพื่อนำมาประกอบกับผลการวิเคราะห์น้ำที่พบในปอดและกระเพาะอาหารของน้องอลิส

ปริศนาการเสียชีวิตของน้องอลิส น่าจะคล้ายกับกรณีของน้องชมพู่ ที่ทุกคำถามคลี่คลายลงได้ด้วยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์

ส่วนจะเป็นเพียงความพยายามอำพรางคดีเพื่อให้ตัวเองพ้นผิดเช่นเดียวกับลุงพล หรือเลยเถิดไปถึงเป็นการฆาตกรรม

ตำรวจต้องมีคำตอบที่สมเหตุสมผลให้กับสังคม

สภาพสะพานไม้ก่อนถึงทุ่งนา
อบต.คอนกาม ซ่อมแซมรั่วศูนย์พัฒนาเด็กฯ
ครอบครัวฝังร่างน้องอลิส ตามความเชื่อ